ราตานร้ายเจ้าชายแห่งรัตติกาล

บทที่ 4 สาเหตุที่ว่า… [NC15+++]



บทที่ 4 สาเหตุที่ว่า… [NC15+++]

– – – ณ อาณาจักรไวท์โครว์ (กาขาว) – – –

“โซลิว ลูกต้องไปเรียนแล้วนะ” กษัตริย์ลิวซิ นกล่าวกับลูกชายวัย 9 ปี ก่อนจะส่งลูกไปเรียนที่ ดาวฟาร์ซึ่งเป็นอาณาจักรแบลคโครว์ ซึ่งในเวลานั้น ไม่เคยมีใครของอาณาจักรไวท์โครว์ส่งลูกไปเรียน ที่อาณาจักรแบลคโครว์ เพราะคิดว่าอาณาจักรแบ ลคโครว์ต้อยต่ำกว่าเสมอ แต่กษัตริย์ลิวซินไม่คิด เช่นนั้น ไม่เคยคิดแบ่งแยกชนชั้นหรือดูถูกเหยียด หยามใคร และเพื่อเป็นการสร้างสัมพันธไมตรีต่อแบ ลคโครว์ วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

“เสด็จพี่ไม่ส่งลูกเราไปไม่ได้เหรอเพคะ”

“โธ่!!..พระชายาเรื่องนี้เราคุยกันแล้วนะ หาก เราส่งลูกไปเรียนที่นั่น ลูกของเราจะได้อะไรอีก มากมายที่ที่ดาวของเราไม่มี เราไม่ต้องการให้ลูก เติบโตมาด้วยการที่ต้องดูถูกเหยียดหยามแบลคโค รว์ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับเรา หากเป็นเช่นนั้นจริงพี่ คงนอนตายตาไม่หลับเพราะกาดูถูกเหยียดหยาม กากันเอง และยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง ไวท์โครว์และแบลคโครว์ด้วย”

“น้องทราบเพคะ ท่านพี่เล่นบอกน้องทุกวัน แต่ เราเชื่อมสัมพันธ์ด้วยวิธีอื่นก็ได้นะเพคะ”
“พระชายา ในเมื่อลูกของเราก็ยอมไปแต่โดย ดีแล้วนะ”

“เสด็จแม่ โซลิวตัดสินใจไปแล้ว ก็จะไม่กลับ คําเด็ดขาด”

“ดีมากลูก แบบนี้สิค่อยสมเป็นรัชทายาทองค์ ต่อไป” กษัตริย์ลิวซินทรงปราบปลื้มใจที่องค์ชาย โซลิวบุตรชายวัย 9 ปีได้แสดงความกล้าหาญออก มา ซึ่งในตอนนี้โซลิวก็เอาแต่ดีใจที่จะได้ไปพบ เพื่อนใหม่

เจ้าชายโซลิวถูกส่งไปเรียนที่ดาวฟาร์ก่อนจะ ได้พบเจ้าชายออดิก การิว ฟาวล์ คลาวน์ มาวิน และ บากิ และทั้งหมดก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน ทำให้ อาณาจักรทั้งสองเป็นมิตรและเชื่อมสัมพันธไมตรี ตั้งแต่นั้นมา และในเวลาต่อมากษัตริย์องค์ก่อนนั้น ซึ่งเป็นพระบิดาของท่านการิวสิ้นพระชนม์ ดาวฟาร์ จึงตกเป็นของกษัตริย์การิว ส่วนดาวลิสส์ท่านการว ได้ยกให้กษัตริย์ออดิกปกครอง ซึ่งท่านรักเสมือน บุตรชาย

โซลิววัย 20 ปี ตัดสินใจจะกลับอาณาจักรไวท์ โครว์(กาขาว) แต่แล้วก่อนที่โซลิวจะเดินทางกลับ ก็ได้รับข่าวไวท์โครว์(กาขาว) อาณาจักรของตนล้มตายทั้งหมด

ออดิกในฐานะกษัตริย์เต็มตัว และมีเหตุการณ์ ให้กษัตริย์ออดิกปักใจเชื่อว่าไวท์สวอน(หงส์ ขาว)รอบปลงพระชนม์พระบิดาของโซลิว และ ทำลายล้างเผ่าพันธุ์ไวท์โครว์(กาขาว) เพราะ เกรงว่าไวท์โครว์จะมีพลังอำนาจมากกว่า จึงทำให้ กษัตริย์ออดิกเปิดศึกสงครามกับไวท์สวอน แต่โซ ลิวไม่ปักใจเชื่อเช่นนั้นเพราะกาขาวและหงส์ขาว เป็นมิตรที่ดีต่อกันมาโดยตลอด และพระบิดาของ กษัตริย์โซลิวก็สิ้นพระชนม์เพราะล้มป่วยตามที่หมอ ส่วนพระองค์ได้วินิจฉัยแล้ว โซลิวจึงพูดเกลี้ยกล่อม ออดิกอีกครั้ง

ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงต่างเข้าใจว่ากษัตริย์ออดิก เป็นผู้วางแผนในการลักลอบทำร้ายกษัตริย์ พระ ชายา และเจ้าชายของหงส์ขาว เหลือเพียงเจ้าหญิง โอนีน หญิงผู้เป็นที่รักของกษัตริย์ออดิก เมื่อกษัตริย์ สิ้นชีพทำให้ประชาชนเสียขวัญ จึงทำให้เหล่ากาดำ ฆ่าหงส์ขาวตายทั้งเผ่าพันธุ์ได้อย่างง่ายดาย หญิง สาวผู้ที่เคยรักและเชื่อมั่นในรักของกษัตริย์ออดิก แต่บัดนี้กลับกลายเป็นความเกลียดชัง ไม่ว่าจะถูก นางผู้เป็นที่รักตราหน้าไว้อย่างไรก็ตาม แต่กษัตริย์ ออดิกก็ยังรักและเทิดทูนหญิงสาวผู้เป็นที่รักที่เหลือ เพียงหนึ่งเดียวของเผ่าพันธ์ไวท์สวอน เขาพาเธอกลับมา อาณาจักรภาคที่ดาวลิสส์ของตน

“พระองค์นำหม่อมฉันกลับมาเพื่อสิ่งใด ถ้าไม่ ไม่ฆ่าหม่อมฉันไปพร้อมกับครอบครัว ในเมื่อ พระองค์ปักใจเชื่อว่าเป็นการกระทำของเผ่าพันธุ์ ของเรา แล้วจะให้หม่อมฉันอยู่ไปทำไม

“ข้าพูดไปก็เท่านั้น ตอนนี้เจ้าไม่เหลือใคร เอา เป็นว่าข้าจะให้เจ้าเป็นมเหสีของข้า

“พระองค์ยังคิดว่าหม่อมฉันจะยังทนอยู่ร่วมกับ ผู้ที่ทำร้ายเผ่าพันธุ์ของหม่อมฉันได้อีกเหรอเพคะ”

“โอนีน..ข้า…”

“ท่านทำลงไปได้อย่างไร ตลอดเวลาที่ท่านทำ เป็นรักและดูแลหม่อมฉันเพียงเพราะท่านต้องการ ใช้ความไว้วางใจมาทำลายเผ่าพันธุ์หงส์ขาวให้หมด สิ้น หงส์ดำจะได้ไม่มาโค่นอำนาจท่านได้”

“โอนีน ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด เจ้าเข้าใจข้าผิด

“ใช่เพคะ ที่ผ่านมาหม่อมฉันเข้าใจผิดมาโดย ตลอด แต่ในเวลานี้หม่อมฉันรู้แล้ว อย่าให้หม่อมฉัน ทรมานไปมากกว่านี้เลย” สิ้นคำพูดของเจ้าหญิงโอนีนแห่งอาณาจักรไวท์สวอนหรือหงส์ขาว หญิงสาว ก็เดินเข้าห้องไปโดยไม่ฟังคำอธิบายใดๆทั้งสิ้น

“ออดิก ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่รึ เผ่าพันธุ์ ของข้าไม่ได้โดนทำร้าย แต่เพราะเกิดจากโรค ระบาด ทำไมเจ้าต้องทำเช่นนี้” โซลิวเจ้าชายแห่ง อาณาจักรกาขาวที่เฝ้าดูเหตุการณ์มาตลอดนั้นเดิน เข้ามาก่อนพูดกับกษัตริย์ออดิกอีกครั้ง

“ได้โปรดฟังข้า ข้า…”

“ข้าว่าเจ้าไปสงบสติอารมณ์ก่อนดีกว่า เดี๋ยว ทางนี้ข้าจะช่วยเกลี้ยกล่อมให้”

“เอางั้นรึ ถ้าเช่นนั้นข้าขอฝากด้วยละกัน ออดิกพูดก่อนเดินกลับไป ส่วนเจ้าชายโซลิวเมื่อ รับปากเช่นนั้นก็เดินตรงเข้าไปหาเจ้าหญิงโอนีน หวังจะพูดเกลี้ยกล่อมนาง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก…

“เจ้าหญิง นี่ข้าโซลิวขอให้ข้าได้คุยกับองค์ หญิงจะได้มั้ย” โซลิวพูดจบ หญิงสาวก็เปิดประตูให้ ก่อนที่ทั้งสองจะเข้าไปคุยกันข้างใน
“ข้าเข้าใจองค์หญิง เพราะในตอนนี้ข้าก็คงไม่ ต่างกับองค์หญิง

(( …

“องค์หญิงข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกเช่นไร แต่มันเป็นการ เข้าใจผิด”

“หากองค์ชายจะเข้ามาเพื่อแก้ตัวให้กับ กษัตริย์ออดิก หม่อมฉันไม่ต้องการ

“แต่องค์หญิงกับออดิกไม่ควรผิดใจกันเพราะ เรื่องเข้าใจผิดนี้”

“แล้วองค์ชายคิดว่าหม่อมฉันจะอยู่ร่วมกับออ ดิกได้อย่างนั้น ผู้ที่ทำลายล้างเผ่าพันธุ์ของหม่อม ฉัน ไม่ยอมรับฟังเหตุผลจากผู้ใด

“มันก็จริงอยู่ แต่ว่า…”

“ถ้าองค์ชายเป็นหม่อมฉัน จะรู้สึกอย่างไร เมื่อ ชายที่หม่อมฉันรักและไว้ใจมาทำเช่นนี้

“ข้า…”
“ถ้าท่านต้องการให้หม่อมฉันอภัยให้กับ กษัตริย์ออดิก ท่านช่วยหม่อมฉันอย่างหนึ่งได้มั้ย”

“ช่วยงั้นรึ?!?”

“ใช่!!..ช่วยพาหม่อมฉันหนีออกไปจากที่นี่ หนี ไปให้ไกล หนีไปที่ใดก็ได้หม่อมฉันไม่เกี่ยง ขอเพียง ให้กษัตริย์ออดิกหาหม่อมฉันไม่พบก็พอ”

“แต่…”

“หากท่านไม่ช่วย ข้าคงขอตายตามเสด็จพ่อ เสด็จแม่และเผ่าพันธุ์ของหม่อมฉันไป”

“องค์หญิง ทำไมพูดเช่นนี้”

“หม่อมฉันพูดจริง

เจ้าชายโซลิวคิดไม่ตกอยู่นาน ก่อนตัดสินใจ พาเจ้าหญิงโอนีนหนีไป โซลิวอยู่ที่อาณาจักรแห่ง นี้ตั้งแต่ยังเด็กจึงรู้ทุกซอกทุกมุมเป็นอย่างดี และ สามารถพาเจ้าหญิงโอนีนออกมาจากพระราชวัง ของอาณาจักรแบลคโครว์ได้

“เราจะไปไหนกันต่อ”
“หม่อมฉันไม่รู้ รู้เพียงแต่ต้องไปให้ไกลที่สุด

“มันจะดีร็องค์หญิง ไม่ช้าออดิกก็ต้องล่วงรู้ และออกติดตามพวกเราจนถึงที่สุด”

ณ ปัจจุบัน —

“แล้วเจ้าชายโซลิวกับเจ้าหญิงโอนีน หนีได้ หรือเปล่าคะป้า

“ได้จ่ะ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าหนีไปอยู่ที่ใด และ หายไปได้อย่างไร

“กษัตริย์ออดิกใจร้าย ถ้าหนูเป็นองค์หญิงก็คง ทำแบบนี้เหมือนกัน ใครจะไปทนแต่งงานกับคนที่ฆ่า พ่อกับแม่ได้ลงคอ

“อย่าเอ็ดไป เรื่องนี้มันก็นานมาแล้ว รื้อฟื้นไป ก็มีแต่เสียกับเสีย เรื่องที่ทำลายล้างเผ่าพันธุ์ก็ไม่มี ใครทราบที่มาที่ไป ไม่มีใครยืนยันได้ว่ากษัตริย์ออ ติกเป็นผู้วางแผนทั้งหมดจริงหรือไม่”

“มันก็ชัดเจนขนาดนี้ แล้วเจ้าชายคิเรียวของ ป้าละคะ เป็นยังไงบ้าง เค้าน่ากลัวมากใช่มั้ย ทำหน้า โหดแบบนี้ตลอดคุณป้าไม่กลัวเหรอคะ”
“คุณหนูเฟรน เข้าใจคุณหนูของป้าผิดแล้ว คุณหนูเคียวเป็นคนน่ารัก ใจดี แต่ที่ต้องทำแบบนี้ เพราะหน้าที่ จะได้ดูเกรงขามสมกับเป็นรัชยาท”

“จริงเหรอคะ แต่รัชทายาทเนี่ยจะเหมือนกัน มั้ยน่า บนโลกของหนูใครเป็นลูกชายคนโต ก็จะเป็น ผู้สืบสกุล ถ้าอย่างนั้นเจ้าชายคิเรียวก็เป็นลูกคนโต ใช่มั้ยคะ”

“ความจริงแล้วควรเป็นอย่างที่หนูเฟรนเข้าใจ แต่เจ้าชายดาคพี่ชายต่างมารดาของคุณหนู ไม่เป็น ที่โปรดปรานของกษัตริย์ออดิก ทำให้เจ้าชายคิเรียว ได้รับตำแหน่งแทน

“แหม…ดีเลยล่ะสิคุณหนูของป้าน่ะ คงพูดจา หว่านล้อมให้พ่อรักพ่อหลง”

“เปล่านะคะคุณหนูเฟรน คุณหนูของป้าไม่ได้ ต้องการเป็นรัชทายาทหรือครองราชย์เลยแม้แต่ น้อย แต่ก็ต้องทำตามหน้าที่”

“แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องทำหน้าตาดุขนาดนั้น เลย ใช่มั้ยคะ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ” หญิงทั้งสองหัวเราะออกมาพร้อมกัน

“อะแฮ่ม!! ” ก่อนจะมีเสียงหนึ่งดังมาจากทาง ด้านหน้าประตู ทั้งเฟรนและโอนิกค่อยๆหันไปพร้อม กันถึงกับสะดุ้งโหยง เมื่อคนที่อยู่เบื้องหน้าของเรา ทั้งสองคือเจ้าชายคิเรียว

“คุณหนู/คุณชายจอมเผด็จการ”

“เจ้าเรียกข้าว่าอย่างไรนะ”

“คุณหนู เดี๋ยวป้าออกไปก่อนดีกว่า ”

“ป้าโอนิกคะ วันหลังเราค่อยมาคุยกันต่อเรื่อง คุณหนูของป้านะคะ” หญิงสาวกระซิบกระซาบกับ หญิงสูงวัยก่อนเธอจะเดินออกไป

“เจ้ามีลับลมคมนัยอะไรกับป้าโอนิก”

“เรื่องของผู้หญิง ผู้ชายไม่เกี่ยว

“ข้าคงจะไม่คาดคั้นเอาความจากเจ้าเรื่องนี้ แต่เจ้าต้องอธิบายมาว่าเจ้ามาที่นี่เพราะได้รับคำสั่ง จากใคร เจ้าเป็นพวกหงส์ดำ แล้วมาโกหกว่ามาจาก ดาวโลกใช่มั้ย”
“อะไรของนาย ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่อง ยังไม่เข้าใจอีกรึไง”

“เจ้าจะไม่บอกจริงๆใช่มั้ย”

“ก็บอกไม่รู้เรื่อง จะหักคอ ยิงเป้า ฉันก็ไม่รู้ เรื่องที่นายพูด”

“ไม่ทำถึงขั้นนั้นหรอกนะ แค่…”

ชายที่อยู่ตรงหน้าจู่โจมเข้าประกบปากที่แสน จะอวบอิ่มนี่ของหญิงสาว ก่อนจะใช้ลิ้นร้อนส่ง เข้าไปสำรวจทักทายอย่างไม่เกรงใจ หญิงสาวรีบ ใช้มือบางๆคู่นี้ผลักอกแกร่งนั้นออกจากร่างกาย ของเธอ ก่อนที่สองมือหนาจะเข้ามารวบเอวบางนั้น เข้ามาประชิดลำตัว หญิงสาวพยายามถอดถอนริม ฝีปากออกแต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือมือหนาข้างหนึ่ง ดึงกลับมาและใช้ริมฝีปากดูดดื่มชิมรสความหวานที่ ไม่เคยได้สัมผัสนี้อย่างมัวเมา มือหนาข้างหนึ่งย้าย จากศีรษะของเธออ้อมไปด้านหลังและปลดตะขอบ ลานั้นออกอย่างง่ายดาย

อ้ายยยยยยย..ไม่ได้นะนั่นมันของรักของหวง อย่ามาทำรุ่มร่ามกับฉันแบบนี้นะ ฉันไม่ยอม..หญิง สาวพยายามปัดป่ายและผลักจากร่างของเขา แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร มือหนาของเขาไม่ได้รู้สึก สะทกสะท้าน เขากลับเลื่อนมันมาอยู่ด้านหน้าและ เคล้าคลึงกับอกอันอวบอิ่มนั้น หญิงสาวรีบใช้มือบาง กระชากแขนของเขาที่กำลังซุกซนบนอกอันอวบอิ่ม นั้นของเธอออกอีกครั้งชายที่อยู่ตรงหน้าถอดถอน จูบออกอย่างไม่รู้สาเหตุ มองเธออย่างขัดใจก่อนรีบ หันหน้าไปอีกทางหนึ่งทันที

“เอาเถอะ อย่างไรซะข้าก็จะต้องสืบเรื่องของ เจ้าจนได้” ชายที่ยืนหันหลังให้เธอพูดด้วยน้ำเสียง ที่ไม่สะทกสะท้านกับการกระทำเมื่อครู่ของเขาเลย แม้แต่น้อย ทั้งๆที่เธอแทบอยากฆ่าเขาให้ตายลงตรง นี้หรือไม่ก็หมุดแผ่นดินหนีหายไปเลย

“เชิญตามสบาย”

“แต่ก่อนที่ข้าจะรู้ที่มาที่ไป เจ้าจะต้องอยู่แต่ ภายในห้องนี้ ห้ามออกไปไนเด็ดขาด”

“จะบ้ารึไง นายจะมากักขังฉันแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันจะกลับบ้าน”

เจ้าชายไม่พูดหรือคาดคั้นเอาความอะไร หันหลังเดินกลับออกไป หญิงสาวเดินตามออกมา แต่ประตูก็ถูกปิดไปต่อหน้าเธอ
“ไอ้บ้า ไอ้คุณชายจอมเผด็จการ นายจะมาทำ แบบนี้ไม่ได้นะ คอยดูนะถ้าฉันออกไปได้ฉันจะไป ฟ้องปวีณา ขึ้นศาล ยื่นอุทธรณ์ ฎีกา ให้นายติดคุก ให้ได้เลย ไอ้บ้า บ้าๆๆๆๆๆๆๆๆ ไอ้เจ้าชายอม คอยดู หิต ไอ้เจ้าชายหน้าโหด อย่าให้ฉันออกไปได้นะ”

นี่มันตายด้านชัดๆ ไม่รู้สึกอะไรกับอกอันอวบ อิ่มของเธอบ้างรึไง ผละมือออกไปแล้วทำหน้าตาได้ เฉยชาขนาดนั้น มันทำให้ความมั่นใจของเธอลดลง ไปไม่หน่อย จากที่เคยมั่นใจนักหนาว่าเธอก็ไม่ได้ สู้ใครไม่ได้ แต่มันก็ดีแล้วไม่ใช่รึไงที่เขาไม่ได้ทำ อะไรต่ออีก จะคิดให้วุ่นวายทำไม…หญิงสาวยิ่งคิด ยิ่งหงุดหงิดใจที่ชายคนนี้ทำแบบนี้กับเธอ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ