วิวาห์หรูยอดรักของนายสายลับ

ตอนที่ 10 ร่างกายมีความซื่อสัตย์มากกว่าปาก



ตอนที่ 10 ร่างกายมีความซื่อสัตย์มากกว่าปาก

หรงโม่เดินมาหน้ามู่จิ่งเหยียน เหยียดแขนเรียวออกมา คว้าเธอมาโอบที่อ้อมแขน

ก้มศีรษะแล้วจูบที่หน้าผากของเธอ สูดดมกลิ่นของ น้ำหอมในตัวเธอ

ไม่เหมือนน้ำหอมที่ไม่มีรสนิยมของผู้หญิงคนอื่น เป็น น้ำหอมที่เป็นธรรมชาติมาก ทำให้เขาตกหลุมรัก

เห็นการกระทําที่ใกล้ชิดของทั้งสอง นักเรียนหลายคน ที่เดินผ่านอดไม่ได้ที่จะแสดงความประหลาดใจ

“นั่นไม่ใช่มู่จิ่งเหยียนคณะบริหารธุรกิจหรือ ผู้ชายที่อยู่ ข้างเธอคือใคร หล่อมาก”

“ใครจะไปรู้ เธอไม่ได้ข่าวเหรอ วันนี้ทั้งเมืองbดังมาก เรื่องนี้ งานหมั้นระหว่างคุณหนูตระกูลซูกับคุณชายตระ กูลส้งพังทลายลงเมื่อวานนี้

ได้ยินมาว่าในงานหมั้นคุณหนูตระกูลซูหลบเข้าไป ห้องนั่งเล่นทำเรื่องบัดสีกับชายคนอื่นแล้วโดนจับได้ จุ๊ๆ เบาๆ ไม่คาดคิดซูม่อที่บริสุทธิ์และใจดีจริง ๆ จะเป็นคนไร้ ยางอายเช่นนี้”

“อืม ฉันว่ามู่จิ่งเหยียนก็คงดีไม่ถึงไหนหลอก เพิ่งเลิก กับส้งเสี้ยน ก็พัวพันกับผู้ชายอีกคน เห็นได้ชัดว่าคงไป เพราะเงินของผู้ชายคนนี้”
“ฉันยังได้ยินมาอีกว่ามู่จิ่งเหยียนถูกตระกูลซูไล่ออก จากบ้านแล้ว จุ๊ๆเบาๆ คิดๆแล้วก็น่าสงสารเหมือนกัน”

ได้ยินเสียงจากรอบข้าง สีหน้าของหรงโม่ยิ่งเย็นชาลง

ดวงตาที่ลึกและเย็นชาทําจ้องมองผู้คนอย่างดุร้าย คน ที่นินทามู่จิ่งเหยียนเมื่อเห็นสายตาที่น่ากลัวจึงรีบแยก ย้ายกันไป

“คุณเป็นอย่างไรบ้าง” หรงโม่รู้สึกเป็นห่วงหญิงสาวที่อยู่ ในอ้อมแขน ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกกังวลเรื่องของตระกูล ซูจะทำให้เธอเดือดร้อน

“ฉันไม่เป็นไร” มู่จิ่งเหยียนขยับออกจากอ้อมแขนของ หรงโม่ คิ้วขมวด ยังคงรู้สึกอึดอัดกับอ้อมแขนของชาย แปลกหน้า

“ทานข้าวหรือยัง พาคุณไปทานอาหารในชนบทที่มี เอกลักษณ์มาก คุณต้องไม่เคยกิน” ไม่รอลู่วิ่งเหยียน ตอบรับ หรงโม่ก็ดึงเธอขึ้นรถ ยังเอนกายและคาดเข็มขัด นิรภัยให้มู่จิ่งเหยียน

วินาทีต่อไป รถเบนซ์ค่อยๆเคลื่อนออกจากประตู มหาวิทยาลัยไป มุ่งไปข้างหน้า

มู่จิ่งเหยียนมองวิวด้านหน้าในท่ามกลางความงุนงง เห็น รถยนต์น้อยลงและน้อยลงบนถนน ถนนก็ยิ่งห่างไกล ความเจริญ ขมวดคิ้ว หันมามองหรงโม่ที่กำลังขับรถ
“พวกเรากำลังจะไปไหน”

“ทำไม กลัวฉันจะเอาเธอไปขายเหรอ สบายใจได้ ไม่ เอาไปขายหลอก”

หรงโม่หันมองมู่จิ่งเหยียนที่อยู่ข้างๆเขากำลังหน้านิ่วคิ้ว ขมวด ยิ้มเล็กน้อย รู้สึกว่าผู้หญิงแบบนี้ก็น่ารักดี พูดออก ไปว่า “กินกับข้าวพื้นๆ ก็ต้องไปกินที่ชนบทสิ

ได้ยินที่หรงโม่พูด เดิมทีมู่จิ่งเหยียมก็ไม่อยากร่วมทาง กับผู้ชายอันตรายคนนี้ ปฏิเสธไป “ไม่ต้องแล้ว ฉันไม่ อยากไป คุณปล่อยฉันลงที่นี่เถอะ”

ได้ยินที่มู่จิ่งเหยียนพูด หรงโม่เหยียบคันเร่งก่อน รถหัก เลี้ยว เสียงดังแรงเสียดทาน จากนั้นก็หยุดรถ

หรงโม่มองมู่จิ่งเหยียนด้วยสีหน้าที่แย่ เห็นความเย็นชา บนหน้าเธอ รู้สึกไม่พอใจ ดวงตาสีเข้มลึกส่องประกาย ผ่านความเย็นชา ด้วยความรำคาญ

รำคาญความเขลาของผู้หญิงคนนี้

มือใหญ่เรียวยาวดึงมู่จิ่งเหยียนมา ใช้มือกอดที่เอวเธอ มืออีกข้างถือหัวเธอไว้ เอนตัวและจูบริมฝีปากของเธอ อย่างแรงอีกครั้ง

ห่างกันเพียงวันเดียว ความหวานในปากของมู่จิ่งเหยียน นั้นช่างทำให้เขาคิดถึงมัน คิดอย่างบ้าคลั่ง เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เหมือนยาเสพติด ซึ่งตอนนี้เขาเริ่มติดแล้ว

จูบที่ดุเดือดเต็มไปด้วยลมหายใจนักล่า ลิ้นที่บ้าคลั่ง ค่อยๆแงะเปิดฟันของมู่จิ้งเหยียน กระตือรือร้นที่จะเจาะ เข้าไป กวาดทุกความหวานในปากของเธอ

ดูดอย่างต่อเนื่อง เอ้อระเหยที่สุด ดูเหมือนว่าจูบยังไงก็ ไม่พอ แขนรอบเอวของเธอกระชับมากขึ้นเรื่อย ๆ

ถูกหรงโม่จูบอย่างดุเดือด มู่จิ่งเหยียนรู้สึกเคลิ้มตาม

ใบหน้าที่บริสุทธิ์และมีเสน่ห์อายเล็กน้อย ตาเคลิ้ม ส่ง เสียงเล็กน้อย ทำให้หรงโม่คลั่งมากขึ้น ลมหายใจฉีดพ่น อย่างต่อเนื่องที่ปลายจมูกของกันและกัน

เสียงนั้นทำให้มู่จิ่งเหยียนตื่นขึ้นมา ประหลาดใจ แตก เป็นความเย็นชา ดันหรงโม่ออก ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วจะ ลงจากรถ

เปิดยังไงก็เปิดไม่ออก หรงโม่ล็อคประตูรถหมดทุกบาน ตั้งนานแล้ว ไม่ให้โอกาสหนีกับมู่วิ่งเหยียน

มู่จิ่งเหยียนจ้องมองหรงโม่ด้วยความโกรธแค้น ดวงตา เต็มไปด้วยความเย็นชา ริมฝีปากสีแดงที่ถูกจูบนั้นมีเสน่ห์ เปล่งประกายด้วยความมันวาวดุจน้ำ

ความมีเสน่ห์ระหว่างคิ้วและดวงตาไม่ได้กระจายไป ทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของหรงโม่ รู้สึกพึงพอใจมาก
“ร่างกายของคุณซื่อสัตย์กว่าปากของคุณ” เวลานาน มองไปที่มู่จิ่งเหยียนอย่างน่ารำคาญ หรงโม่ยิ้มแล้วพูด ออกมา ยิ้มอย่างขี้เกียจ

“ฉันควรกลับได้แล้ว เพื่อนที่ห้องกำลังรอฉันอยู่” ดวงตา ของมู่จิ่งเหยียนเย็นชาเล็กน้อย เอื้อมมือไปเช็ดของเหลว ที่ริมฝีปาก

“ทานข้าวก่อน ทานข้าวเสร็จแล้วจะส่งกลับไป จำไว้ ซะ ครั้งหน้าห้ามไม่รับโทรศัพท์ฉันอีก ห้ามเธอปฏิเสธฉัน ได้ยินไหม” น้ำเสียงของหรงโม่ค่อนข้างเผด็จการ มองที่มู่ จิ่งเหยียนแล้วพูด

มู่จิ่งเหยียนเงียบ แค่มองไปข้างหน้า ไม่สนใจผู้ชายที่ อยู่ข้างๆ

“มู่จิ่งเหยียน” มองผู้หญิงข้างๆที่ทำท่าไม่สนใจตัวเอง ทันใดนั้นสีหน้าของหรงโม่ก็ดูมืดมน

“ฉันไม่มีทางเป็นคนรักของคุณ คุณตายใจเถอะ” มู่จิ่งเห ยียนพูดอย่างเย็นชา พูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและ ดื้อรั้น “เปิดประตู”

ฟังคำพูดนี้อีกครั้ง หรงโม่ถูกบังคับทำให้หัวเราะออกมา ใบหน้าที่เย็นชาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เป็นอันตราย ความ โกรธที่อยู่ในใจ “แกรก” เสียงปลดล็อค

ผู้หญิงคนนี้คงคิดว่าเขาว่างมากไม่มีอะไรทำถึงได้มา วุ่นวายกับเธอหรือ ใบหน้าของหรงโม่น่ากลัวมาก
รถถูกปลดล็อค มู่จิ่งเหยียนไม่สนใจว่าเธออยู่ในถิ่น ทุรกันดารหรือไม่ เปิดประตูแล้วลงจากรถไป ไม่มองหรง โม่แม้แต่นิดเดียว เดินกลับอย่างสวยงาม

มองดูท่าทางมู่จิ่งเหยียนที่ไม่แคร์ หรงโม่ทุบพวงมาลัย หนึ่งที ใบหน้ามืดมน เหยียบคันเร่งแล้วขับไปข้างหน้า

รู้สึกว่ารถที่อยู่ข้างหลังได้ขับออกไปแล้ว มู่จิ่งเหยียนยัง

คงไม่แยแส

หรงโม่ขับรถออกไปอย่างโมโห แต่ยังคงมองมู่จิ่งเหยีย นอย่างแน่นหนาผ่านกระจกมองหลัง พบว่าเธอเฉยเมยดู โกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ รู้สึกทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เธอเดิน กลับมหาวิทยาลัยเอง บ่น แล้วหมุดพวงมาลัยกลับรถ ขับ รถกลับไปที่มู่จิ่งเหยียนอีกครั้ง ตะโกนอย่างเฉยเมย

“ขึ้นรถ ฉันจะส่งเธอกลับไป”

“ไม่เป็นไร” มู่จิ่งเหยียนเหลือบมองไปที่หรงโม่ ชายคนนี้ ขับออกไปแล้วไม่ใช่หรือ

“ฉันบอกให้เธอขึ้นรถ หรือต้องการให้ฉันอุ้มเธอขึ้นมา” สีหน้าที่อันตรายของหรงโม่มืดลง มองไปที่มู่จิ่งเหยียนอ ย่างเยือกเย็น

มู่จิ่งเหยียนเบะปาก ขึ้นรถไปอย่างไม่เต็มใจ ทั้งสองไม่ ได้คุยกันไปตลอดทาง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ