ตอนที่ 8 ไม่พูดกับคนไร้ประโยชน์
หลิงเล่มองเธอ แต่ไม่พูดอะไร
เธอหยิบช้อนมาดักโจ๊ก เป่าเบา ๆ แล้วพูดว่า “ครอบครัวของ ฉันย้ายมาอยู่ที่นี่เมื่อสองปีก่อน แต่ฉันอยู่มาตั้งแต่เรียนโรงเรียน มัธยม เนื่องจากเมืองนิ่งเชิงเป็นมณฑลเล็ก ๆ มีเมือง M เป็น เมืองหลวง คุณลุงของฉันบอกว่าที่นี่มีคุณภาพการเรียนการสอน ที่ดี พอไปเรียนแรก ๆ ทำอะไรก็ช้าและขี้เซา ตอนที่ตื่นมาไม่ทัน ทานอาหารช้าก็อาศัยช่วงที่เขาออกกำลังกายไต่กำแพงแอบออก มาทานข้าวที่ร้านนี้
หลิงเล่มองเธออีกครั้งมองดูริมฝีปากสีแดงเล็กที่เป่าความร้อน ออกจากโจ๊กแล้วส่งช้อนนั้นเข้าปาก มองดูลำคอที่กลืนโจ๊กนั่น ๆ เขาก็เกิดอาการกลืนลำบาก
เขาพล้นเหลือบตามองออกไปนอกหน้าต่างรถ จ้องไปยังประตู โรงเรียนฝั่งตรงข้ามมองไปที่รั้วสูงนั่นก็ยิ้มออกมา
ทั้งคู่ทานหมดอย่างรวดเร็ว มู่เทียนชิงถือแก้วชานมอย่าง พอใจ วซีเก็บถ้วยชามและทำความสะอาด เก็บโต๊ะเข้าที่เดิม จําหรับก็สตาร์ทรถออกเดินทางอีกครั้ง
“เอาเข้าจริงแล้วคุณก็ไม่ได้น่ารำคาญขนาดนั้น ถ้าเรายังเป็น แบบนี้ต่อไป ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร
มู่เทียนชิงรู้สึกอย่างนั้น
เธอเคยคิดว่าหลังจากแต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้วจะทำให้ เราทั้งคู่ทำตัวไม่ถูกไปตลอด ถ้าเป็นแบบนั้นคงจะยากเกินไป
ถ้าเขาเป็นเหมือนวันนี้ ไม่ทำตัวลำบากต่อกัน มีกินมีใช้ แม้ว่า เขาจะพูดน้อยมากเหมือนภูเขาน้ำแข็งยักษ์อายุพันปี ก็ยังดีกว่า การอยู่แบบเหม็นหน้ากัน
เสียงของเธอเบาลงและไร้ซึ่งความมั่นใจ “ไม่ได้รังเกียจ “หืม?” เธอมองเขาด้วยความสงสัย “อะไรคือไม่ได้รังเกียจ?”
“คุณถามผมไม่ใช่เหรอว่าทำไม?” เขายังคงเอาแต่มองออก ไปนอกหน้าต่างทั้งที่คุยกับเธอ “ผมไม่ได้รังเกียจที่จะแต่งงานกับ คุณ”
“คุณ!” มู่เทียนซิงทั้งสบายใจและอายไปพร้อม ๆ กัน
เด็กผู้ชายที่ถูกครอบครัวทอดทิ้ง คนที่ยืนด้วยขาของตัวเองไม่ ได้ ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่สวยบริสุทธิ์ ใจดี น่ารัก และมีความ สามารถหลากหลายแบบนี้ เขายังมีอะไรจะต้องให้รังเกียจเธอ อีก?
เขาไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
เธอต่างหากที่เป็น
“ฉันขอกลับคำพูด” เธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าโกรธแล้ว มองไปที่เขา มู่เทียนซิงกัดหลอดดูในปาก
เธอรู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ที่คิดว่าเขาไม่ได้น่ารังเกียจอะไร
เขาน่ะมันน่ารังเกียจมาตั้งแต่แรก!
จั่วหนกับจั๊ว รู้สึกเป็นกังวลเรื่องเจ้านายของตัวเอง ดูเหมือน ว่าคุณชายจะไม่รู้ว่าควรเข้าหาผู้หญิงยังไง พวกเขาควรจะทำยัง ไงดีนะ
“อือ”
เสียงอันมีเสน่ห์ของเขาตอบขึ้นมาเบา ๆ เหมือนต้องการบอก ว่า คุณจะคืนคำพูดหรือไม่ก็แล้วแต่ เช่นเดียวกับที่ผมไม่ได้สนใจ อยู่แล้วว่าคุณจะเกลียดผมหรือไม่
มู่เมียนชิงไม่ตอบ แต่ในรถนั้นเกิดเสียงบิดขวดน้ำขึ้นมา เธอมองสิ่งนั้นที่เป็นของคุณยาย ความโกรธที่ทะลุออกมา ทำให้เธอทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
มู่เทียนชิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เธอเสียบหูฟัง หลับตาลง แล้ว
เปิดเพลง
ตราบใดที่ไม่มองเขา ก็จะไม่เห็นและไม่ได้ยิน อยู่ในโลกใบนี้ เพื่อหลอกลวงตัวเองแล้วปล่อยเขาไป
เวลาผ่านไปพร้อมกับเพลงที่ฟังไปได้ประมาณสิบเพลง เธอ ลืมตาขึ้นมาแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างรถ
เธอไม่รู้เลยว่ารถได้มาจอดอยู่ตรงหน้าวิลล่าซานติ่งแล้ว เธอ เงยหน้าขึ้นไปก็พบกับคำสองคำ “คฤหาสน์หลัง
เธอถอดหูฟังออกแล้วถามหลังเลอย่างลำบากใจ “เรามาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่”
หลิงเล่เหมือนว่ากำลังรอเธอ เขาหลับตาลงอย่างต้องการผ่อน
คลาย
พอได้ยินเสียงของเธอเขาก็ลืมตาขึ้น ไม่ตอบคำถามแต่เลือกที่ จะเคาะกระจกตรงประตูแทน
จั่วหรับเข้าใจ น่าบัตรออกมาแตะที่เซนเซอร์ทางเข้าวิลล่า ประตูก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นสวนหน้าบ้านตรงหน้า
จั่วซึมองไปที่มีเทียนซิงที่กำลังขมวดคิ้วมั่น สุดท้ายก็ทนไม่ไหว หันไปมองคุณชาย แล้วพูดว่า “คุณหนูไม่ต้องกังวลไปคุณชาย สี่จะปกป้องคุณเอง”
ไม่ว่าหลิงเล่จะชอบหรือไม่ชอบเทียนชิง การที่มีเพียงชิงช่วย ชีวิตหลังเลไว้รวมกับความสัมพันธ์ในตอนนี้ หลิงเล่จะต้องช่วย เหลือเธอแน่นอน
ทุกคนต่างรู้ดีหลิงเล่มีบุคลิกแปลก ๆ คนของเขามีจั่วหวั่นและ จั่ว ถ้านายท่านเอ่ยปากกับสองคนนี้เมื่อไหร่หลิงเล่ก็จะไม่พอใจ ทันที
หลิงเล่ไม่มีได้ท่าทีอะไรกับคำพูดของจิ๋วซี มู่เทียนซึ่งก็ทำ เหมือนว่าตัวเองไม่ได้ยิน
รถหยุดลงตรงหน้าประตู
จั่วซีเปิดประตูรถให้มู่เทียนชิงที่ลงรถด้วยท่ากวางน้อยอีกครั้ง
เธอสํารวจไปทั่วด้วยความอยากรู้อยากเห็น ลืมสิ้นหลิงเล่ที่อยู่ ในรถไปชั่วคราว
จนกระทั่งเธอมองเห็นจั่วหวั่นกับจั่วซีกำลังช่วยกันพยุงคน ภูมิฐานและหล่อเหลานั่งลงที่รถเข็น รอยยิ้มราวกับเด็กน้อยก็
หายไป
จั่วซีเข็นรถเข็นที่มีหลิงเล่นั่งอยู่มาใกล้เธอ “คุณหนูมู่ เชิญค่ะ จู่ ๆ มู่เทียนก็รู้สึกเศร้าและเริ่มโทษตัวเอง เขาเป็นคนพิการ เธอต้องการอะไรจากเขากัน? แค่นี้เขาก็ทรมานมากพอแล้ว
เธอยื่นมือไปจับที่รถเข็นแล้วหันไปบอกกับวซี “ฉันทำเอง”
จั่ว ขมวดคิ้ว “คุณยังไม่เคยทำ ให้ฉัน…. “ให้เขาทำไป” หลังเลไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรมากนักราวกับ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา
จั่วซีลังเลแต่สุดท้ายก็ยอมปล่อยมือ แล้วดันรถเข็นไปที่ชั้น ลอย พูดกับมู่เทียนซิงว่า “นี่เป็นปากกากับกระดาษของคุณชายสี่
“ฉันรู้แล้ว”
“คุณหนูมู่!”
“คุณหนูอย่าลืมนะคะว่าคุณชายสี่ท่านพูดไม่ได้
“เขา…ฉันรู้แล้ว”
มู่เทียนซิงเลือกที่จะไม่ถามว่าทำไมหลิงเล่ถึงเป็นแบบนี้ เขาดูไม่เหมือนคนแสร้งทำ หลังจากที่เขาด นครอบครัวของเขาไม่รู้ หรือ?
มันไม่ใช่กงการอะไรของเธอ เธอเพียงแค่แต่งงานกับหลิงเล่ เท่านั้น ถ้าหลิงเล่ต้องการเก็บมันไว้เป็นความลับเธอก็จะช่วย ปกปิด ยังไงทั้งสองคนก็ขึ้นเรือลำเดียวกันแล้วนะ
ที่ห้องโถงบ้านตระกูลหลิง แม่บ้านพึ่งมาจากการไปรายงานว่า คุณชายสี่กลับมาแล้ว มู่เทียนชิงดันรถเข็นไปได้ไม่ถึงสองก้าวก็ พบกับเจิงเซี่ยนที่ออกมาต้อนรับพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า “เสี่ยวเทียนซิง! ในที่สุดก็มาถึงสักที พวกเราต่างก็รอหนูมาสัก พักแล้ว”
“น้าเชี่ยน” เธอตอบรับอย่างมีมารยาท
เพียงพริบตาเดียว เพิ่งเรียนก็อายุสี่สิบแล้วแต่รูปร่างยังดูอ่อน เยาว์ แทนที่จะใส่เชิ้ตแล้วทับด้วย โค้ทเป็นชุดทำงาน กี่เพ้าที่เพิ่ง เซี่ยนใส่นั้นดูภูมิฐานและสง่างามกว่ามาก
“เด็กดี” เจิงเซี่ยนจับมือมู่เทียนชิง ส่งรอยยิ้มให้แล้วชี้ผู้หญิง อีกคน “นั่น พี่สะใภ้ใหญ่ ส่วนพี่ใหญ่ พี่รองแล้วก็พี่สามอยู่ที่ ห้องอ่านหนังสือของนายท่านเดี่ยวก็ลงมาแล้วล่ะ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ