ท่านอ๋องโหดหุ ชาจะหย่ากับท่าน

บทที่ 10 วันกลับตระกูล



บทที่ 10 วันกลับตระกูล

กู้อ้าวเวยรับชา หลังจากที่ดื่มลงไปก็ประคองไว้ ในมือ มองหยินเชี่ยวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี สองวันนี้เคยชินแต่ใบหน้าที่เศร้าหมองของทั้งสอง นาง เห็นหยินเซี่ยวยิ้มตาหยีในแวบแรกพลันรู้สึกว่า เด็กสาวคนนี้หน้าตาสะสวยเสียจริง ยื่นมือออกไป ลูบจมูกหยินเชี่ยว กล่าวราวกับบัณฑิตเจ้าชู้ “ย่อม ต้องฟัง สาวงามพูดสิ่งใดข้าล้วนชอบฟัง”

หยินเชี่ยวถูกอากัปกิริยาของกู้อ้าวเวยหยอกเย้า จนหน้าแดง สองมือปิดใบหน้าพลางกล่าวโทษขุ่น เคือง “คุณหนูนับวันยิ่งผิดแปลก อยากฟังก็บอกกัน ดีสิเจ้าคะ ทำท่าประหลาดเช่นนี้ ข้าไม่เล่าให้ท่านฟัง หรอกเจ้าค่ะ”

กล่าวจบก็หันขวับวิ่งหนีไป กู้อ้าวเวยตะลึงลานอยู่ ชั่วครู่ หัวร่อพลางชี้ไปทางที่หยินเชี่ยววิ่งหนี กล่าว สัพยอก “เด็กคนนี้หนังหน้าจะบางเกินไปแล้ว”

ชิงต้ายเอื้อมมือชิงถ้วยชามาจากมือของกู้อ้าวเวย แล้วเปลี่ยนผลไม้เข้ามา กวักมือเรียกสาวใช้ให้นำ เก้าอี้ย้ายมาจัดโต๊ะน้ำชาให้กู้อ้าวเวยใต้ร่มไม้ ตรง หน้าเป็นอาหารว่างสี่สี ผลไม้สองจาน ไอน้ำชาลอย เหนือกาน้ำชาของนายท่านหยุนที่ดูเหมือนปุถุชน ทำ ทันทีที่ดึงกู้อ้าวเวยมานั่งที่เก้าอี้ พลางบีบนวด ไหล่หัวเราะร่วน “จะขุ่นเคืองหยินเซี่ยวมิได้ ที่จริง เป็นที่คุณหนูต่างหากที่ผิดแปลกเกินไป ไหนเลยจะมีแม่นางที่แสวงหาความเบิกบานเช่นนี้ เกี่ยวกับเรื่อง ของต้นไม้บ่าวเองก็พอจะทราบ เคยได้ยินคนในจวน เล่ากันว่า ดูเหมือนคฤหาสน์นี้เดิมทีเป็นจวนราชฐาน ส่วนหน้าของหลิวเหว่ยไจ่เซี่ยง ขณะที่สร้างจวน คน งานที่ทำงานก่อสร้างคฤหาสน์ไม่ระมัดระวัง ดินใต้ ฝ่าเท้าไม่ได้อัดแน่น ซ้ำยังทำถุงพันธุ์ไม้หล่นลงที่นี่ ด้วยอุบัติเหตุไม่คาดคิด และคาดไม่ถึงว่าจะมีหน่อ อ่อนเติบโตเบียดเสียดอยู่ข้างใต้แผ่นหิน คดเคี้ยว เลี้ยวลดปัดป่ายก่ายกันไปมา ส่วนใหญ่ไม่ได้แตก กลุ่มออกมา จึงมีเพียงต้นนี้ต้นเดียวเจ้าค่ะ”

ชิงต้ายยื่นมือเรียวออกมาชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่เบื้อง หน้าที่ต้องใช้สองคนโอบรอบ “มีเพียงต้นนี้ที่ทะลุ ฝ่าแผ่นหินที่หนาขนาดนั้นเติบโตขึ้นมาได้ ทุกคน พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ก่อนที่จะเปิดแผ่นหิน ทุก คนรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อเกินไป แต่หลังจากที่ เปิดแผ่นหินใต้ต้นไม้ กลับอึ้งเงียบกันทุกราย ราก ที่แท้จริงของต้นไม้นอกจากจะห่างออกไปถึงสิบก ว่าจื่อ ไม่ทราบเลยว่าวันแล้ววันเล่าต้องคืบคลาน มากน้อยเท่าใดถึงจะเจอรอยแยกของแผ่นหินนี้ ยิ่งไม่รู้ว่าต้องใช้ความพยายามมากน้อยเพียงใดที่ ทำรอยแตกร้าวให้กับแผ่นกระดานหินแผ่กิ่งก้าน สาขาไปทั่วจนทะลุขึ้นมา นับตั้งแต่นั้นจึงได้เห็นแสง ดวงตะวัน หลิวเหว่ยรู้สึกว่าต้นไม้นี้แข็งแกร่งเกินกว่า คนตั้งเท่าไร ดังนั้นจึงปรับปรุงเรือนใหม่ ทำเป็นโถง ว่าราชการของตน”

กู้อ้าวเวยเก็บรอยยิ้มบนใบหน้าทีละน้อยจนกระทั่งฟังจนจบ มองไปยังต้นไม้เบื้องหน้าที่ปกคลุมด้วย พายุน้ำค้างแข็ง ภายในใจอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วย ความหวาดหวั่นแห่งชีวิต บางทีชิบได้อาจจะไม่รู้ นางเล่าเรื่องออกมาก็เพราะคิดปลอบกู้อ้าวเวยให้ สำราญ โชคชะตาบังเอิญกลายเป็นการเปิดปมในใจ ของกู้อ้าวเวย

ตั้งแต่ที่ตื่นขึ้นมาในโลกที่แตกต่าง กู้อ้าวเวยก็ได้ รับเคราะห์ภัยที่เจ้าของร่างเดิมทิ้งไว้โดยไม่รู้ต้น สายปลายเหตุมาตลอด หลายครั้งที่วนเวียนอยู่ ในช่วงวิกฤติความเป็นตาย จนถึงครั้งนี้ กู้อ้าวเวย เหนื่อยแล้วจริงๆ เพียงหวังว่าไม่ต้องฟื้นขึ้นมาอีกก็ น่าจะดี วันนี้ได้ฟังเรื่องเล่า กู้อ้าวเวยสติปัญญาพลัน แตกฉาน แม้มดปลวกยังอยากมีชีวิต แม้ต้นหญ้ายัง ต่อสู้สุดตัว ตนเกิดมาเป็นคน แค่เพราะเปลี่ยนสภาพ แวดล้อม ก็เอาความมุ่งมั่นในการต่อสู้ขว้างทิ้งไป แล้วหรือ

หลังจากซึมซับรสชาติชาในมืออย่างละเอียดลออ กู้อ้าวเวยเช็ดมือด้วยความเอื่อยเฉื่อย กล่าวกับชิง ต้ายว่า “เจ้าให้หยินเชี่ยวไปเรียกท่านอ๋องมาสักครั้ง เข้าพิธีแต่งงานเกือบสิบวันแล้ว แม้จะงานยุ่งก็ต้อง กลับบ้านแล้ว บุญคุณที่เลี้ยงดูไม่อาจลืมเลือน กฎ บรรพบุรุษก็ไม่อาจลบล้างเช่นกัน”

ชิงต้ายไม่ทราบหลังจากที่กู้อ้าวเวยได้ฟังเรื่องเล่า นี้เหตุใดจึงนิ่งเงียบอยู่นาน แล้วเพราะเหตุใดจึงพูด เรื่องกลับบ้านกะทันหัน เพียงแต่พลังชีวิตบนร่างของกู้อ้าวเวยที่ปะทุขึ้นอย่างทันทีทันใดทำให้ชิง ต้ายรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องร้าย ครั้นแล้วจึงตอบรับไป หาหยินเชี่ยวด้วยความสบายใจ

ยามที่คนรับใช้มารายงานว่าหยินเชี่ยวร้องขอเข้า พบ ซ่านจินจื่อผิดคาดอยู่บ้าง

หลายวันนี้ ซ่านจินจื่อคล้ายทำเหมือนกับว่ากู้อ้าว เวยไม่อยู่ ออกว่าราชการอย่างทองไม่รู้ร้อน หลัง เสร็จราชการก็มุ่งแต่ไปหาซูพ่านเอ๋อร์ ซูพ่านเอ๋อร์ อยู่ภายใต้การดูแลรักษาของเมี่ยวหานมีสุขภาพดี ขึ้นเรื่อยๆ ยังบอกกับเขาอีกว่าวันนั้นก็เพียงแค่ถูก กู้อ้าวเวยทำให้ตกตื่นจนล้มลง ในใจยังเต็มไปด้วย ความรู้สึกผิดจึงได้ล้มป่วย

ซ่านจินจื่อคิดว่าเนื่องจากอาการป่วยของซูพ่าน เอ๋อร์ตนจึงไม่มีเวลาดูแลกู้อ้าวเวย แต่ส่วนลึกในใจ กลับส่งเสียงบอกว่า ไม่ใช่ เจ้าก็แค่กำลังหลบกู้อ้าว เวยต่างหาก เจ้าไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับนางอย่างไร ไงเล่า

ซ่านจินจื่อนิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่จึงหันร่างเข้ามาหา หยินเชี่ยว หยินเชี่ยวถวายคำนับ หยินเชี่ยวนำสาส์น เดิมของกู้อ้าวเวยถ่ายทอดให้แก่เขาโดยไม่ทำตน ต่ำต้อยจนเกินไป ซ่านจินจื่อพึมพำอยู่ชั่วครู่จึงพยัก ศีรษะตอบ “ข้ารู้แล้ว เจ้ากลับไปบอกนางว่าข้าจะไป พบ
หยินเชี่ยวถวายคำนับถอยหลังกลับออกไป ทุกขั้น ตอนล้วนอยู่ภายใต้จมูกซูพ่านเอ๋อร์

เพียงแต่ว่าในยามนี้ซูพ่านเอ๋อร์กลับไม่ได้สนใจ จะเอาความกับสาวใช้นั่น นางรู้สึกว่าซ่านจินจื่อผิด ปกติเล็กน้อย จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากลองสำรวจ “ทุกอย่างต้องโทษข้า เดิมทีหลายวันก่อนก็จะต้อง ได้กลับไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะข้าก็คงไม่ล่าช้าออก ไป บัดนี้ฤกษ์วันพลาดโอกาสไปแล้ว หากพระชายา กลับบ้านจะโดนจะถูกว่ากล่าวหรือไม่นะ?”

ซ่านจินจื่อโบกมือปราม “แล้วเกี่ยวอันใดกับเจ้า? เป็นนางที่ก่อเรื่องทำให้วันเลื่อนออกไปล่าช้า พ่านเอ๋ อร์ เจ้าดีเหลือเกิน ความผิดใดๆล้วนยึดไว้ที่ตนเอง เสมอ”

พ่านเอ๋อร์จึงได้วางใจ ซ่านจินจื่อยังคงเข้าข้าง ตนอีกทั้งก็เรื่องจริงไม่แปลกเลยที่จะโทษตน กู้อ้าว เวยนังแพศยานั่นมาหาเรื่องก่อน แถมยังพูดจาข่มขู่ เมื่อนึกถึงเรื่องในวันนั้นซูพ่านเอ๋อร์ก็รู้สึกคับข้อง หัวใจ ท่าทางสีหน้านิ่งเรียบของกู้อ้าวเวยและวาจา จากปากที่ทำให้ผู้คนตื่นตระหนกทำให้ซูพ่านเอ๋อร์ ตกใจไม่ใช่เบา อาการป่วยที่เกิดขึ้นตอนนั้นในภาย หลังก็ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ หลายครั้งที่ซูพ่านเอ๋อร์ ฝันถึงว่ากู้อ้าวเวยจะมาดื่มเลือดดื่มเนื้อของนางจริงๆ

ซูพ่านเอ๋อร์พยายามใช้สายตาเหลือบมองซ่าน จินจื่อ ภายในใจเกิดความกังวลรางๆ!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ