อย่าหยิ่งนักเลยคุณชาย

บทที่ 3 จากไปแบบนั้น



บทที่ 3 จากไปแบบนั้น

“โอ๊ย กลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงคะ พื้นเปื้อน เลือดไปหมด ในเมื่อเธอจะไป คุณเจมส์ก็ปล่อยให้ เธอไปเถอะค่ะ เรายังมี……เรื่องต้องทำอีกไม่ใช่ หรอคะ”

เสียงแหลมของผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเจมส์พูด ขึ้น เธอคลอเคลียกับเขาจนแทบจะกลายเป็นคน เดียวกัน เอมเฟ่พยายามลุกขึ้นมาจากพื้น เธอเก็บ ของที่ตกอยู่บนพื้นทีละชิ้นๆ

ไม่เว้นแม้แต่ถุงยางอนามัยนั่นด้วย จึงทำให้ เจมส์โมโหแล้วสะบัดผู้หญิงที่อยู่ใกล้เขาออก “ออก ไป!

ตกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าเจมส์จะพูด เธอตก แบบนั้น

“ทำไมต้องไล่ฉันด้วยละคะ ฉันอยากอยู่กับ คุณนะคะ”

เธอพูดแล้วทำท่าทียั่วยวนเจมส์ แต่สายตาที่ เขาส่งมาให้เธอนั้นกลับกลายเป็นสายตาเย็นชา จน ทำให้เธอเงียบทันที แล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป

ตอนนี้เอมเฟเองก็เก็บข้าวของเรียบร้อยแล้วเธอมองดูผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนรองเท้า แล้วหยิบ กระเป๋าเดินทางของตนเองเตรียมจะออกไป แต่ เจมส์กลับรั้งเธอเอาไว้

“ผมอนุญาติให้คุณไปแล้วหรอ?”

“ปล่อยฉันเถอะค่ะ คุณเจมส์ ฉันเองก็จะปล่อย คุณแล้วเหมือนกัน”

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่น้ำเสียงของเธอนั้น ทำให้เจมส์หัวเสียอย่างมาก เขาอยากจะกดทับร่าง ของเธอ แล้วให้เธอร้องไห้ขอร้องให้เขาปล่อย

แต่เขาไม่ได้ทำ เจมส์ปล่อยมือของตนเอง

“ไสหัวออกไป! ไปให้พ้น แล้วอย่ากลับมาผมเห็นหน้าคุณอีก”

เอมเฟเดินออกไปโดยไม่ลังเล

เจมส์หันไปมองแผ่นหลังที่กำลังสั่นเทาของเธอ เขาไม่เชื่อว่าเธอจะยอมหย่ากับเขาจริงๆ เพราะเอม เฟรักเขามาก เขารู้ดี

แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือ ทำไมเขาถึงต้องหัวเสียแบบนี้!

เจมส์วางแก้วน้ำลง แล้วเดินกลับไปที่ห้อง มอง ดูเตียงที่ตอนนี้ยุ่งเหยิง เจมส์นึกถึงทุกครั้งที่เขา กลับมา เอมเฟจะนอนอยู่บนเตียงนี้อย่างเงียบๆคน เดียว

มันทำให้เขารู้สึกว่าเธอกำลังมีความสุข จึงเป็น เหตุผลที่ทุกครั้งเวลากลับมา เขาอยากจะทำให้เธอ ร้องไห้

แต่ตอนนี้ เขากลับปวดใจตอนที่มองไปบน

เตียงนั่น!

เจมส์คว้าผ้าปูที่นอนออกมา แล้วโยนออกไป

ด้านนอก

อากาศในตอนคืนที่หนาวเย็น เหมือนหัวใจของ เอมเฟ่ในตอนนี้

เธอเป็นเด็กกำพร้า เธอไม่มีบ้านและอาศัยอยู่ ที่สถานรับเลี้ยงเด็กตั้งแต่เล็ก ถ้าไม่ใช่เพราะคุณลุง ขายาวคนหนึ่งคอยช่วยเหลือเธอ เธอคงไม่มีปัญญา ได้เรียนมหาวิทยาลัย
ตอนแรกเธอคิดว่าอย่างน้อยตนเองก็ยังมีบ้าน อย่างน้อยเธอก็ยังสามารถเฝ้ารักษาความอบอุ่นที่ เธอหวยหามาโดยตลอดได้ แต่กลับไม่คิดว่าพระเจ้า จะใจร้ายกับเธอแบบนี้

เธอรู้สึกเหมือนตื่นจากฝันที่งดงาม

เอมเฟ่เดินลากกระเป๋าเดินทางไปตามทาง ท่ามกลางผู้คนมากมาย ในเมืองขนาดใหญ่แห่งนี้ แต่กลับไม่มีที่ของเธอ หรือเพราะว่าเธอจะเป็นส่วน เกินของโลกใบนี้ตั้งแต่แรกกัน ต่อให้ตอนนี้เธอหาย ไป ก็คงไม่มีใครรู้

“แปร๊น แปร๊น…..”

เสียงบีบแตรดังจนทำให้เธอต้องยกมือขึ้นปิด หู เอมเฟ่มองเห็นแสงไฟด้านหน้า จึงเดินตามแสงไฟ นั้นไป เธอคลายยิ้มเล็กน้อย

เสียงรถชนเข้ากับบางอย่างดังขึ้นในกลางดึก

ทางด้านเจมส์ในตอนนี้กำลังเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาเงยหน้าขึ้นไปมองรูปแต่งงานบนหัวเตียง

เอมเฟนั่งอยู่ตรงข้างถนน มองดูข้าวของของ เธอที่ลอยตกลงมาบนพื้น ตอนนี้ความคิดของเธอ ว่างเปล่า เธอเหม่อลอยอยู่นาน

“ไม่มีตารึไง? อยากตายก็ไปตายที่อื่น อย่า ทำให้คนอื่นเดือดร้อน! ถ้าไม่ใช่เพราะกูขับรถเก่ง วันนี้ก็คงจะซวยแล้ว!

“ขอ……ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ทันได้ระวัง ขอโทษด้วย….” เอมเฟรีบหันไปขอโทษคนขับ แท็กซี่

เธอเป็นอะไรไป

เมื่อกี้เธอเห็นเหมือนแสงไฟจึงเดินตาม ทำไม จู่ๆถึงมาหยุดอยู่ตรงกลางถนน แล้วยังเกือบจะถูก รถชนอีก?

เอมเฟ่ค่อยๆลุกขึ้น แขนและขาของเธอมี แผลเล็กน้อย ส่วนเสื้อผ้าและข้าวของของเธอนั้น กระจายอยู่บนพื้น

เอมเฟ่ก้มตัวลงเก็บ กระเป๋าเดินทางของเธอในตอนนี้พังยับ เหมือนกับความรักของเธอ ที่ไม่มีวัน หวนกลับไปได้แล้ว

ดังนั้น เธอจึงโยนทุกอย่างทิ้งลงถังขยะ แล้ว เดินตัวเปล่า

คนเราเกิดมาตัวเปล่า แล้วตายไปจะเอาอะไร

ไปได้ละ?

ตอนนี้เธอไม่รู้เลยจริงๆว่าควรไปที่ไหน

ไปหาติงเพื่อนสนิทของเธอ? แต่ตอนนี้เหมือน ติงพึ่งเปลี่ยนแฟนใหม่ แล้วทั้งสองคนกำลังสวีท หวานกัน เธอไม่อยากไปเป็นก้างขวางคือ

ตอนนี้เธอไม่รู้เลยจริงๆว่าใครจะโทรหาใครดี

เธอมีชีวิตมา 26ปี แต่กลับไม่มีที่ให้ไป เอมเฟ่ รู้สึกผิดหวังกับการใช้ชีวิตของตนเอง แต่จะทำยังไง ได้ละ สุดท้ายก็ต้องจำใจโทรหาติง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ