ตอนที่ 1 คําสาบาน (1)
“คุณหนูห้า ไทไม่บอกว่า อีกไม่นานก็จะเป็นวันมงคลของท่าน ท่านไปหาป้าโม่ไม่ได้อีกแล้ว หากท่านเกิดป่วยขึ้นมาละก็… หญิงสาวในชุดเสื้อคลุมจิ้งจอกสีขาวหรูหราจ้องมองด้วยแวว ตาที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก สาวใช้สวมเสื้ออ่าวชายสั้น [1] สี เขียวได้กลืนคำพูดเข้าปากไปแล้วที่อๆ เนื้อตัวสั่นเทาหลบไป อยู่ข้างๆ ไม่กล้าขัดขวางอีก
“จื่อเยียน เจ้ากลับไปหาไข่ไก่ ข้าจะอยู่กับป้าโม่ อย่า หาเหตุผลใดๆ มาตั้งข้า” หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าคุณหนูห้ายังคง เดินไปยังจุดหมายปลายทางของนางโดยไม่หยุดฝีเท้า และไม่ ลืมสั่งกําชับไว้อีก
“คุณหนูห้า ไม่ไปจะโกรธ… จื่อเยียนมองไปที่แผ่นหลัง ของคุณหนูห้าอย่างประหม่า ไม่กล้าขยับ
“แล้วเจ้ากลัวว่าไข่ไก่จะโกรธหรือกลัวว่าข้าโกรธ?” คุณ หนูห้าหยุดฝีเท้าชั่วขณะ ไม่หันกลับมา น้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ ทำเอาสาวใช้ทุกคนที่อยู่รอบข้างรู้สึกแปลกใจ
“เจ้าก็เอาคำตอบไปบอกไทไท จื่อเยียนตกใจ ถอยหลัง ไปด้วยความกลัวก้าวหนึ่ง รีบตอบและรีบออกไป เห็นได้ชัดว่า กลัวเจ้านายตรงหน้าคนนี้มาก
“คุณหนูห้า สาวใช้คนนี้หยิ่งยโสมาตลอดเพราะถือตัวว่าเป็นสาวใช้ประจำตัวไม่ไป นางไปครั้งนี้ จะต้องไปพล่ามนินทา กับไปไม่เป็นแน่” เมื่อเห็นจื่อเยียนลนลานหนีไปด้วยความตื่น ตระหนก คุณหนูห้าเดินตามสาวใช้สวมเสื้ออ่าวชายสั้นสีแดงที่ เม้มริมฝีปากอย่างดูแคลนไปทางซ้าย นางก็คาดการณ์แล้วว่า จะจบเช่นนี้
คุณหนูห้าไม่ได้สนใจว่าสาวใช้สวมเสื้ออาวชายสั้นสีแดง จะพูดอันใด เพียงแต่เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเท่านั้น สาวใช้สวมเสื้อว ชายสั้นสีแดงปิดปากอย่างโกรธแค้น แต่เหลือบเห็นการเยาะ เย้ยเล็กน้อยบนใบหน้าของสาวใช้ที่แต่งตัวเหมือนนางทาง ด้านขวาที่กลบเกลื่อนไม่ทัน ก็อดรู้สึกโมโหเล็กน้อยอย่างช่วย ไม่ได้ แต่ไม่กล้าพูดอะไร
“คุณหนูห้า ท่านมาแล้ว” เมื่อเห็นคุณหนูห้ายืนอยู่ที่หน้า ประตู แม่นมที่ค่อนข้างอ้วนท้วมเล็กน้อย อายุประมาณสามสิบ ปีคนนั้นซึ่งนั่งอยู่หน้าเตียงก็ลุกขึ้นคำนับโดยพลัน
“ยิ้ม…” คุณหนูห้าไม่ได้เพียงเดินผ่านไปในทันที แต่หยิบ เสื้อคลุมยื่นให้สาวใช้ทางขวาพลางกล่าวว่า “พวกเจ้าก็รออยู่ที่ หน้าประตู อย่านำความเย็นเข้ามา
“เจ้าค่ะ คุณหนู” สาวใช้ทั้งสองรับคำ แล้วยืนอย่างเชื่อฟัง อยู่หน้าประตู มองดูคุณหนูห้าเดินไปที่เตียงอย่างรวดเร็ว
“วันนี้ท่านป้าเป็นแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ?” แม่นมที่นั่ง อยู่ตรงนั้นหลีกทางให้ คุณหนูห้ามองหญิงชราที่สีหน้าหมอง คล้ำ ขมวดคิ้วมุ่น มีสีหน้ากังวล กึ่งเอนกึ่งนอนพิงหมอนอยู่
“ท่านป้าตื่นขึ้นมาสักพักแล้วเจ้าค่ะ บอกว่าอยากเจอคุณ หนู แล้วก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง….คุณหนู ก่อนที่ท่านจะมา หมอ ได้จับชีพจรให้ท่านป่า บอกว่าท่านป้าหมดเรี่ยวแรงแล้ว ต่อให้ จะมีโสมคน[2] มายื้อชีวิตก็ตาม ก็จะไม่รอดในสองวันนี้ ” เสียงของแม่นมเบาลงเรื่อยๆ นางก็รู้สึกหวาดกลัวหญิงงามตรง หน้าผู้นี้อย่างเห็นได้ชัด
คุณหนูห้าจับมือขวาที่ผอมแห้งของท่านป้าโม่ไว้ ใน ดวงตาเผยให้เห็นความเศร้าโศกที่ไม่อาจยับยั้งได้พลางเอ่ยขึ้น ว่า “ข้ารู้แล้ว พวกเจ้าออกไปข้างนอก เดินไปไกลหน่อย ข้าจะ อยู่ตามลำพังกับท่านป้าสักพัก
“คุณหนู” แม่นมร้องเรียกอย่างค่อนข้างเป็นห่วง ป้าโลม หายใจผะแผ่วจนอาจขาดใจตายได้ทุกเมื่อ ถ้าพวกนางไม่อยู่ แล้วให้คุณหนูคนเดียวเฝ้าป้าโม่สิ้นใจตายไปเองละก็…นางตัว สั่นสะท้าน ไม่กล้าคิดเรื่องนี้อีกต่อไป
“ถอยไป” น้ำเสียงของคุณหนูห้าเย็นชาเล็กน้อย แม่นม ไม่กล้าพูดอะไรอีก จึงต้องออกไปพร้อมกับสาวใช้สองคนที่เฝ้า หน้าประตู พวกนางก็ไม่กล้าออกไปไกลหรือเข้าใกล้ เพียงแค่ เฝ้าอยู่ตรงปลายทางเดินนอกประตู
“คุณหนู เจ้ามาแล้วเหรอ” หญิงชราค่อยๆ ตื่นขึ้นมา มอง ไปทางหญิงสาวที่อยู่หน้าเตียงด้วยรอยยิ้มที่เอ็นดูรักใคร่
“ท่านป้า” ใบหน้าที่ปราศจากอารมณ์มาตลอดของคุณ หนูมีร่องรอยของความเปราะบาง เสียงสะอื้นให้เล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ท่านป้า ท่าน…”
“ข้า ข้ารู้! คุณหนู คนเราน่ะ ล้วนเกิดแก่เจ็บตาย ข้าไม่ เสียใจอะไรเลยในชีวิตนี้ ผ่านความสุข ผ่านความทุกข์ ผ่าน ความมีหน้ามีตา ผ่านความอ้างว้าง….ข้าก็ถือว่าก่อกรรมทำชั่ว ไว้มากในชาตินี้ เดิมที่คิดว่าถ้าไม่ตายโหงก็จะต้องไร้ที่พักพิง ไม่เคยคิดเลยว่าจะจบลงด้วยดี แต่เมื่อได้พบเจ้าเข้าพอดี ได้ เห็นเจ้าจากเด็กหญิงตัวน้อยคนนั้นที่กัดนิ้วและน้ำลายไหล เติบโตจนงดงามเช่นนี้ สวยสะพรั่งเช่นนี้ ข้าก็พึงพอใจแล้ว… ป้าโม่มองไปที่คุณหนูห้า ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น นางปลงตกหมด แล้ว
“ท่านป้า ข้าเป็นห่วงท่าน…” คุณหนูห้าตาคลอเบ้าด้วย ความเศร้าใจแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านป้า ตั้งแต่จำความได้ข้าก็ไม่ เคยจากท่านป่าไปไหน ถ้าไม่มีท่านป้า ข้าก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้ อย่างไร…”
“เอ๋อร์ ป้าต้องตัดใจแค่ไหน” ป้าโม่เรียกชื่อเล่นของคุณ
หนูห้า นางไม่ค่อยเรียกแบบนี้ แต่นางรู้ดีว่า ถ้าตอนนี้ไม่เรียก
แบบนั้น ต่อไปจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว นางใช้มือซ้ายเช็ดน้ำตาที่
ไหลอาบแก้มของคุณหนูห้าอย่างแผ่วเบา แล้วเอ่ยขึ้นว่า “เอ
อร์ ไม่มีงานเลี้ยงใดที่ไม่เลิกรา ป้าถ่วงมาจนถึงตอนนี้ได้ ก็เป็น
เพราะจากเจ้าไปไม่ได้…ป้ายังอยากเห็นเอ๋อร์ของข้ากลาย
เป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุด ยังอยากเห็นเอ๋อร์ของข้าเป็นแม่คน
แต่น่าเสียดายที่วันนั้น ป้าคงไม่ได้เห็น….”
“ท่านป้า ข้าได้ยินมาว่ามีโสมหิมะอายุพันปีอยู่ในบ้านของชั่งกวน…” ในดวงตาของคุณหนูห้าฉายแววอำมหิตซึ่งแตก ต่างจากท่าทีที่อ่อนแอของนางอย่างสิ้นเชิง และยังมีสีหน้าโหด ร้ายอีกด้วย
“เอ๋อร์!” ป้าโม่หวาดเสียงต่ำ เมื่อมองเห็นความโหด เหี้ยมในดวงตาและบนใบหน้าของคุณหนูห้าหายไปแล้ว นางก็ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็กระแอมไอออกมาอย่างอด ไม่ได้
“ท่านป้า!” คุณหนูหายังคงจับมือขวาของป้าโม่ไว้ในมือ ซ้าย ในขณะที่มืออีกข้างวางบนหน้าอกของป้าโม่เบาๆ เพื่อ ความสบายใจ
“เอ๋อร์ ตระกูลซึ่งกวนคือครอบครัวสามีของเจ้า!” ป้าโม่ ตวาดอย่างรุนแรง
“ยังมิใช่!” คุณหนูห้าไม่ได้ผ่อนคลายน้ำเสียง พลางกล่าว ว่า “ท่านป้า ข้ารู้ว่าตระกูลซึ่งกวนมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้โสมหิมะ แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่ข้าจะเก็บ รักษาไว้ ข้าอยากลองดูสักครั้ง ไม่ว่าอย่างไรนั่นเป็นวิธีเดียวที่ ช้ารู้ในตอนนี้!”
“มันไร้ประโยชน์ มี่เอ๋อร์! แม้วิชาแพทย์ของเจ้าจะไม่ถึงกับ ยอดเยี่ยม แต่ก็เก่งกว่าแพทย์พวกนั้นหลายสิบเท่า พวกเขา ต่างรู้ว่าป้าไร้การเยียวยาแล้ว เจ้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? แม้โสม หิมะจะเป็นของวิเศษฟ้าดิน แต่ก็ช่วยคนที่จะต้องตายไม่ได้ หรอก! ในตระกูลซึ่งกวนมีโสมหิมะอายุหลายพันปีก็ไม่ใช่ความลับใหญ่โตอะไร ป้ารู้มาตั้งนานแล้ว ถ้าใช้ได้ผลละ ป้า คงไม่รอให้เจ้ามาเตือน ป้าไม่สายศีรษะกล่าวว่า “นี่เอ๋อร์ เจ้า กับชั่งกวนเวีย…”
“ท่านป้า ข้าไม่แต่ง!” คุณหนูห้าพูดอย่างเฉียบขาด “ครอบครัวของซังกวนเป็นศัตรูของท่าน ข้าจะไม่แต่งงานกับ งกวนเจวี่ยเด็ดขาด!”
“มี่เอ๋อร์!” ป้าโม่เอ็ดเสียงเข้ม แล้วไออย่างรุนแรงอีกครั้ง
“ท่านป้า ท่านไม่ต้องพูดแล้ว พักผ่อนให้สบายเถิดนะเจ้า คะ” คุณหนูห้าเอ่ยอย่างปวดร้าวใจ
“เอ๋อร์ ร่างกายของข้า ข้าก็รู้ตัวดี ข้าจะไม่รอดคืนนี้ ป้าโม่มองเด็กสาวตรงหน้า นี่เป็นคนเดียวที่นางห่วงใยมาก ที่สุดในใต้หล้า
“ท่านป้า” คุณหนูห้าแน่นหน้าอก นางก็รู้ว่าป้าโม่หมด เรี่ยวแรงแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้
“อย่าร้องไห้นะ พี่เอ๋อร์…ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าช่วยบำรุง
ร่างกายอย่างต่อเนื่องในหลายคืนมานี้ ใช้โสมคนยื้อชีวิตอย่าง
สุดแรงเกิดในระหว่างวัน ป้าก็คงตายไปก่อนแล้ว ถ้าอยากจะ
พูดอะไรบางอย่าง แต่ลังเลมาตลอด ตอนนี้ต้องพูดคำพวกนี้
แล้ว มิฉะนั้น ป้าจะไม่มีโอกาส” มือเหี่ยวแห้งของป้าโม่ลูบผม
นุ่มสลวยดุจแพรไหมของคุณหนูห้า
“ท่านป้า ข้าไม่ฟัง” คุณหนูห้าน้ำตาไหลร่วงเผาะ
“เอ๋อร์ สำหรับเจ้าแล้ว ป่าละอายใจอย่างที่สุด ในชีวิตนี้ ของป้า ข้ารักศิษย์พี่มากที่สุด และคนที่เกลียดชังที่สุดคือซึ่งก วนอ่าว เพราะนั่งกวนอ่าวฆ่าศิษย์พี่ ป้าไปที่บ้านของชั่งกวนเพื่อ แก้แค้นหลายครั้ง แม้จะฆ่าคนของตระกูลซึ่งกวนไปไม่น้อย แต่ ก็ไม่ได้ทำร้ายเจ้าบ้านโดยตรง กลับถูกพลังพิษของตัวเองย้อน กลับ ในที่สุดหลังจากคิดไตร่ตรองแล้ว ก็พบว่าเจ้า…เอ๋อร์ ป้า ไร้น้ำใจกับเจ้ามาตั้งแต่แรกเลย”
“ข้ารู้ ข้าไม่ถือสา!” คุณหนูห้าฟุบลงที่หน้าเตียงของป้าโม่ มองไปที่ป้าโม่อย่างขึงขังแล้วพูดว่า “ท่านป้า ข้ารู้เรื่องทั้งหมด นี้ มีเอ๋อร์ไม่สนใจว่าจุดประสงค์เดิมของท่านคืออะไร มีเอ๋อร์ ว่าข้ารอดมาได้เพราะท่านป้า
“ในที่สุดป้าก็ได้มองเห็นอย่างทะลุปรุโปร่งตลอดหลายปี ที่ผ่านมา ป้าเกลียดชั่งกวนฮาว เกลียดเขาที่ฆ่าอาจารย์ แต่ลอง คิดดูอีกที ไม่ว่าจะเป็นป้าก็ดี ศิษย์พี่และอาจารย์ของป้าก็ตาม ต่างก็มือแปดเปื้อนไปด้วยชีวิตที่บริสุทธิ์นับไม่ถ้วน พวกเขา ตายด้วยน้ำมือของชั่งกวนฮาว ก็สมควรได้รับบาป มีเอ๋อร์ คำ พูดสั่งเสียของคนในยาม ใกล้ตายจะไม่โกหก ตอนนี้ป้าไม่ อยากแก้แค้น ป้าแค่อยากเห็นเอ๋อร์อยู่อย่างมีความสุข! นี่เอ อร์ เจ้าเป็นหญิงสาวที่ฉลาดที่สุดเท่าที่ป้าเคยเห็นมา กว่าสิบปีที่ ผ่านมานี้ ป้าได้สั่งสอนเจ้าในสิ่งที่ได้เรียนรู้มาตลอดชีวิต ยกเว้นไฟกำลังภายในที่ขาดหายไป อย่างอื่นๆ เจ้าก็เก่งกว่าข้า ทั้งหมด ต่อให้จะออกไปเผชิญในโลกยุทธภพ จะมีชื่อเสียง เลื่องลือมากมายไปทั่ว แต่เอ๋อร์ ป้าไม่ต้องการให้เจ
“ท่านป้า ข้าอยากล้างแค้นให้ท่าน…” นัยน์ตาของคุณหนู ห้าฉายแววความเป็นศัตรูอีกครั้ง
“จริงๆ แล้วป้าครุ่นคิดจะแก้แค้นมาตลอดหลายปีนี้ ป้า โม่ฝืนยิ้มพลางกล่าวว่า “อาจเป็นเพราะห่างเหินจากยุทธภพมา นานเกินไป หรืออาจเป็นเพราะป้าอายุมากแล้ว เมื่อขบคิด จนถึงท้ายที่สุดนี้ ถึงได้รู้ว่าจุดยืนที่จะแก้แค้นนั้นมันไร้สาระสิ้นดี ดังนั้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ป้าเอาแต่ร้องว่าวันหนึ่งจะต้องแก้ แค้น แต่ก็ไม่ได้ลงมือทำเลย
“นั่นเป็นเพราะข้าเป็นภาระของท่านป้า” คุณหนูห้ากระซิบ
พูด
“ไม่ มี่เอ๋อร์! ป้าทั้งพูดทั้งสอนลู่ทางในยุทธภพไว้เยอะมาก และให้ประสบการณ์ส่วนตัวกับเจ้าหลายครั้ง แต่ถ้าไม่เคยเล่า เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับยุทธภพให้เจ้าฟังเลย ในตอนแรก ไม่อยากกวนใจเจ้า มีหลายสิ่งหลายอย่างให้เจ้าได้เรียนรู้ทุก วันจริงๆ แต่ต่อมากลับเอ่ยปากยาก มีเออร์เอ๋ย เจ้ายังจำได้ ไหมว่าป้าเคยเล่าเกี่ยวกับอาจารย์ของป้าให้เจ้าฟัง?” ป้าโม่ ถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“จำได้ อาจารย์ของป้าเกิดมาจากสำนักสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ นางเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าสำนักสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์!” คุณ หนูห้าพยักหน้า ความทรงจำของนางน่าทึ่งมาก สิ่งใดที่ผ่าน ผ่านตาจะไม่มีวันลืมเลือน
“ใช่แล้ว สำนักสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ มีเอ๋อร์ เจ้ารู้ไหมว่าชาวยุทธภพเรียกว่าอะไร? พวกเขาเรียกว่าสำนักสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ช้า! อันที่จริงด้วยความฉลาดของเจ้าก็น่าจะเข้าใจมานาน แล้ว สิ่งที่ป้าสอนเจ้านั้นเป็นฝ่ายอธรรมและเป็นของชั่วร้ายน่า กลัว เพราะป้าเข้าใจเรื่องนี้เท่านั้น มีเพียงอย่างเดียวที่จริงจัง คือวิชาแพทย์ซึ่งใช้ยาพิษเป็นพื้นฐาน เมื่อสำนักสวรรค์ ศักดิ์สิทธิ์ถูกโค่นล้ม ทั่วทั้งยุทธภพต่างปิติยินดี สำนักสวรรค์ ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในยุทธภพเพียงสิบเอ็ดปีสั้นๆ เท่านั้น ในช่วงสาม ปีแรกจะซ่อนความ สามารถคมในฝัก ผู้คนหลายพันคนเสีย ชีวิตทุกปีเพราะสำนักสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ในตอนนั้นป้าถึงกับฆ่า คนเพื่อความสนุกสนาน ดังนั้นการทำลายล้างสำนักสวรรค์ ศักดิ์สิทธิ์ก็เพื่อแก้แค้นเท่านั้นเอง! เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ป้าก็ไม่มี ความคิดจะแก้แค้นแล้ว! นี่เอ๋อร์ ป้าคิดได้อย่างนี้ ทั้งหมดเป็น เพราะเจ้า เจ้าคิดเสมอว่าถ้าไม่ใช่ป้า เจ้าอาจตายไปตั้งแต่เยาว์ วัยแล้ว แต่ถ้าไม่ใช่เพราะมีเจ้า ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของป้าก็ จะถูกลบล้างไปนานแล้วก็จะไม่สำนึกตัว!!
[1] เสื้ออ่าวชายสั้น เป็นชุดจีนโบราณ คือเสื้อที่ตัดเย็บ
แบบมีสองชั้นเพื่อกันความหนาว มีทั้งแบบยัดไส้ไว้ตรงกลาง
ระหว่างเนื้อผ้าสองชั้น เพื่อเก็บความอุ่นป้องกันความหนาวเย็น
ได้ดีขึ้น และแบบไม่ยัดฝ้าย ซึ่งจะยาวประมาณเอวคลุมถึง
สะโพก
[2] โสมคน ถือว่าเป็นราชาแห่งสมุนไพร มีสรรพคุณ บำรุงลมปราณ ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีชีพจรเต้นแผ่วเบา
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ