บทที่ 11 ไม่ต้องพูดอีกแล้ว
“ฉันสบายดี มีความสุข ครอบครัวสุขสันต์” เธอก้ม หน้ากินก๋วยเตี๋ยวพร้อมพูดแบบคลุมเครือ
จริงๆแล้วเธอไม่อยากให้เขามายุ่งกับปัญหานี้เลย ไม่ อยากถูกเขาขุดเรื่องซึมเศร้าที่อยู่ในใจนั้นออกมา
แต่เหมือนกับว่าเขาจะแข็งแรงกว่าเธอ คงไม่ยอมเด็ด ขาด ยังไงก็ต้องให้เธอเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้
“คนที่คุณรักดูแลคุณไม่ดี!” ประโยคนี้ที่เขาพูดไม่ใช่ ประโยคคำถาม แต่เป็นประโยคที่ต้องการยืนยัน
“คุณทายผิดแล้ว เขาดูแลฉันดีมาก รักฉันมาก ดูแล เอาใจใส่แบบไม่ขาดตกบกพร่อง” เพื่อต้องการปิดบัง เธอเลยโกหกไปหลายอย่าง
“คุณโกหกผมไม่ได้หรอก คุณไม่ได้มีความสุข สามี คุณเขาก็ไม่ได้รักคุณ ถ้าเขารักคุณ แววตาคุณต้องมี ความสุขสิ
เขาพูดมาถึงตรงนี้ พอมองไปที่หน้าเธอจึงเต็มไปด้วย ความศรัทธา
“คุณนี่ความรู้สึกไวมาก ฉันโอเคจริงๆ!” เธอหลบ สายตาเขาเพราะสายตาคู่นั้นมองคนออก เธอเลยกลัว ว่าเขาจะมองเธอออก
“เลิกหลอกตัวเองได้แล้ว ถ้าเขารักคุณจริง ทะนุถนอม คุณจริง ตอนที่คุณกับผมใกล้กัน ปฏิกิริยาของเขาคง ไม่เป็นแบบนี้”
เขาสบสายตากลับ ในมือก็คีบก๋วยเตี๋ยวพร้อมพูดไป ด้วย ทำไมเขาถึงมองออกทุกอย่างทะลุปรุโปร่งขนาดนี้
เขารู้ว่าฉันกำลังมีเรื่อง รู้ว่าฉันทำใจลำบากไม่ยอมรับ
“คุณพูดถูกแล้ว ผมก็เลยขอคุณว่าอย่าพูดอีกเลย ไม่ ต้องหลอกผม ผมแค่…..อยากมีชีวิตที่สงบสุข” เธอหยุด กินข้าว จะหลบหน้าไปทางไหนก็ไม่ได้
“ที่คุณไม่มีความสุขและที่คุณไม่ยอมรับ การ แสดงออกของคุณมันทำให้ผมรู้สึกว่าคุณต้องการ ผู้ชาย”
“หยุดพูดได้แล้ว!” เธอลุกขึ้นด้วยความโกรธ
“เรื่องเมื่อกี้เกินความคาดหมาย ฉันหวังว่าพวกเรา จะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก ห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป!” เธอ ตะโกนออกมา โดยเสียงนั้นแม้แต่ตัวเองก็ไม่เคยได้ยิน
โตมาขนาดนี้แล้ว เธอไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน
เธอเก็บไว้ในใจตลอดมา ก็เลยไม่มีความสุขมาโดย ตลอด จนร่างกายแย่แล้ว ทั้งหมดที่ปล่อยออกมานี้ไป สิ่งที่อัดอั้นไว้
“โอเค ไม่พูดแล้ว! คุณกินต่อสิ ยังกินไปไม่กี่คำเอง” พอเห็นเธอโกรธ เขาก็ผ่อนคลายลงไม่อยากขู่เข็ญ อะไรเธอ
ที่จริงแล้วในใจของเขากลับแอบดีใจ รู้สึกว่าที่เธอได้ ระบายอารมณ์ออกมามันเป็นเรื่องที่ดี
เธอก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน พอได้ตะโกนออกมาก็รู้สึก โล่งใจ เหมือนก้อนหินที่เคยทับอยู่บนหน้าอกเบาไป เยอะเลย
ในห้องเงียบสงัดลงทันใด ได้ยินแค่เสียงทั้งสองคน กินก๋วยเตี๋ยว
เธอกินหมดไปชามหนึ่งแล้ว เขาหยิบชามของเธอมา เติม
“ฉันกินไม่ได้เยอะขนาดนั้น”
“คุณควรกินเยอะๆหน่อย สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย
เธอกินไปด้วย ในใจก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนเขากำลัง ดูถูกตัวเอง หรือเขาใส่ใจตัวเองจริงๆ
เธอคิดไม่ออกเลยว่าผู้ชายคนนี้ทําไมถึงทําแบบนี้กับ ตัวเอง เขาดูดีมาก สมาร์ท ฉลาด แข็งแกร่ง เธอคิดว่า ถ้าเกิดเขาอยากหาแฟน คงจะมีผู้หญิงต่อคิวกันมาเลย
“คุณมีแฟนรึยัง?” เธอถามออกไปประโยคหนึ่ง
เธอคิดกับเขาเหมือนพี่น้อง ถามแบบนี้เขาจะรู้สึกถึง ความห่วงใย ในใจจะได้ไม่รู้สึกทรมาน
มุมปากเขาค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมา
“คุณอยากได้ยินว่าผมมี หรือไม่มีล่ะ?”
“แค่พูดความจริงมาก็พอแล้ว” คำถามของเขาทำให้ เธอใจสั่น สายตาของเขาทำให้คนคล้อยตามเขาได้
“คุณสนใจคำตอบนี้มากเลยหรอ?”
แย่ล่ะ ถูกเขาเล่นงานแล้ว
“แค่ถามเฉยๆน่ะ” เธอพูดแบบเย็นชา รู้สึกว่าคำถามนี้ มันไม่ดีเลย ไม่พูดดีกว่า
“อิ่มล่ะ ฉันกินเสร็จแล้ว” เธอลุกขึ้นยืน กำลังหยิบชาม ของตัวเองไปเก็บในครัว
“ผมมีแล้ว!” เขาพูดตามหลังมา
เขามีแฟนแล้ว วันนี้เป็นแค่เป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ ใจ ของเธอหล่นวูบ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าตัวเองตลกจริงๆ ใจหล่นวูบอะไรกัน ยังจะคาดหวังอะไรอีกหรอ?
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีแฟน เรื่องระหว่างทั้งสองคนไม่มี ทางเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว
เขายกซามที่ยังพอเหลือก๋วยเตี๋ยวอยู่เข้าไปในห้อง ครัว ส่วนเธอกำลังล้างจานอยู่
วางไว้ตรงนั้น น้ำมันเย็น เดี๋ยวผมล้างเอง” อยู่ดีๆเขา มาพูดข้างหลังเธอ เธอจึงตกใจ
เขาเอาใจใส่คนอื่นได้ดีจริงๆ ถ้าผู้หญิงคนไหนได้อยู่ ในสายตาเขา คงมีวาสนาดีมากๆ
คนเราต้องมีการเปรียบเทียบถึงจะแยกแยะได้ มอง เห็นแบบนี้แล้ว ยิ่งรู้สึกว่าเซียวจื่อฝางดูแลใครไม่เป็น
ทำงานบ้านที่บ้านเขามา แม่ยายไม่เคยให้ใช้น้ำร้อน ล้างของแล้วก็พูดอยู่บ่อยๆว่ากลัวเปลืองไฟ เธอจึงได้ แต่ใช้น้ำเย็นมาตลอด 7 ปี เขายังไม่เคยพูดสักครั้งว่า น้ำเย็นเดี๋ยวเขาล้างเอง
“ดู๋หยุนฮุย ช่วยหยิบเสื้อผ้าให้ฉันหน่อยได้ไหม? ดึก แล้ว ฉันควรจะกลับได้แล้ว”
“คืนนี้ อยู่ที่นี่ไม่ได้หรอ?”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ