เมียผมไม่ใช่สุนัขจิ้งจอก

ตอนที่ 7 ดาเนินการหลังสอบถาม



ตอนที่ 7 ดาเนินการหลังสอบถาม

เมื่อได้ยินคำพูดที่เป็นห่วงของลู่หลัว จื่อหลัวก็ไม่ตอบกลับอะไร นางรู้นิสัยใจคอที่แท้จริงของคุณหนูของตนเองดี นางไม่ใช่คน ที่จะทนทุกข์ได้ ส่วนชิงหลัวกลับมีสีหน้ากังวล แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้น ที่สุดคือเงาสีดำที่ผ่านหลังคาไปเมื่อครู่นี้ได้เปิดแผ่นกระเบื้อง ออกแล้วมองลงมา นึกไม่ถึงว่าจะเหยียบกระเบื้องเสียไปแผ่น หนึ่ง จึงเกิดเสียงดังกึกกัก แต่หลังจากมองไปที่ผู้หญิงสองสาม คนในห้อง พวกนางดูเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงผิดปกติใดๆ เมื่อรู้ ว่าโชคดีก็แลบลิ้นออกมา แล้วแอบดูต่อไป

ดูเหมือนการเคลื่อนไหวจะมากไปหน่อย! ดวงตาของเยี่ย นมเอ๋อร์หรี่ลงเล็กน้อย ในใจพลางคิดว่า เป็นใครกันแน่? พ่อ บ้านใหญ่ของตระกูลซึ่งกวนก็รู้ดีว่าเป็นคนที่ใจเย็นมากเพียง แค่ได้ยินคำพูด คงจะไม่ถึงกับสอดแนมห้องส่วนตัวของหญิง สาวในตอนกลางคืนแบบนี้หรอกกระมัง? แล้วจะไม่ส่งเสียงดัง เพียงเพราะคำพูดของตัวเอง

“คุณหนู?” จื่อหลัวเห็นเขียนเอ๋อร์ขบคิด แล้วลองร้อง เรียกดู พวกนางล้วนเป็นผู้หญิงธรรมดา ไหนเลยจะรู้ว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญอยู่บนหลังคา ยัง คิดว่าเยี่ยนเอ๋อร์ จู่ๆ ก็ตกอยู่ในภวังค์ครุ่นคิด

“อัปยศเหรอ? อาจจะมีบ้าง! แต่ข้าคิดว่า ตราบใดที่ข้า ปฏิบัติตามกฎ ไม่ทำอะไรผิดพลาด ฮูหยินชั่งกวนจะไม่ปล่อย ให้ข้าได้รับความอยุติธรรม!” เขียนเอ๋อร์สายศีรษะ พลาง คิดถึงคนนิรนามที่ปรากฏตัวบนหลังคาเมื่อครู่ใหญ่นั้น

“คุณหนู ดูท่าการแต่งงานครั้งนี้จะไม่ดีอย่างที่เราคิด ถ้า ถึงตอนนั้นตระกูลซึ่งกวนรังเกียจจริงๆ ล่ะก็..” ลู่หลัวราวกับเพิ่ง จะนึกขึ้นมาได้ในตอนนี้ ความจริงการแต่งงานในครั้งนี้ไม่ ถือว่าวงศ์ตระกูลเท่าเทียมกัน

“จริงๆ แล้วขาก็รู้ การแต่งงานครั้งนี้ไม่ถือว่าวงศ์ตระกูล เท่าเทียมกัน” เยี่ยนเอ๋อร์ย่อมรู้ว่าลู่หลัวกำลังคิดอะไรอยู่ จิตใจของนางค่อนข้างเรียบง่าย แต่ความภักดีที่มีต่อตัวเองนั้น ไม่ต้องสงสัยเลย แล้วกล่าวว่า “ตอนที่ท่านแม่เสียชีวิต เรื่องที่ น่ากังวลที่สุดก็คือการแต่งงานของข้า จำได้ว่านางพูดในตอน นั้นว่าการแต่งงานครั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับฮูหยินชั่งกวนด้วย หาก หยินชั่ง
กวนชอบข้าละก็ การแต่งงานครั้งนี้จะเป็นไปได้อย่าง แน่นอน ในทางตรงกันข้าม ก็มีสิทธิ์ที่จะไม่มีการแต่งงานนี้ขึ้น ไม่ว่าจะมองอย่างไร มันก็คือการตีตัวเสมอตระกูลซึ่งกวน

“แล้วเหตุใด ในตอนนั้นตระกูลซึ่งกวนถึงพูดคุยเรื่องการ แต่งงาน ท่านไม่เพียงเห็นด้วย แต่ยังหักล้างความตั้งใจของไท ไม่?” ในเวลานั้นตระกูลซึ่งกวนกำลังเจรจาการแต่งงาน ไม่นึก เลยว่าไท่ไม่คิดจะเอาตาปลาผสมไข่มุก [1] ให้คุณหนูหกแต่ง แทน เขียนเอ๋อร์จึงปฏิเสธความพยายามของไท่ไปอย่างไม่ เกรงใจแม้แต่น้อย หลัวก็รู้เรื่องนั้นดี

“หลัว ไม่ไม่เห็นว่าตระกูลซึ่งกวนนั้นดี แต่ไม่ได้คาดคิด ว่าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของนางนั้น หากแต่งเข้าตระกูลซึ่งก วนจริงๆ จะมีผลอะไรตามมา?” เยี่ยนเอ๋อร์ดูแคลนเยี่ยนไปไม่ กับลูกหลายคนของนางมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

“แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับท่านนะเจ้าคะ!” ลู่หลัวคิดแต่ เรื่องคุณหนูของตัวเอง ส่วนคนอื่นๆ นางไม่ได้คำนึงถึง

“เจ้ามันโง่!” จื่อหลัวเขกหน้าผากของลู่หลัวอย่างไม่ไยดี ไปที่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าคิดจะให้คุณหนูหกแต่งเข้าตระกูล งกวน ต้องให้คุณหนูไปอยู่บ้านของคนอื่นก่อนหรือไม่? ด้วยอารมณ์ของไทไท จะ ต้องให้คุณหนูแต่งงานกับคนที่มีอำนาจพวกนั้นเป็นอนุภรรยา แน่นอน ไหนเลยคุณหนูจะรับความอัปยศเช่นนั้นได้? อีกอย่าง คุณหนูตื่นเช้าตรู่มาตั้งแต่อายุยังน้อย นางยังเรียนอยู่เมื่อดวง จันทร์อยู่บนท้องฟ้า นอนไม่ถึงสามชั่วยามทุกวัน ต้องเรียนพิณ หมากรุก การเขียนพู่กันและวาดภาพ ต้องเรียนเย็บปักถักร้อย ต้องเรียนรู้การเป็นแม่ศรีเรือน และเรียนรู้ภูมิศาสตร์มนุษย์ ไป เพื่ออะไร? ไปไม่รองเลี้ยงส่งเสียดูคุณหนู ในฐานะลูกสะใภ้ของ ตระกูลซึ่งกวนมาตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ คุณหนูเรียนสิ่งเหล่า นั้นด้วยความยากลำบากเพียงใดล่ะ!”

“จริงด้วยสินะ!” ลู่หลัวพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ถ้าไม่ใช่ เพราะป้าโม่ดูแลสุขภาพของคุณหนูมาตลอด คุณหนูคงต้องจม ดิ่งกับการศึกษาที่แปลกพิลึกพิลั่นเหล่านั้นเป็นแน่

“ใช่แล้ว! ตั้งแต่ข้าเริ่มจำความได้ ความในใจของท่านแม่ คืออยากให้ข้าแต่งเข้าตระกูลซึ่งกวน สิ่งที่ข้าทำมาตลอดสิบ เจ็ดปีเพียงเพื่อเป็นสะใภ้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับตระกูลซึ่งก วน ถ้าไม่แต่งงานล่ะก็ ไม่ใช่แค่ป้าโม่ แต่ยังรวมถึงท่านแม่ของ ข้าด้วยที่จะไม่ได้หลับอย่างสงบ! แล้วคุณหนูหกล่ะ? นางทำ อะไรเป็นบ้าง? เอาแต่แต่งตัวประทินโฉมอยู่อย่างเดียว ไม่รู้บทกวีและตำราอะไรเลย ทักษะการเล่นหมากรุกก็ธรรมดา แค่เล่นพิณผีผาเก่งเท่านั้น เก่งเพียงอย่างเดียวก็หนีไม่พ้นเรื่องวางแผนคิดร้าย ถ้านางแต่ง เข้าตระกูลพ่อค้าแน่นอนว่าต้องเป็นนายหญิงที่ร้ายกาจ ถ้าแต่ง เข้าตระกูลซึ่งกวน ไม่เพียงจะทำให้ตระกูลเยียนต้องแบกรับ ความผิดที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา ยังทำให้ตระกูลซึ่งกวน อับอายขายหน้าอีกด้วย” เยี่ยนเอ๋อร์รู้จักน้องสาวต่างมารดา ไม่กี่คนนั้นของนางเป็นอย่างดี พวกนางต่างสืบทอดการคิด สะระตะอย่างรอบคอบของบิดากับความโง่เขลาเบาปัญญาของ มารดา คิดเทียบชั้นกับใครเขาไปทั่ว คิดว่ามันง่ายมากที่จะปืน ขึ้นไปงั้นหรือ?

“แล้วคุณหนูไม่เคยคิดหรือว่าคุณชายซึ่งกวนจะเป็นคน แบบไหน? ไม่เคยแม้แต่จะสอบถามเรื่องนี้เลยหรือเจ้าคะ?”

ชิงหลัวถามอย่างสงสัย นับตั้งแต่ตระกูลซึ่งกวนพูดคุย เรื่องการแต่งงานกับตระกูลเยียน จึงมีการเล่าลือกันมากมายที่ โรงน้ำชา ในเมืองอู่โจว คำแทนชื่อของคุณหนูห้าตระกูลเยียนที่ ไม่เคยปรากฏชื่อได้เปลี่ยนจากนกกระจอกกลายเป็นหงส์ ความคิดเห็นของมวลชนต่างเชื่อว่า คุณหนูห้าตระกูลเยียนไม่ คู่ควรกับคุณชายซังกวน
“เคยคิดมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่คิด และไม่กล้าคิดด้วย” เยี่ย

นมเอ๋อร์กล่าวอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะในหมู่

ผู้คนก็ดี หรือฐานะต่ำต้อยก็ตาม เขาจะเป็นสามีในอนาคตของ

ข้าเสมอ ข้าต้องแต่งงานกับเขา ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น หลัง

จากที่เราแต่งงานกัน เขาจะเป็นสวรรค์ของข้า ดินแดนของข้า

และทุกสิ่งทุกอย่างของข้า

“คุณหนู…” ชิงหลัวรู้สึกตื้นตันใจเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าคุณ หนูห้าจะเป็นคนที่ถือขนบธรรมเนียมเช่นนี้ ส่วนลู่หลัวกับ

จื่อหลัวแม้จะตกใจมาก แต่ก็ปกปิดการแสดงออกบน ใบหน้าอย่างระมัดระวัง เงาคนนั้นบนหลังคาก็อ้าปากค้าง ด้วยความประหลาดใจเช่นกัน

“เอาล่ะ ดึกมากแล้ว! จื่อหลัว เก็บของพวกนี้ไว้ที่นี่ ค่อยมา เก็บต่อในวันพรุ่งนี้เถิด” เขียนเอ๋อร์ก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน คิด ไปคิดมาก็คิดไม่ออกว่าเป็นใครที่มาแอบมอง จึงไม่มีความคิด จะเล่นละครอีกต่อไป

“เจ้าค่ะ คุณหนู!” จื่อหลัวขานรับ แล้วรอให้เขียนเอ๋อร์ ขึ้นเตียงนอน หลังจากเห็นนางหลับตา ก็เป่าเทียนให้ดับ ชื่อ หลัวเฝ้ายามตลอดทั้งคืนที่เยี่ยนเอ๋อร์อยู่ในห้อง จื่อหลัวเป็น นอนอย่างระแวดระวังอยู่ข้างนอก ส่วนลู่หลัวกับซิงหลัวกลับไปที่ห้องของพวกนาง

ในขณะที่นอนอยู่บนเตียง เยี่ยนเอ๋อร์ฟังคนคนนั้นบน หลังคาที่นำกระเบื้องกลับไปวางที่เดิมอย่างระมัดระวัง จากนั้น ก็รีบหนีออกไปอย่างว่องไว เขียนเอ๋อร์ผ่อนลมหายใจชั่วขณะ ข่มความรู้สึกไม่ให้ไล่ตามไป แล้วค่อยๆ ผล็อยหลับไป

“เจ้าพูดอะไร?” ซึ่งกวนจีนมองชั่งกวนจึงยิ่งที่ยังไม่เปลี่ยน ชุดดำ แล้วมาสร้างความรำคาญให้เขาอย่างปวดเศียรเวียน เกล้า เขาตั้งใจจริงๆ ให้คุณหนูรองที่ใจกล้าบ้าบินแอบไปดู โฉมหน้าของคุณหนูห้าตระกูลเยียนผู้นั้น แต่นึกไม่ถึงว่าคุณหนู รองจะมาเอ่ยขอร้องในเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลหลังจากกลับมา เช่นนี้

“ส่งข้าไปอยู่ใกล้ๆ ว่าที่พี่สะใภ้ในอนาคตด้วยเถอะ!” ซึ่งก วนจึงยิ่งพูดซ้ำไปซ้ำมาอีกรอบ แม้จะไม่เห็นหน้าตาของพี่สะใภ้ ในอนาคตจากบนหลังคา นางก็มั่นใจมากว่าผู้หญิงเหล่านั้นที่ พยายามจะแต่งงานกับพี่ใหญ่ทุกคนล้วนสวยงาม แต่เมื่อเทียบ กับคนที่ยังไม่เคยออกจากบ้านที่เสียงของนางก็นุ่มนวล ไพเราะ มาก ซึ่งดีกว่าผู้หญิงเหล่านั้น
“คุณหนูรอง…” ซึ่งกวนจนรู้สึกเหมือนกำลังยกหินขึ้น กระแทกเท้าของตัวเองแล้วพูดว่า “ทำไมเล่า? เจ้าไม่ชอบคุณ หนูห้าตระกูลเยียนคนนี้ไม่ใช่เหรอ? ไฉนจู่ๆ ถึงเรียกนางว่าพี่ สะใภ้?”

“จู่ๆ ก็รู้สึกว่าข้าชอบนางมาก!” ซึ่งกวนจึงยิ่งพูดด้วยรอย ยิ้มกริ่ม “นางสวยมาก คำพูดคำจากไพเราะมากเช่นกัน และดู เหมือนจะเรียบร้อยมากทีเดียว แถมนางก็ไม่ได้เป็นคนชอบ สอดรู้สอดเห็นเรื่องของพี่ใหญ่ถึงอย่างไร ข้าก็เพิ่งเริ่มชอบ นาง! ลุงจีน เจ้าส่งข้าไปอยู่ใกล้ๆ ว่าที่พี่สะใภ้ทีเถอะ! เดิมที่ข้า อยากไปด้วยตัวเอง แต่กังวลว่านางจะไม่เชื่อข้า และกลัวว่า นางจะตกใจเมื่อข้าปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน

“คุณหนูรอง การนี้คงไม่เหมาะจริงๆ ประการแรก ถ้าส่ง คนไปโดยไม่มีเหตุผลอย่างนี้ คุณหนูห้าตระกูลเยียนจะคิด อย่างไร? และข้าไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ตอนที่ได้พบกับนายท่าน เยี่ยนกับคุณหนูห้าตระกูลเยียน ในวันนี้เสียด้วย การทำแบบนี้ ออกจะล่วงเกินไปแล้ว ประการที่สอง แล้วจะแนะนำเจ้าอย่างไร ดี บอกว่าเจ้าเป็นคุณหนูรองของตระกูลซึ่งกวนงั้นหรือ? ถ้าไม่ ทำให้ผู้คนสะดุ้งโหยงก็จะทำให้ผู้คนดูถูกเจ้าได้! ไม่ได้! ไม่ได้ เด็ดขาด!” ซึ่งกวนจิ้นคัดค้านโดยไม่ลังเล นี่มันความคิดบ้าบอ อะไรกัน!
“เจ้าแค่บอกว่าข้าเป็นสาวใช้ของตระกูลซึ่งกวนหรือเป็น บ่าวในบ้านก็ได้ การส่งข้าไปก็เพื่อแนะนำเรื่องต่างๆ ใน ครอบครัวให้ว่าที่พี่สะใภ้ได้รู้จัก ให้ว่าที่พี่สะใภ้ได้รู้ไว้ก่อนว่ามี ใครบ้างในตระกูล นี่ก็เป็นเจตนาดีของเจ้าด้วย ไม่ใช่หรือ?”

ชั่งกวนจิงอิ๋งกลับคิดอย่างนั้น ถ้าบอกว่านางเป็นคุณหนู รองของตระกูลซึ่งกวน นางจะไม่ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของพี่ สะใภ้ในอนาคตหรือ? สาวใช้เป็นตำแหน่งที่ดีที่สุด แล้วใช้ โอกาสนี้ทำความเข้าใจนิสัยใจคอของพี่สะใภ้ในอนาคตได้

“ไม่ได้! เจ้าผ่านร้อนผ่านหนาวมายังไม่มากนัก คำพูดแค่ คำสองคำก็จะเผยพิรุธออกมา เมื่อถึงเวลานั้นกลับจะถูกคนดู หมิ่นได้ อีกอย่าง ต่อไปเจ้าจะได้เห็นคุณหนูห้าตระกูลเยียนใน ไม่ช้าก็เร็ว แล้วจะลงเอยอย่างไรในเวลานั้น?” ซึ่งกวนจีนไม่ วางใจ แต่นั่งกวนจึงอิ๋งเป็นเด็กที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรในจิตใจ แม้แต่น้อย การมาเช่นนี้ยังไม่โดนคนหลอกก็เลยไม่รู้

“ลุงจิ๋น” ซึ่งกวนจึงวิ่งเขย่าแขนของชั่งกวนจีนอย่างออก อ้อน ราวกับจะไม่มีวันยอมแพ้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย ซึ่งกวน จิ่นเฝ้าดูพวกเขาพี่น้องเติบโตขึ้น บางครั้งก็เอาใจพวกเขามา กกว่าซั่งกวนฮ่าวเสียด้วยซ้ำไป

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้!” ซึ่งกวนจีนพูดอย่างเคร่งขรึม “การมา รับตัวเจ้าสาวครั้งนี้เจ้าเพียงแค่แอบติดตาม หากไม่ใช่เพราะ ออกจาก โจวมาได้ห้าหกวันแล้วเจอเจ้า เพราะไม่มีคนที่เหมาะ สมจะส่งเจ้ากลับไป มิเช่นนั้นเจ้าควรจะได้กลับบ้านไปพักตั้ง นานแล้ว ถ้าเจ้ายังดื้อขนาดนี้ ข้าจะส่งคนพาเจ้าเดินทางกลับไป ก่อนพรุ่งนี้เช้า”

“ไม่มีที่ว่างให้หารือเลยเหรอ?” ซึ่งกวนจึงวิ่งมองไปที่นั่งก วนจีนอย่างไม่พอใจ พร้อมกับเบ้ปากเล็กๆ ทำท่าออเซาะ ช่าง น่าเอ็นดูมากทีเดียว

“ไม่มี” ซึ่งกวนจีนพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน ซึ่งกวนจีนรู้ กลเม็ดทุกอย่างของเด็กสาวคนนี้ดี และอย่ามาใช้ไม้ในยาม วิกฤติแบบนี้เลย

“ลุงจีน เจ้าไม่รักข้าแล้ว…” ซึ่งกวนจึงวิ่งเปลี่ยนกลยุทธ์ ทันที ด้วยท่าทางที่น่าสงสารจนอยากจะร้องไห้ แล้วลอบคิดใน ใจว่า ไม่เชื่อว่าเจ้าจะไม่โดนหลอก!

“รักไม่รักเจ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก!” ซึ่งกวนจนทนไม่ ไหวเล็กน้อย คุณชายคุณหนูทั้งสี่ที่เกิดจากฮูหยินชั่งกวนนั้น
ซึ่งกวนเวียได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวดที่สุดตั้งแต่เด็ก แทบไม่มีโอกาสได้ทำตัวเหมือนเด็กน้อยเลย คุณหนูใหญ่ซึ่งก วนหลิงหลงฉลาดเกินวัย ตอนเด็กๆ นางจะไม่งอแง นายน้อย คนรองจะขี้เล่นซุกซน ไม่ชอบอยู่ต่อหน้าเขา มีเพียงคุณหนูรอง ที่แปลกประหลาดคนนี้เท่านั้นที่เรียก “ลุงจีน เต็มปากเต็มคำ นางได้รับการบ่มเพาะจนเติบโตถึงทุกวันนี้ ซึ่งกวนจีนมีส่วน ช่วยอย่างมาก

“ข้ารู้แล้ว! ข้ารู้แล้ว! เมื่อมีหลิงแล้ว ลุงจีนจะไม่สนใจข้า อีกต่อไป!” ซึ่งกวนจิงอิ๋งร้องด้วยความเสียใจ แต่ก็น่าเสียดายที่ ดวงตาของนางวอกแวก จึงเผยให้เห็นความคิดของนาง

หลังที่นางเอ่ยออกจากปากนั้นคือสั่งกวนหลิงลี่เป็นลูก สาวของซังกวนจิ่น เด็กผู้หญิงอายุเก้าขวบ ฉลาดเฉียบแหลมไม่ ได้ด้อยไปกว่าชั่งกวนจึงอึ้ง ทั้งสองคนรักใคร่กลมเกลียวกันดี มาก

“เอาหลิงลี่มาพูดก็ไร้ประโยชน์” ซึ่งกวนจีนพูดอย่างโหด ร้าย เขาส่งชั่งกวนจึงวิ่งไปหาคุณหนูห้าตระกูลเยียนไม่ได้ และ ไม่ต้องพูดถึงว่าคุณหนูห้าตระกูลเยียนจะอ่อนโยนมีคุณธรรม จริงหรือไม่ รู้กันอยู่ว่าชั่งกวนจึงอึ้งเป็นอย่างไร ลำพังแค่นิสัยใจ คอของซังกวนจิงอิ๋ง ก็ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม!

“ข้าไม่สนใจอยู่แล้ว ถ้าเจ้าไม่ส่งข้าไป ข้าก็จะไปเอง!” งกวนจิงอิ๋งที่หมดหนทางจึงออกมาตรงๆ แล้วพูดว่า “ข้ารู้ว่า ลุงจีนมองข้าออก จะป้องกันไม่ให้ข้าสร้างปัญหา แต่ลุงจีน ข้า ไม่เชื่อว่าเจ้าจะเพิกเฉยต่อทุกสิ่งทุกอย่างได้ และพาข้ากลับ บ้านด้วยตัวเอง ลุงจีนเจ้าก็รู้ว่า หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ข้าไม่ กล้ารับประกันได้ว่าพวกเขาจะทำงานให้สำเร็จอย่างราบรื่น

ซึ่งกวนจีนมองนางอย่างปวดหัว ประโยคนี้พูดตรงประเด็น จริงอย่างที่ว่า ยกเว้นชั่งกวนจีนเอง ไม่มีใครในกลุ่มนี้จะควบ คุมสั่งกวนจึงวิ่งได้ นางจะหนีไปกลางคันเป็นแน่ และหาโอกาส ผสมปนเปเข้ามาในกลุ่ม ถ้านางปรากฏตัวต่อหน้าคุณหนูห้า ตระกูลเยียนกะทันหัน….ซึ่งกวนจีนส่ายหัว มันจะเป็นหายนะ

“เอาล่ะ! ตามที่เจ้าต้องการ ก็บอกว่าเจ้าเป็นสาวใช้ตัว น้อยประจำตัวฮูหยิน มาเพื่อช่วยให้คุณหนูห้าตระกูลเยียนทำ

ความคุ้นเคยกับผู้คนของตระกูลซึ่งกวนโดยเร็วที่สุด! เจ้า จำไว้ว่า จะเผยพิรุธไม่ได้!” ซึ่งกวนจีนพูดอย่างจนปัญญา“ดี!” ซึ่งกวนจิงอิ๋งกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง “ข้ารู้ว่าลุงจีนรัก

ข้ามากที่สุด และข้าจะเชื่อฟัง ได้เวลาหลอกคนให้เคลิบเคลิ้มอีกแล้ว? ซึ่งกวนจีนลูบหัว นาง ทำให้นางจนหนทางไม่ได้เลย…


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ