บทที่ 13 ความสงสัย
ว่าแต่ ของที่เฉินซื้อมาทั้งหมดผมก็ยังไม่เคยเล่นเลย
เพราะเสี่ยวเฟยของผมจะเป็นลุกใสๆ ดังนั้นผมเลยไม่เคยคิดที่ จะซื้อแบบนี้มาให้เธอใส่เล่นเลย
ส่วนผมคิดไม่ถึงเลยว่า ครั้งแรกที่เล่นของแบบนี้คือเล่นกับโป รดิวเซอร์อย่างเย่น
ตอนนี้ผมกับเฉินอยู่บนเตียงห้องของโรงแรมชานเมืองแห่ง
หนึ่ง
ถึงแม้ตอนนี้เฉินจะมึนเมาไปแล้ว แต่สำหรับผู้หญิงอย่าง เธอที่ต้องการผู้ชายมากอย่างนั้น
เมื่ออยู่บนเตียงแล้วเมาหรือไม่เอาไม่แตกต่างอะไรเลย
บาทที สิ่งหนึ่งที่แตกต่างก็คือ เฉินอยู่บนเตียงอาจเพราะ ความเมาทำให้ยิ่งบ้าคลั่งก็ได้
ตอนนี้ ผมนอนอยู่บนเตียงด้านข้างไม่เคลื่อนไหวเลย มอ งดูเย่ฉินที่กำลังเอาชุดพยาบาลออกจากถุง แล้วสวมใส่แบบ หน้าร่าเริง
พูดจริงๆนะ สำหรับวันนี้ ผมไม่มีความคิดอะไรเลย ไถนาเอง ก็แค่ใช้แรงอย่างเต็มที่
ผมกำลังคิดอยู่ว่า หลังจากวันนี้ หรือพูดง่ายๆว่าถ้าพรุ่งนี้เสี่ยวเฟยออดิชั่นสําเร็จแล้ว
ผมควรจะทำยังไงดีกับเย่น
เพราะว่าผมเข้าหาเฉันเพราะอยากจะให้เสี่ยวเฟยได้เป็น นางเอก ถ้างั้นเป้าหมายสำเร็จแล้ว
ผมก็ไม่ควรติดต่อกับเยฉันอีกสิ
กระดาษห่อไฟไม่มิด ผมกลัวว่าถ้าผมกับเย่นติดต่อกันไป แบบนี้เรื่อยๆ ต้องมีสักวันที่รักของผมเสี่ยวเฟยต้องรู้แน่ๆ
เพียงแต่ว่า ในตอนนี้ผมยังหาวิธีที่จะเลิกติดต่อกับเยฉันไม่
และในขณะนี้ เย่ฉันได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จละ
“เจ้าตัวแสบ ทนไม่ไหวแล้วละสิ ฮ่าฮ่า ” เฉันพูดแล้วโอบ เข้ากอดผม ใช้ร่างกายที่มีเสน่ห์กลิ่นหอม ให้ผมอยู่ใต้ร่างของ เธอ
ที่จริงผมชอบอยู่ข้างบนมากกว่า แต่ว่าตอนนี้ ผมไม่มีทาง
เลือก เพราะว่า ผมมาที่นี่ไม่ใช่มาให้ตัวเองสบาย ต้องทำให้เย ฉันพอใจให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นยังไง ก็ถือว่าค่าชดใช้ที่ผมหลอกใช้เฉันช่วยให้
เสี่ยวเฟยได้เป็นนางเอกแล้วกัน
“เจ้าตัวแสบ ทำไมไม่พูดละ ” เยฉันกัดติ่งหูผมแล้วพูดเบาๆขึ้นมา
“กำลังคิดเรื่องอยู่นะ ” ผมแกล้งทำเป็นใช้เสียงต่ำพูดกลับไป “ยิ้ม ? ” เย่นรีบอยากรู้ขึ้นมา ใบหน้าที่แดงจางๆ ยังแสดง ถึงความจริงจังเล็กน้อยขึ้นมา
“เจ้าตัวแสบ คิดอะไรอยู่? ”
“ผมกำลังคิด….. ผมเริ่มแสร้งทำเป็นลึกลับ ภายใต้ของเ ฉันที่เริ่มสว่างเริ่มจริงจังขึ้นมา ลังเลอยู่สองวินาทีก่อนจะพูดด้วย รอยยิ้มว่า : “ผมกำลังคิดว่า วันนี้ผมจะทำยังไงให้พี่สาวผม ทรมานมากพอ ”
ใบหน้าที่จริงจังของเยฉันเริ่มหายไป จากนั้น เช่น เอนตัว ลงไปอีกครั้งแล้วกัดหน้าด้านข้างผมเบาๆ แล้วเป่าลมร้อนพูดว่า – “เจ้าตัวแสบ มาสิ ทรมานพี่ ”
ผมรู้แล้ว ได้เวลาพอสมควรแล้ว ฉะนั้นผมพลิกตัวแล้วให้เ ฉันอยู่ภายใต้ร่างกายผม
ใช้โอกาสใช้ท่าถนัดที่ผมอยู่ด้านบน แต่ว่า ผมยังทำไม่สำเร็จ เยฉันก็พลิกตัวทับผมให้อยู่ด้าน ล่างอีกครั้ง จากนั้นตัวเธอก็ขยับตัวขึ้นมา
แล้วในตอนนี้ ผมพึ่งรู้ว่าสองวันก่อนที่ผมกับเฉินทำกัน หลายครั้งนั้นเพียงแค่เธอซ่อนความใคร่ที่เธอต้องผู้ชายเอาไว้ ถึงในตอนนี้ เฉินเปิดเผยถึงความใคร่ของเธอทำให้ผมตกใจ ไปสักพัก
ครั้งนี้
ถึงตอนเยฉันลงจากร่างกายผมไป เวลาผ่านไปแล้วประมาณหนึ่งชั่วโมง
ผมเชื่อแล้วจริงๆ แต่ก่อนเคยได้ยินว่าผู้หญิงอายุสามสิบปี
เหมือนหมาป่ากับเสือ
ในตอนนี้ดูมา เป็นแบบนั้นจริงๆ
และจริงจนไม่รู้จะจริงยังไงแล้วเพราะว่า เฉินก็คือตัวอย่างที่ดี
เลย
“เจ้าตัวแสบ นายเก่งมากเลยน ” เฉันก็เหมือนเด็กผู้หญิง น้อยอีกครั้งหลบอยู่ตรงหน้าอกผมแล้วพูดจาอ่อนโยนขึ้นมา
หม ครั้งนี้ผมไม่ได้ขยับอะไรเลย เธอต่างหากที่เก่ง แน่นอน ผมไม่พูดออกคำนี้ออกมาอยู่แล้ว ในเวลาแบบนี้ ผมก็ต้องพูดสิ่งที่เธอต้องการได้ยินตอบสนอง
เธออยู่แล้ว
“พี่ ผมสาบานได้เลยว่าพี่รักผมเข้าแล้ว ” ผมพูดกับเยฉันด้วย น้ำเสียงยิ้มแล้วกวนๆ
เยฉันก็หัวเราะแบบเขินอาย จากนั้นยื่นมือมากอดผมไว้แน่นๆ เหมือนที่ลูกแกะที่เชื่อมทับไว้บนหน้าอกผม ใช้เสียงอ่อนโยนพูด ว่า “เจ้าตัวแสบ พี่รักเธอมากจนจะตายเลย”
ผมรู้สึกได้ว่าคำพูดนี้เป็นจริง ถ้าเธอจะรักผมแบบนี้ไปละก็ ผมคงจะต้องตายแน่ เพราะว่าตายบนเตียงก็คือตาย ดูแล้ว ไม่มีอะไรแตกต่างเลย
แต่ว่าผมก็ไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้ต้องการคือความสงบ และ ต้องสงบที่สุด
เพื่อที่จะได้ให้เยฉันกับผมได้ยินเสียงหัวใจเต้นของแต่ละฝ่าย แบบนี้ถึงจะให้เธอรู้สึกว่า
เธอได้ผมมาครอบครองไว้หมดแล้ว
และแค่ให้เธอรู้สึกว่าได้ผมมาครอบครองไว้หมดแล้ว จาก นั้นน้องสาวผมเสียวเฟยออดิชั่นงานพรุ่งนี้ยิ่งต้องราบรื่นไปอีก
อย่างที่คิดไว้ ประมาณยี่สิบนาทีผ่านไป ตอนเดินควงแขน
ผมออกจากโรงแรม
เธอพูดกับผมโดยตรงว่า “เจ้าตัวแสบ พรุ่งนี้อย่าลืมให้น้อง สาวเธอไปออดิชั่นที่กองถ่านละครนะ ”
ได้ยินคำนี้แล้ว ในใจผมรู้สึกดีใจมาก แต่ว่าไม่แสดงออกมา
ในเวลานี้ผมต้องแสร้งทำตัวเฉยแสดงต่อหน้าเดินออกมา
แบบนี้ถึงจะได้ไม่ให้เธอสงสัยความสัมพันธ์ของผมกับเสี่ยวเฟย
เพราะว่า เหมือนผู้หญิงแบบเยฉินที่เป็นโปรดิวเซอร์นั้น ใน บางเวลานั้นระมัดระวังอย่างมากกับเรื่องหลายๆอย่าง
แค่หลุดไปนิดเดียวก็อาจทำให้เยฉันเกิดความสงสัยได้ ผมรู้ ความสามารถของเย่นป็นยังไง
“เจ้าตัวแสบ วันนี้ไม่ต้องไปส่งฉันแล้ว รับกลับบ้านเถอะ ดูแลสุขภาพดีๆละ ” เดินออกจากโรงแรมไปถึงข้างถนนใหญ่ แล้วเยฉันเอามือที่ควงแขนผมออกแล้วพูดว่า
ผมแกล้งทําเป็นตกใจแล้วพูดว่า ” แบบนี้จะได้ยังไง? ตอน นี้ดึกมากแล้วผมจะไว้ใจให้พี่กลับ
คนเดียวได้ยังไง ให้ผมไปส่งที่ดีกว่านะ ”
เสียงตกใจปมไปด้วยความห่วงใยที่เป็นธรรมชาติผมเชื่อว่า เยฉันฟังออกมาได้แน่นอน
อย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด เฉินได้ฟังที่ผมพูดแล้วยิ้มส่ายหัวพูด ว่า “ไม่ต้องน่า เจ้าตัวแสบ
วันนี้ปล่อยนายกลับไปก่อน พี่ดูแลตัวเองได้ เป็นเด็กดีนะ ” พูดถึงขนาดนี้แล้วก็พอละ ไม่งั้นก็ทำตัวเยอะเกินไปเดียวโดน สงสัยไม่ดี
“งั้น…..พี่เดินทางระวังตัวด้วยนะ ถึงบ้านแล้วโทรหาผม ด้วย ” คำพูดสุดท้ายของผมมีลังเลไปแบบหนึ่ง พูดผิดไปละ ถ้าเย่ฉินโทรหาผมแล้วเสี่ยวเฟยเป็นคนรับจะทำยังไงละ
อย่าไงก็ตาม คำพูดไม่ใช่ส่งข้อความไปที่พูดผิดแล้วดึงกลับ มาได้
“อืม ได้ พี่สาวเธอฉันจะระวังนะ บาย เย่ฉันพูดแล้ว โบกมือเรียกแท็กซี่ แล้วโบกมือลาผมแล้วขึ้นไปนั่งบนรถ
ผมก็โบกมือลาอย่างแน่นอน จากนั้นมองรถที่ส่งเยฉันไปไกล จากนั้นรถคันนั้นก็หายไปจากสายตาแล้วผมค่อยจะเรียกแท็กซี่ อีกคันกลับบ้าน
กลับถึงบ้านเป็นเวลากลางคืน 11 โมงแล้ว เสี่ยวเฟยนอนหลับ ไปแล้ว
ที่จริงผมอยากจะนอนลงบนเตียงแล้วหลับเลยเพราะสองวันมา นี้เหนื่อยเหลือเกิน
ให้เป็นวันยังรับไม่ไหวเลย นอกจากนี้ผมยังไม่ใช้วัว
แต่ว่าผมทนที่จะไม่นอนหลับ เพราะก่อนหน้านี้เยฉันเคยบอก ไว้ เธอถึงบ้านแล้วจะโทรหาผม เพราะฉะนั้นผมง่วงแค่ไหนก็ ต้องทนไว้
และผมก็ได้ปรับเปลี่ยนโทรศัพท์ให้เป็นระบบสั่น เพราะกลัว เสียงโทรศัพท์เข้าทำให้เสี่ยวเฟยตื่นขึ้นมา
แต่ว่า ผมทนเอียงตัวที่เตียงครึ่งตัวรอประมาณ20นาทีไปแล้ว โทรศัพท์ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หรือว่าเฉินจะถึงบ้านแล้วนอนเลย?
น่าจะเป็นไปไม่ได้ จากที่เฉันตอนนี้มีความร้อนแรงกับผมนั้น เธอถึงบ้านแล้วน่าจะโทรหาผมตามที่ตกลงกันไว้น หรือว่าผม คิดผิดไป ?
แล้วในความเป็นจริง ความคิดของผมก็ถูกต้องมาก
แล้วผมรอไปอีกประมาณ 5 นาทีจากนั้น โทรศัพท์ก็สว่างขึ้น เย่นส่งข้อความมา
“เจ้าตัวแสบ บ้านมีแขกมา เลยไม่โทรหานายแล้วนะ” คำพูดข้างหลังยังมีรูปสติกเกอร์จะร้องไห้ด้วย
และผมมองแล้วก็อดจะคิดใจไม่ได้ ที่บ้านมีแขก? คราวก่อน ก็ไม่ได้ยินที่เฉินบอกว่ามีแขกที่บ้าน ? ยิ่งไปกว่านั้น บ้านเยจินมีคนแล้วจะเรียกผมไปกับเธอได้ยังไง
แปบนะ ทันใดนั้นผมนึกคิดได้ หรือว่าจะมาหาเฉินกระทัน
หัน
ช่างเถอะ ขี้เกียจไปคิดแล้ว ว่าแต่ผมคงว่างมากเหรอถึงไป ยุ่งเรื่องของเฉิน !!!!
“งั้นพี่นอนเช้าหน่อยนะ กู๊ดไนท์ ” ผมตอกกลับไป แล้ววางลง โทรศัพท์แล้วนอนลง
ผมนอนลงแบบหนึ่งก็หลับลึกไปเลย คิดได้เลยว่าสองวันมานี้
ผมเหนื่อยแค่ไหน
จากนั้น ผมนอนไปสะลึมสะลือรู้สึกว่าโทรศัพท์สั้นหนึ่งครั้ง น่าจะเย่ฉินตอบข้อความผมมา
แต่ว่าผมไม่สนใจ เพราะว่าผมเหนื่อยมาก อดใจไม่ได้เลยที่
จะให้ตัวเองนอนหลับไปเลย
พริบตา เช้าอีกแล้ว
เมื่อผมลืมตาขึ้นมาเสี่ยวเฟยก็ไม่อยู่ที่เตียงแล้ว
จากนั้นผมก็เห็นข้อความบนตู้ข้างเตียง ผมหยิกขึ้นมาดู เป็น ข้อความที่เสี่ยวเฟยฝากไว้ให้ผม
– ที่รัก ฉันไปออดิชั่นงานที่กองถ่ายแล้วนะ ขอบคุณมาก ตอนที่เห็นข้อความนี้แล้ว แวบแรกของผมคือ ยัยเสี่ยวเฟย
จุ๊บๆ
ใส่ใจกับเรื่องที่ทำงานเสมอเลย
อุตส่าห์ตื่นเช้าขนาดนี้ไปออดิชั่นที่กองถ่าย ถ้าทำแบบนี้ต่อไป
อนาคตอาจได้เป็นสุดยอดนักแสดงนำหญิงแน่เลย
แต่ว่า ตามโดยแล้ว ปากผมของก็เริ่มที่จะหุบยิ้ม
ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติ
แต่ว่าในตอนนี้ ผมก็พูดไม่ออกว่ามีตรงไหนผิดปกติ
จนถึงผมหยิก โทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูวีแชทเห็นข้อความเยฉันที่ เมื่อวันส่งมาให้ผม
ผมถึงจะรู้สึกตัวได้……..
ผมยังไม่ได้บอกกับเสี่ยวเฟยเลยว่าเรื่องวันนี้ออดิชั่นงานละคร แล้วเธอไปกองถ่ายทำไมแต่เช้า
“เจ้าตัวแสบกู๊ดไนท์ พรุ่งนี้อย่าลืมเรียกน้องนายมาออดิชั่น ละครนะ” ข้อความนี้คือเฉันส่งมาให้ผมเป็นข้อความสุดท้าย
ผมขมวดคิ้วดูข้อความนี้อย่างนาน เสี่ยวเฟยทิ้งข้อความ ขอบคุณผมไว้ แต่ผมยังไม่ได้บอกเธอเลยเรื่องวันนี้ออดิชั่นงาน ละคร แล้วเธอขอบคุณผมอะไร ?
ดังนั้น เสี่ยวเฟยไม่ได้ไปออดิชั่นงานที่กองถ่ายละครของเฉัน แล้วเสี่ยวเฟยจะขอบคุณผมทำไม ?
แล้วก็คือ ถ้าเสี่ยวเฟยไปออดิชั่นงานละครที่กองถ่ายละครเ ฉิน แล้วเสี่ยวเฟยรู้ได้ยังไง ?
ในเวลานี้ ผมรู้สึกได้เลยว่าสมองของผมไม่พอใช้ ไม่ได้ ผมต้องรีบโทรหาเยฉิน ถามดูไม่งั้นเซลล์สมองผมคงต้องตายไม่น้อย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ