ตอนที่ 11 ฐานะที่เปลี่ยนไป
โม่อก้าวย่างสุขุมมุ่งไปยังฉินหลิน สาวน้อยสาวใหญ่ต่างพา กันกระซิบพูดคุย ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมไม่เคยเห็นมา ก่อน
ล้วนคาดเดาไปต่างๆนาๆว่าเขาคงยังไม่มีครอบครัว พวก หล่อนพร้อมเป็นฝ่ายเข้าหาเชื่อมสัมพันธ์กับผู้ชายที่เพียบพร้อม ขนาดนี้อย่างแน่นอน
จริงๆถึงจะมีครอบครัวแล้ว พวกหล่อนก็ไม่สนอยู่ดี
ฉันอีหลินได้ยินเสียงจอแจวุ่นวายจึงหันหลังกลับไปมอง เธอ นิ่งงันทันทีที่มองเห็นเขา
ลี่โม่อไม่เปิดโอกาสให้เธอได้รู้สึกตัว สายตาที่อ่อนโยนถูก ส่งไปที่ภรรยาที่รักของเขา กุมมือเธอแน่นอย่างสนิทสนม ไล่ มือเบาลงบนริมฝีปากที่เม้มแน่น
“ทำไมหนีมาคนเดียวล่ะ เราตกลงจะมาด้วยกันไม่ใช่หรอ
ลีโม่อไม่ได้สนใจเหล่าสาวน้อยสาวใหญ่ที่ให้ความสนใจ ตนเอง ยื่นมือปัดปอยผมทัดหูให้เธอ สายตาของเขามองแค่ฉัน อีหลินราวกับว่าเธอคือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเขา
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ผมมีธุระด่วนทำให้มาสาย หลันซู ผม ขออวยพรให้คุณทั้งสองครองรักกันไปนานๆนะครับ”
ลี่ โมอวี่โอบเอวฉินหลินอย่างเป็นธรรมชาติ กระชับดึงเธอเข้า สู่อ้อมอก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหันไปกล่าวขอโทษ หญิงสาวตรงหน้าพร้อมทั้งอวยพรเธอ
เมื่อฉันหลันซูรู้ว่าแท้จริงแล้วผู้ชายคนนี้คือสามีของพี่สาว เธอ ได้แต่หักห้ามและตำหนิตัวเองอยู่ในใจ
ที่เผลอใจหลงใหลผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ลดราคาตัวเอง เสียจริง
เหลือบสายตามองใบหน้าเสียดายของหญิงสูงศักดิ์เหล่านั้น มุมปากฉินหลันซูยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“พี่เขยมาร่วมงานแต่งของฉันได้ ฉันก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง แต่พี่เขยทำแบบนี้จะไม่เป็นไรจริงหรอ
ใบหน้ากังวลของฉันหลันซูมองไปยังชายที่น่าหลงใหลนั้น
“ยังไงคืนนี้พี่ก็จะต้องทำงานหนัก หากไม่ได้พักผ่อน ตอน กลางคืนจะทํางานได้หรอ อย่าเป็นเพราะต้องมาเหนื่อยเพราะ งานแต่งเล็กๆของฉันเลย รบกวนเวลา “งาน” พี่จริงๆ”
พูดจบฉินหลันซูตั้งใจสังเกตสีหน้าของชายตรงหน้าเป็นพิเศษ ใบหน้าที่นิ่งสนิทของชายหนุ่มไม่ได้แสดงความรู้สึกออกมาให้ อีกฝ่ายได้เห็น แต่ผู้คนรอบข้าง ที่ล้วนคิดว่าตนเองนั้นเป็นผู้ที่ได้ รับการอบรมมา กลับปิดปากอุทานคิดไปต่างๆนาๆ
ลี่โม่อวี่เป็นคนหล่อเหลาน่าหลงใหล น่าเกรงขาม เดิมทีจ้าวหย่าเคยคิดว่า กลับไปจะขอให้พ่อช่วยเพื่อให้ได้เข้าใกล้กับคุณชายผู้น่าหลงใหลคนนี้ ใครจะคิดว่าแท้จริงแล้วจะ เป็นสามีที่มีแต่เปลือกของฉันอีหลิน
ฉินหลินได้ยินผู้คนมากมายกำลังซุบซิบนินทาคนที่โอบกอด ตนเองอยู่ เพราะตัวเธอเองเติบโตมากับสังคมแบบนี้จึงรู้ดีที่สุด ว่าคนพวกนี้ปากร้ายมากแค่ไหน เธอไม่อยากให้โม่อต้องตก อยู่ในสภาพแบบนี้กับตนเอง
ลีโม่อ หรี่ตา สายตาเย็นชาพินิจพิจารณาฉันหลันซู
ดวงตาคู่นั้นของหญิงที่ยืนอยู่ในชุดแต่งงานคนนี้เต็มไปด้วย แผนการร้ายกาจและลำพองใจ ปากเธอพปลิ้นปล้อน เงยหน้า ขึ้นมองเขาด้วยแววตายโสโอหังราวกับว่าได้เห็นเขาหนีออกไป จากที่นี่ด้วยความอับอาย
ฉันอีหลินได้ยินคนรอบข้างซุบซิบนินทาใบหน้ายิ่งซีดเผือด แต่ สาเหตุไม่ใช่เพราะโดนนินทา เพียงแต่คิดว่าไม่อไม่ได้ทำอะไร ผิด ไม่ควรต้องมาแบกรับความกดดันจากคำวิพากษ์วิจารณ์ของ คนเหล่านี้
จับมือเขาไว้แน่น ฉินอีหลินเม้มปากแน่นไม่รู้ว่าตัวเองควรพูด อะไรดี
ที่แท้งานแต่งครั้งนี้ก็เป็นเหมือนงานเลี้ยงที่วางแผนสังหาร แขก ในวันที่ฉินหลันซูเชิญเธอ เธอก็รับรู้ได้ทันที
ฉันหลันซูให้เธอพาลีโม่อวี่มาร่วมงานด้วย แน่นอนว่าไม่ใช่ เพราะตระกูลฉินยอมรับลูกเขยคนนี้แน่ ทั้งหมดเป็นเพราะน้อง สาวคนนี้ของเธอต้องการทำให้เธออับอายขายหน้า
เรื่องพวกนี้เธอรู้อยู่แล้ว หลังจากคืนนั้นที่ต้องเสียตัว เธอจึง เข้าใจแน่ชัดว่า ความโกรธแค้นที่ฉันหลันซูมีต่อเธอ มันได้ ตัดขาดความสัมพันธ์พี่น้องไปตั้งนานแล้ว
ฉินหลินไม่มีทางฉีกหน้าเธอ ไม่ว่าฉันหลันซูจะคิดยังไง แต่ ฉันอีหลินก็ยังคงเป็นพี่สาว แม้น้องสาวเธอจะไม่ได้คำนึงถึงความ สัมพันธ์พี่น้องนี้ ฉินอีหลินก็ยังคงคำนึงถึงมันอยู่ถึงอย่างไรฉัน หลันซูก็พูดถูก เป็นตัวเธอเองที่แย่งความรักจากพ่อไป แต่ฉัน หลันซูคงลืมไปว่าเธอก็เป็นคนแย่งความรักจากแม่ไปจากฉันอี หลินเช่นกัน
“ขอโทษ”
ฉินหลินหมดปัญญาตำหนิติเตียนน้องสาวตนเอง ทำได้เพียง ดึงแขนเสื้อของลีโม่อวี่กล่าวขอโทษด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ทำให้คุณต้องมาลำบากไปด้วย
โม่อมองฉันรั่ว อีมุมปากค่อยๆยกยิ้ม กำลังจะเอ่ยอะไร ทว่ามองเห็นเชียวน่ายกำลังเดินเข้ามาจึงกลืนคำพูดนั้นลงไป ใบหน้านิ่งสงบจ้องมองไปยังเชียวน่าย
ด้านหลังของเซียวน่ายตามมาด้วยชายถือแก้วเหล้าสามคน อายุราวๆสี่สิบ
ด้านซ้ายสุดคือกรรมการบริหารของบริษัทเชิง ตรงกลางคือ ผู้อำนวยการของหวานางจิวเวลมอลล์ ฝั่งขวาสุดคือประธานคณะ กรรมการบริหารของบริษัทเครือข่ายที่กำลังเติบโตแตกยอดเป็น ลำดับที่เจ็ด
เวลานี้ได้เห็นชายสามขั้วอำนาจยักษ์ใหญ่พร้อมกันถือแก้ว เหล้ามุ่งตรงมาทางนี้อย่างนอบน้อม
ในห้องโถง ใหญ่ หลังจากการปรากฏตัวของเซียวน่าย บรรดา หญิงสาวที่เคยชื่นชมโมอ ทั้งที่ยังสับสนว่าจะชวนคุยหรือ ปฏิเสธล้วนมุ่งเป้าไปที่เซียวจ่ายแทน
“เฮ้ เป็นเซียวน่ายจริงๆด้วย หล่อกว่าในหนังสือพิมพ์เยอะ เลย”
“หล่อจริงๆ แต่ก็เทียบกับพ่อหนุ่มกลางคืนเมื่อสักครู่ไม่ติดเลย นะ”
“นี่ยังกล้าเทียบอีกหรอ เขาเป็นคนกลางคืนที่มีดีแค่หน้าตา แค่นั้น เซียวน่ายคนนี้แค่ดูก็รู้ว่าเป็นคนหนุ่มที่มีอนาคตมากแค่ ไหน ใครที่มีความสามารถมากกว่ากันยังต้องเปรียบอีกหรอ ไม่รู้ว่าเขาแต่งงานแล้วหรือยังนะ
ขณะที่เซียวน่ายกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เขาได้ยินหัวข้อซุบซิบ
เกี่ยวกับหนุ่มไซด์ไลน์ พอเดินมาถึงจึงเอ่ยถามอย่างงุนงง
“หนุ่มเลี้ยงวัวอะไรกัน”
เชียวน่ายเพียงแค่ถามออกไปเท่านั้นไม่ได้หวังว่าไม่อที่จะ ตอบคําถามของเขา
แน่นอนว่าเขารู้ว่าไม่อไม่มีทางตอบคำถามปัญญาอ่อน แบบนี้แน่ๆ
เขาหันกลับมาหาทั้งสามคนข้างหลังพร้อมแนะนำ “ผู้จัดการใหญ่ทั้งสามท่านครับ นี่คือประธานคณะกรรมการ บริหารH&Jของเรา ไม่อวี่ ประธานครับ”
“ประธานลี่ ผู้บริหารทั้งสามท่านนี้อยากจะคุยกับเราสักนิด เกี่ยวกับความร่วมมือในโครงการดาวเคราะห์ที่จะดำเนินการที่ แผ่นดิน ใหญ่ครับ”
หากเป็นเวลาปกติคุยส่วนตัวเชียวน่ายกับเนื้อห้าวจะเรียกไม่ อว่าพี่ใหญ่ แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เป็นทางการพวกเขาจะ เรียกว่าประธานลี่
ยังไงเมื่ออยู่ข้างนอกพวกเขาก็ต้องช่วยสร้างความน่าเกรง ขามให้กับพี่ใหญ่ของพวกเขา
บรรดาบุคคลที่หัวเราะเยาะเย้ยและดูถูกโม่อเมื่อสักครู่ เมื่อ
ได้ฟังคำพูดของเซียวน่าย ชั่วพริบตารอยยิ้มนั้นได้แข็งทื่ออยู่ตรง
นั้นทันที
ประธานคณะกรรมการH&Jอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป ประธาน เจ้าหน้าที่บริการของ H&Jกรุ๊ปบอกเองขนาดนี้ใครจะกล้าสงสัย
ฐานะของโม่อวี่ไม่เพียงแต่ทำให้กลุ่มคนที่ติฉินนินทาเขาได้ ตกใจ ยังมีอีกคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาตอนนี้ด้วย
พวกเขาล้วนทำอะไรไม่ถูก เมื่อสักครู่ยังดูถูกว่าเขาเป็นหนุ่ม เลี้ยงวัวอยู่เลย อยู่ๆก็กลายเป็นประธานกรรมการ
บริหารH&Jกรุ๊ปไปได้ หวังเพียงว่าลี่โม่อวี่จะไม่ใส่ใจกับคำพูดของพวกเขาเมื่อสักครู่อย่าเป็นเพราะการกระทำที่ไม่เหมาะสมของตนเองต้องทำให้ ฐานะการเงินของครอบครัวต้องล่มไปด้วยเลย พ่อแม่ของพวก เขาคงได้จัดการพวกเขาเป็นแน่
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ