แพ้ใจพ่ายรัก

ตอนที่ 6 ปักหลัก



ตอนที่ 6 ปักหลัก

เฉียวอวี่ถงพบว่า เป็นเรื่องดีที่พ่อของลูกอย่างฉินลี่ เยี่ยอยู่ที่บ้านคอยเตรียมอาหารให้วันละสามมื้อและ ทำความสะอาดห้องให้ด้วย

เทียบกับที่ถูกเรียกว่าแม่แค่ไม่กี่ครั้งแล้ว ถือว่าไม่ได้มี อะไรเสียหายเลย

ฉินลี่เยี่ยจัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี จนทำให้เฉียว อวี่ถงที่เป็นผู้หญิงจริงๆถึงกับละอายใจ

“โป๋เหวินเหรอ เป็นไงบ้าง?” เฉียวอวี่ถงได้รับโทรศัพท์ จากตู่โป๋เหวิน ในขณะที่กำลังเดินเบียดเสียดกับผู้คน อยู่ในรถไฟใต้ดิน

“จะโทรชวนฉันไปกินข้าวเย็นเหรอ?”

ตู้โป๋เหวินกับเฉียวอวี่ถงนั้นค่อนข้างสนิทกัน

“เธอเปลี่ยนงานเหรอ?” เพียงแค่ฟังคำไม่กี่คำนั่น ก็ สามารถรู้สึกได้ถึงใบหน้าของตู้โป๋เหวินผ่านทางสาย โทรศัพท์ว่ามืดแค่ไหน

“ทำไมไม่บอกฉัน!”

“ฉะ ฉัน…เฮ้อ เรื่องมันเกิดขึ้นกะทันหันไปหน่อย บอกนายตอนนี้ก็ยังไม่สายนี่นา แล้วอีกอย่าง ฉันก็ไม่ สามารถรบกวนนายได้ทุกเรื่อง แค่นายช่วยฉันหนีฉันก็ซึ้งใจมากแล้ว”

เขาดูเหมือนว่าจะโกรธน้อยลงไปบ้าง เฉียวอวี่ถงต้อง ระวังที่จะไม่ราดน้ำมันลงในกองไฟ

ใบหน้าของ โปเหวินผ่อนคลายลงเล็กน้อย “แล้วตอน นี้เธอทำงานที่ไหน? ฉันเดินทางไปดูงานต่างประเทศมา เลยซื้อของมาฝาก”

“ตอนนี้ฉันเกือบจะถึงบ้านแล้ว วันนี้ฉันเข้ากะเช้า” เธอ แสร้งทําเป็นผ่อนคลาย เพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอมีชีวิตที่ ดี ไม่ได้เหน็ดเหนื่อยจากการทํางาน ไม่มีอะไรให้ต้อง เป็นห่วง “เอางี้สิ มานั่งเล่นที่บ้านฉันแป๊บนึง?”

หลังจากพูดประโยคนี้ออกไป สมองของเฉียวอวี่ถงก็ รีบประมวลผลทันที

เธอลืมไปว่ามีคนอีกสองคนอยู่ที่บ้าน ถ้าตู้โป๋เหวินเห็น

เข้า เธอก็ไม่รู้จะทำยังไง

“ไม่อย่างนั้น …”

ยังไม่ทันได้หาทางรอด ตู้โป๋เหวินก็ได้วางหูโทรศัพท์ ไปแล้ว ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อ ไป

ในห้องเช่ามีเพียงแค่เสี่ยวจิ๋นคนเดียวเท่านั้น

ฉินลี่เยี่ยไปทำงานเป็น “คนทำความสะอาด” เพื่อจะได้ไม่ต้องกิน “ข้าวบด”

“เฮ้อ … ” เฉียวอวี่ถงถอนหายใจอย่างแรง ก่อนจะเดิน เข้าไปในอาคาร

ทันทีที่ออกจากลิฟต์ก็ได้ยินเสียงของเสี่ยวจิ่นและ แน่นอนว่าตู้โป่เหวินด้วย

พวกเขากําลังทะเลาะกัน

“ที่นี่เป็นบ้านหม่ามี้ของผม แล้วก็ต้องเป็นบ้านของผม ด้วย!” นั่นเป็นเสียงของเสี่ยวจิ่น

ตู้โป๋เหวินเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการขู่ตะคอกของเด็ก เขาก็ได้แต่นวดขมับอย่างหัวเสีย เขาไปดูงานที่ต่าง ประเทศแค่ไม่กี่วัน

เฉียวอวี่ถงก็แล่นไปมีลูกชายอายุสามสี่ขวบซะแล้ว แล้วหัวใจดวงน้อยๆที่แสนบอบบางของเขาจะรับได้ อย่างไร

“เสี่ยวจิ่น โป๋เหวิน!”

เมื่อเฉียวอวี่ถงปรากฏตัว เสี่ยวจิ่นกำลังกระชาก กางเกงของตู้โป๋เหวิน พลางพร่ำถามเพียงแค่ว่าตู้โป๋เห วินเป็นใคร? ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฉียวอวี่ถงนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่สุด

“หม่ามี้!”
เฉียวอวี่ถงที่ยังไม่ได้ตั้งตัวก็ถูกเสี่ยวจิ่นโผเข้าใส่ จน เซถอยหลังไปหลายก้าว

“โป๋เหวิน เรื่องมันค่อนข้างซับซ้อนน่ะนะ”

ไม่ควรป่าวประกาศเรื่องน่าเกลียดในบ้าน ที่นี่มีคน สอดรู้สอดเห็นอยู่เต็มไปหมด การส่งเสียงดังตรงทาง เดินแบบนี้จะดึงดูดผู้ชมจำนวนมากได้ในทันที

ตู้โป่เหวินชำเลืองมองเสี่ยวจิ่นที่อยู่ในอ้อมแขนของ เฉียวอวี่ถง แล้วก็เลิกแขนเสื้อขึ้นอย่างไม่พอใจ

“ถงถง เรื่องของเด็กคนนี้ เป็นยังไงกันแน่?”

“โป๋เหวิน นายฟังฉันอธิบายก่อนสิ” เฉียวอวี่ถงอุ้ม เสี่ยวจิ่นเข้าไปในห้องนอน

“เสี่ยวจิ่น หนูเล่นอยู่ในนี้แป๊บนึงก่อนนะ ฉันกับคุณลุง

มีเรื่องต้องคุยกัน”

เสี่ยวจิ่นจำต้องปล่อยมือจากแขนเสื้อของเฉียวอวี่ถ งอย่างไม่เต็มใจ

“เด็กดี เสี่ยวจิ่นเก่งที่สุด”

เสี่ยวจิ่นไม่ได้พูดอะไร แต่บนใบหน้าเล็กๆของเขาเต็ม ไปด้วยความคับข้องใจ

ในที่สุดเสี่ยวจิ่นก็ยอมแพ้
“เด็กนั่นมาได้ยังไง?” ตู้โป๋เหวินไม่เชื่อว่าอยู่ดีๆเฉียวอ วี่ถงจะมีลูกโตขนาดนี้โดยที่ไม่มีใครรู้เห็น

“รับมาเลี้ยง” เธอไม่ได้โกหก “ฉันเจอเขาอยู่ข้าง ถนน …”

เธอพยายามชักเม่น้ำทั้งห้ามาสาธยาย

“ดังนั้นตอนนี้คุณก็เลยอยู่กับเด็กคนนี้ แล้วก็พ่อของ เขาด้วยเนี่ยนะ!”

ตู้โป๋เหวินผุดลุกขึ้นทันที ไม่สามารถระงับความโกรธ เอาไว้ได้อีกต่อไป!

“ในหัวเธอมีแต่น้ำเต้าหู้อยู่รึไง? ถ้าคนคนนั้นเป็นคนไม่ ดีล่ะ เธอไม่รู้สึกกลัวบ้างเลยรึไง? ให้คนแปลกหน้าเข้า มาอยู่ในห้องเนี่ยนะ

เธอนี่มัน…” ตู้โป๋เหวินไม่สามารถสรรหาถ้อยคำใดๆที่ เหมาะสมได้ จึงหยุดรัวคำถามไปเสียอย่างนั้น

เฉียวอวี่ถงในที่สุดก็มีโอกาสตอบกลับ “โป๋เหวิน มัน ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ พ่อของเด็กคนนี้เขาก็เป็นคน ซื่อสัตย์ นอกจากนี้พวกเขาก็ช่วยฉันด้วย…

เห็นได้ชัดว่าคำอธิบายของเธอฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด ในสายตาของตู้โป๋เหวิน เฉินเฉิงเป็นคนยังไงเรื่องนี้ไม่ จำเป็นต้องพูด แต่ว่าในความคิดของเขา ฉินลี่เยี่ยเองก็ ไม่ใช่คนดี
บรรยากาศค่อนข้างอึดอัดใจ

เสี่ยวจิ่นตัวน้อยเดินวนไปรอบห้อง

ตอนที่เสี่ยวจิ่นโทรไปบอกฉินลี่เยี่ย เขาก็ใกล้จะมาถึง แล้ว

ตอนแรกเขาคิดว่าจะซื้อวัตถุดิบสำหรับการทำ อาหารในซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ใกล้ๆ แต่หลังจากได้รับ โทรศัพท์จากเสี่ยวจิ่นแล้ว

เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกต่อไป

เสี่ยวจิ่นบอกว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังจะปล้นภรรยา ของเขา

คนแรกที่เขาคิดคือเฉินเฉิง

“ฉันไม่อนุญาตให้เธออยู่กับชายแปลกหน้า!” ตู้โป๊ เหวินเค้นประโยคหนึ่งลอดไรฟันออกมา ในขณะที่ทำ หน้าตาถมึงทึง

เฉียวอวี่ถงหรุบตาลง ไม่กล้าสู้หน้าตู้โป๋เหวิน

“ฉันคิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันก็ดีอยู่แล้ว” ปลาย เสียงเริ่มแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่มั่นใจ

“ฉินลี่เยี่ยก็เป็นคนดี แล้วฉันเองก็ชอบเสี่ยวจิ่นด้วย”
ตู่โป๋เหวินแก่กว่าเธอแค่ไม่กี่ปี หลังจากที่แม่ของเธอ เสียชีวิตลง เฉียวอวี่ถงก็สนิทกับเขาแค่เพียงคนเดียว เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงเป็นมากกว่าเพื่อนของเธอ เธอไม่ อาจเพิกเฉยต่อความรู้สึกของเขาได้

“เธอจะทำแบบนี้ไม่ได้! ถ้าเธอไม่สนใจตัวเอง แล้วใคร หน้าไหนในโลกจะมาช่วยเธอ!”

“ฉันไม่ได้…..”

พูดยังไม่ทันจบ ประตูก็ถูกเคาะ

ฉินลี่เยี่ยปรากฏตัวขึ้นที่ประตู

เขายังคงสวมเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบ อยู่เหมือนเดิม

ต้องบอกว่า แม้เขาจะแต่งกายด้วยชุดที่เรียบง่ายแบบ นี้ ฉินลี่เยี่ยก็ไม่ได้ดูด้อยกว่าใคร

สีหน้าที่เรียบเฉยไร้อารมณ์

ตู้โป๋เหวินถลึงตาจ้องเขาค้างอยู่หลายนาที

ฉินลี่เยี่ยกลับมีท่าทีที่ไม่แยแส ดูยังไงก็ไม่เห็นร่อง องความหวาดกลัวเลยสักนิด

“สวัสดีคุณชายฉิน ผมตู้โปเหวิน” เมื่อสักครู่ตอนที่ เฉียวอวี่ถงกำลังบรรยายสถานการณ์ ได้พูดถึงชื่อของฉินสี่เยี่ยออกมา

“สวัสดิ์!”

จากข้อมูลโดยละเอียดของเฉียวอวี่ถงในมือฉินลี่เยี่ย ทำให้เขาเข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคน นี้เช่นกัน

“คุณชายฉิน ผมจะไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป คุณจะไป อยู่กับใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ถงถง ข้อตกลงใดๆระหว่าง พวกคุณสองคนถือเป็นโมฆะ ถ้าคุณมีความจำเป็นใดๆ ผมจะพยายามให้ความช่วยเหลือคุณเอง” ดวงตาของตู้ โป๋เหวินดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย

ฉินลี่เยี่ยยังไม่ทันได้พูดอะไร เจ้าลูกชิ้นตัวน้อยก็รีบ วิ่งออกมาจากห้องนอน

“ป่าปี๊! นี่ไงเจ้าคนชั่ว เขาจะมาแย่งหม่ามี้ไป!” เฉียวอ

วี่ถงเฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี

นิ้วน้อยๆชี้ไปที่ตู้โป๋เหวินอย่างโกรธแค้น

“เด็กน้อย เธอไม่ใช่แม่ของหนู ดังนั้นพวกเธอจึงไม่ สามารถอยู่ด้วยกันได้

เป็นเรื่องยากที่ตู้โป๋เหวินจะอดทนอธิบายเรื่องพวกนี้ ให้เด็กฟัง

“ดี!” เสี่ยวจิ่นทำหน้าตาบูดบึ้งใส่ตู้โป๋เหวิน
“ป่าป๊ รีบไปพาหม่ามี้มาเร็ว!”

ฉินลี่เยี่ยยังคงนิ่งเงียบ

เฉียวอวี่ถงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ ผู้ชายคนนี้ เป็นอะไรไปอีกล่ะเนี่ย? ขนคิ้วจะไหม้อยู่แล้วยังจะทำ หน้าตายอยู่อีก เห็นทีว่าจะพึ่งพาให้ผู้ชายคนนี้มาแก้ ปัญหาคงจะไม่ได้การเสียแล้ว

“เสี่ยวจิ่น เด็กดีต้องสุภาพนะครับ แล้วคุณลุงเขาก็ ไม่ใช่คนเลว เขาเป็นเพื่อนที่ดีของแม่” เธอพูดอธิบาย อย่างอดทนและเอาใจใส่

ด้วยหวังว่าเด็กน้อยจะไม่เข้าใจสิ่งนี้ผิดๆ “คุณลุงไม่ ได้จะมาแย่งแม่ไป แม่เป็นแม่ของเสี่ยวจิ่น ไม่มีใคร สามารถแย่งไปได้

“หม่ามี้ก็คือภรรยาของป่าปี้ คุณลุงคนนี้จะมาพราก ภรรยาของป่าปี๊!”คำพูดของเสี่ยวจิ่นทำให้เฉียวอรี่ถึง ตกใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ