ตอนที่ 9 : ระดับนักปรุงยาและการปรุงยา
ตามความทรงจําในชีวิตก่อนของเฟยหลงได้มีการแบ่งระดับ นักปรุงยาไว้ทั้งหมดเก้าระดับคือ สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สี ฟ้า สีน้ำเงิน สีม่วง สีดำ สีขาว
ซึ่งระดับนักปรุงยาพิสูจน์ได้โดยการดูสีของเพลิงที่จุดขึ้นมา แต่ละเพลิงจะมีความร้อนที่แตกต่างกันยิ่งระดับสูงยิ่งมีความร้อน มากขึ้นมีความบริสุทธิ์มากขึ้นตาม
และสามารถปรุงเม็ดยามีคุณภาพความบริสุทธิ์ที่ระดับสูงมาก ยิ่งขึ้นไปอีกเพลิงในการปรุงยายกระดับได้โดยการยกระดับ ขอบเขตพลังและความเข้าใจในเพลิง
แล้วยังมีพลังวิญญาณซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับนักปรุงยา ซึ่งนักปรุงยาบางส่วนจะมีพลังวิญญาณมากกว่าผู้เบาะเพาะทั่วไป
ในขอบเขตเดียวกันพลังวิญญาณสามารถตรวจสอบสิ่งต่าง รอบตัวได้
ยิ่งมีพลังวิญญาณสูงยิ่งสามารถตรวจสอบไปได้ไกลมากยิ่งขึ้น โดยมีตนเองเป็นจุดศูนย์กลางของขอบเขตการแผ่พลังวิญญาณ
เม็ดยาแบ่งแยกได้โดยคุณภาพและความบริสุทธิ์ของเม็ดยา ตามความทรงจำที่เฟยหลงนึกออกเพราะเมื่อตอนที่เขาเคยเป็น เซียนเฟยหลงไม่ได้เพียงแค่บ่มเพาะเพียงอย่างเดียว
เช่นการปรุงยาและการหลอมอาวุธเมื่อมีเวลาว่างจึงลองเรียนรู้สิ่งต่างเพิ่มเติมเพื่อปรับแต่งหรือเสริมพลังไม่ว่าจะเป็นเม็ดยา หรืออาวุธต่างที่สร้างขึ้นมา
กลับมายังห้องทดสอบของการเป็นนักปรุงยาที่รับรองโดย ศาลาโอสถเฟยหลงจึงเข้าร่วมการทดสอบ โดยมีนักปรุงยาระดับ สีแดงสามคนเป็นคนประเมินเม็ดยาของเฟยหลง
เฟยหลงได้เดินไปยังโต๊ะที่วางหม้อปรุงยาและสมุนไพรต่าง
เอาไว้และเงยหน้ามองนักปรุงยาทั้งสามคน
เมื่อนักปรุงยาทั้งสามเห็นว่าผู้เข้ารับการทดสอบเข้าประจำที่ แล้วเรียบร้อยนักปรุงยาคนที่อยู่ตรงกลางได้ก้าวออกมาแล้ว ประกาศกฎการปรุงยาออกมาว่า
” กฎการปรุงยามีสามประการประการที่หนึ่งเจ้าต้องปรุงเม็ด ยาระดับแดงออก ให้ได้มาหนึ่งชนิดประการที่สองเจ้าต้องปรุงเม็ ยาออกมาให้สําเร็จภายในหนึ่งชั่วยาม”
” ประการที่สามเจ้าอย่าคิดโกงการปรุงเม็ดยาเด็จขาดเพราะ พวกเราสามคนจะเป็นคนตรวจสอบเองมีมีคำถามไหม ”
เมื่อเห็นเฟยหลงเงียบไม่ได้ถามอะไรจึงเริ่มการแข่งขัน
” งั้นก็เริ่มการปรุงยาได้ ”
เฟนหลงไม่ได้คิดอะไรมากแค่หยิบสมุนไพรนั้นคือหญ้า ลมปราณและผลเสริมลมปราณแล้วเกิดมาหน้าหม้อปรุงยาที่ดู ธรรมดาหาได้ทั่วไปไม่มีความพิเศษอะไรเลย
เมื่อเดินมาหม้อปรุงยาจุดเพลิงสีแดงขึ้นข้างใต้หม้อและใส่สมุนไพรทั้งสองปิดฝาแล้วเริ่มควบคุมไฟ
ให้มันกลั่นเม็ดยา โดยการใช้พลังวิญญาณของเฟยหลงล้อม รอบสมุนไพร
เพื่อชาระสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่และทำทำให้สมุนไพรมีความ บริสุทธิ์ขึ้น โดยที่การปรุงยา
แต่ละครั้งจะควบคุมไฟอย่างดี โดยจดจ่ออยู่อย่างนั้น โดยระวัง
ไม่ผิดพลาด
หลังจากนั้นก็ต้อบรวมรวมลมปราณในหม้อที่สกัดออกมาจาก
สมุนไพรโดยใช้พลังวิญญาณและควบรวมเป็นเม็ดยา
ทุกการกระทําและการเคลื่อนไหวต่างๆได้อยู่ในสายตาของ นักปรุงยาทั้งสามที่รับหน้าที่การทดสอบเฟยหลง
แต่สิ่งที่เขาเห็นเฟยหลงคือจุดไฟและโยนมันลงแล้วปิดฝาซึ่ง
แต่ละการกระทำล้วนเหมือนไม่ใส่ใจ
เมื่อเหล่านักปรุงยาทั้งสามเห็นแล้วต้องเย้ยหยันและส่ายหน้า อย่างดูถูกดูแคลน
เฟยหลงได้เหลือบตาไปเห็นการกระทำก็ได้ยิ้มขึ้นมาและลอบ เย้ยหยันอยู่ในใจ
” ข้าเห็นเหมือนบนหน้าพวกเจ้าเขียนว่าต่อให้ตายเม็ดยาที่ข้า ปรุงขึ้นมาต้องคุณภาพต่ำหรือไม่ก็คิดว่าหม้อปรุงยาของข้าจะ ระเบิดข้าบอกพวกเจ้าได้เลยว่า ”
บิดาผู้นี้ปรุงยามานานกว่ากว่าชีวิตที่เจ้าปรุงมาเดี่ยวบิดา ผู้นี้จะแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ควรเรียกว่าเม็ดยานั้นคืออะไร
เวลาได้ผ่านไปครึ่งชั่วยามเฟยหลงได้หยุดการกระทำทั้งหมด และตับเพลิงสีแดงลงเมื่อทั้งสามเห็นว่าเฟยหลงได้หยุดการปรุง ยาทําให้เกิดอาการงงงวยกันหมด
เมื่อเฟยหลงเห็นหน้างงงวยของพวกเขาจึงยิ้มออกมา
เมื่อทั้งสามเห็นรอยยิ้มของเฟยหลงได้แต่มองหน้ากันอย่าง สับสนจึงมีนักปรุงยาหนึ่งในสามเอ่ยปากถาม
ทำไมเจ้าไม่ปรุงยาต่อละเจ้าหยุดทำไมหรือเจ้าปรุงเม็ดยา ออกมาเสร็จหรือ ”
นักปรุงยาแค่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันนิดหน่อย
เฟยหลงจึงตอบพร้อมรอยยิ้มว่า
” ใช่ข้าปรุงเม็ดยาเสร็จแล้ว ”
เมื่อเหล่านักปรุงยาได้ยินว่าเม็ดยาปรุงเสร็จแล้วจึงลอบ หัวเราะอยู่ภายใน
‘คิดเหรอว่าหลอกข้าได้ง่าย
ดังนั้นนักปรุงนาคนนั้นได้พูดว่า
“งั้นเจ้าก็เอาเม็ดยาออกมาให้พวกเราดูหน่อยได้ไหม ”
เฟยหลงจึงไม่พูดกับเหล่านักปรุงยาพวกนี้ให้มากความแล้ว เอื้อมมือไม้เปิดฝาของหม้อปรุงยาออก
แล้วตอนนั้นเองที่มีกลิ่นสมุนไพรหอมหวนลอยออกมาจาก หม้อปรุงยาของเฟยหลง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ