พี่เขยเป็นสามีฉัน?!

ตอนที่13 ถูกเรียกผู้ปกครอง



ตอนที่13 ถูกเรียกผู้ปกครอง

จรินทร์ยิ้มที่มุมปาก”รู้จักซีคะ”

เป็นไปอย่างที่คิดจริงๆด้วยว่าเป็นไอ่เลวจตุภูมินั่นเป็น คนทำ

“ ไม่เพียงแต่รู้จัก พวกเธอทั้งสองนั้นมีความสัมพันธ์ เป็นแฟนกันตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันเลยนิ?” ผู้อำนวย การถามอีกครั้ง และเห็นหน้าตาที่น่าเหลือเชื่อของจริ นทร์ ท่านยังคงพูดต่อ “ พวกเราไม่คัดค้านที่นักศึกษา จะมีความรัก แต่ตอนนี้แฟนของเธอเป็นคนบอกว่าเธอ ถูกคนเลี้ยงดู นี่คงเป็นหลักฐานที่เป็นความจริงเลยใช่ ไหมละ?”

จรินทร์หยุดนิ่งไปสักแปปถึงได้ตอบสนองกลับมาได้ “ท่านหมายความว่า นี่คือหลักฐานที่พวกท่านมี นั่นก็คือ สิ่งที่จตุภูมิใส่ร้ายฉัน?”

วันนี้เธอดูมีความรู้ขึ้นมากเลยจริงๆ

“ใส่ร้าย? จรินทร์เธอคิดว่านี่คือการใส่ร้ายหรือ?” ผู้ อำนวยการสีหน้าดูไม่ดีเลย

“มันไม่ใช่อย่างที่หนูคิด แต่นี่มันคือการใส่ร้าย ทำไม พวกท่านต้องเชื่อคำพูดของจตุภูมิด้วยละ แต่ทำไมไม่ เชื่อในตัวของฉหนูบ้างละ?” จรินทร์ถามกลับ

อาจารย์ทุกท่านเห็นจรินทร์เป็นเช่นนี้ ก็ได้แต่มองดูกันไปมา แน่นอน พวกท่านไม่ใช่ว่าถูกจรินทร์พูดโน้ม น้าวใจไปแล้ว แค่รู้สึกว่าผิดต่อเธอ แต่ก็ยังรู้สึกว่าเธอ นั้นดื้อดึงไม่ยอมรับผิด ซึ่งในเวลานี้แล้วก็ไม่ยังยอมรับ ผิดอีก

“ตอนนี้เธอกับจตุภูมิยังคบกันอยู่ไหม?”ผู้อำนวยการ ถามอีก

“ไม่แล้วละ เลิกกันไปแล้ว” จรินทร์ไม่เข้าใจว่าทำไม ท่านถึงต้องถามคำถามแบบนี้ด้วย แต่ก็ยังตอบคำถาม ของท่านไปตามความเป็นจริง

ผู้อำนวยการก็พูดต่อว่า “ก็เพราะว่าเธอถูกคนเลี้ยงดู ไง ดังนั้นเขาถึงได้เลิกกับเธอใช่ไหม?”

“อะไรนะ” จรินทร์ตกใจมากๆ “จตุภูมิพูดแบบนั้นกับ พวกท่านหรอ? และพวกท่านก็เชื่อคำพูดของเขาเนี่ย นะ?” ถ้าไม่ใช่ว่าเธอถูกสอบปากคำอยู่นะ เธอคงคิดว่า คนพวกนี้คงจะมาช่วยปรับเรื่องความรักนั้นให้กับเธอ และจตุภูมิ

มันเป็นเรื่องที่ไร้สาระสักจริงๆ

“จรินทร์ อย่าปฏิเสธอีกเลย พวกเราไม่ได้สนใจ ปัญหาความรักของเธอกับจตุภูมิ แต่สิ่งที่เธอกระทำนั้น มันส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยนะ” ผู้อำนวยการตะคอกพร้อมกล่าวหาเธอ

ถ้าหากมีอาจารย์เพียงคนสองคนอยู่ที่นี่ จรินทร์คงสงสัยว่าพวกเขาคงจะถูกจตุภูมิยัดเงินให้ แต่ตรงหน้า เขามีอาจารย์มากมายขนาดนี้ ถึงแม้ว่าจตุภูมิจะมีกำลัง ขนาดนั้นแต่เขาก็ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น

“นี่ก็ไม่ได้โทษเธอนะ แต่ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องจริง” ผู้ อำนวยการพูดอีกว่า “เรื่องของเธอนั้นมันใหญ่เกินไป แล้วละ พวกเราคิดว่าเธอคงต้องเชิญปกครองของเธอ มาแล้วละ”

“หนูไม่มีผู้ปกครอง” ตั้งแต่เรียนมาจนถึง มหาวิทยาลัย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกเรียกพบผู้ ปกครอง

ผู้อำนวยการไม่สามารถทนกับการไม่ให้ความร่วม มือของเขาได้แล้ว จึงข่มขู่ว่า “ถ้าหากเธอไม่เรียกผู้ ปกครองมา งั้นพวกเราก็จะจัดการกับเธอเอง ซึ่งเธอ อาจจะโดนไล่ออกก็ได้ และการกระทำของเธอก็จะถูก บันทึกไว้ในใบประพฤติด้วย

จรินทร์ยังเก็บความเจ็บปวดไว้ที่หน้าอกของเขา เธอ สงสัยว่าในปีนี้เธอคงเป็นคนที่โชคร้ายมากแน่ๆเลย

“ก็ได้ค่ะ หนูจะเรียกผู้ปกครองมาเอง” เธอหายใจเข้า ลึกๆ เอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาชัชพล

หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไปแล้วทัศนคติที่เธอมีต่อม หาวิทยาลัยและอาจารย์พวกนี้แล้ว มันทำให้เธอผิด หวังมากๆ แต่ในอนาคตเธอยังต้องดำรงชีวิตอยู่ต่อ ที่ ที่ เธอตั้งใจเรียนขนาดนั้น ก็เป็นเพราะว่าเธอไม่สามารถพึ่งพาใครได้เลย คงมีแค่ประกาศนียบัตรที่สวยงามเอา ไว้ไปต่อสู้เพื่อชีวิตของเธอ

ถ้าหากตอนนี้เธอถูกไล่ออกแล้ว ในใบประพฤติยัง จะบันทึกว่าตอนที่เธอเรียนมหาวิทยาลัยนั้นถูกคนเลี้ยง ดู แล้วในอนาคตเขาจะใช้ชีวิตยังไงละ?

ตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงแล้วละ ชัชพลกลับมาบ้านเช้า มากๆ ซึ่งก็เตรียมตัวที่จะทานมื้อเที่ยงกับภรรยาและ ลูกสาว พอหลังจากได้รับโทรศัพท์จากจรินทร์ สวรสที่ นั่งอยู่ข้างๆตัวเขา และที่นั่งตรงข้ามก็คือนรมน

“คุณพูดว่าไงนะ? จรินทร์ทำความผิดกฏใน มหาวิทยาลัย จะต้องให้ฉันไปที่มหาวิทยาลัย?” ชัช พลสงสัยว่าตัวเองคงจะกดรับเจอสายของคนที่โทร มาหลอกลวงคนอื่น ตั้งแต่ที่จรินทร์เข้าเรียนมานั้น ซึ่ง ทุกคนต่างก็เคยถูกเรียกพบผู้ปกครองกันหมดเลย ซึ่ง เขาไม่เคยถูกทางโรงเรียนเรียกพบเลย ตอนนี้เธอ เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ทำไมถึงได้โทรเรียกเขาไป มหาวิทยาลัยกันละ?

เป็นเพราะว่าชัชพลนั้นตกใจมากๆ คำพูดนี้เหมือน ตะโกนออกมาเลย ทำให้สวรสและนรมนได้ยินแบบชัดๆ เจนๆเลยทีเดียว

จรินทร์ที่อยู่ในออฟฟิศนั้นก็หมดคำพูดแล้วละ เธอไม่ คิดเลยว่าหลังจากที่สายติดแล้ว ก็ถูกผู้อำนวยการแย่ง มือถือไปเลย ท่านได้ไปพูดคุยกับชัชพลด้วยเอง
ไม่ต้องมองเธอก็รู้แล้วว่าหลังจากที่ชัชพลได้ยินเสียง ของผู้อำนวยการนั้นตกใจมากแค่ไหน

ชัชพลพึ่งก้าวเท้าออกไป นรมนก็ยิ้มออกมาพร้อมล้ม ตัวนั่งลงบนโซฟาเป็นเวลานานมากๆแต่ก็ยังไม่ลุกขึ้น

“คุณแม่ ท่านได้ยินอยู่ใช่ไหม? เมื่อกี้ที่คุณพ่อรับสาย ที่โทรเข้านั้นเป็นอาจารย์ของจรินทร์โทรมา เธอเรียน มหาวิทยาลัยแล้วยังถูกเรียกพบผู้ปกครองอีก โอ้มา ยก็อต เธอยังไม่รู้อีกหรอ เมื่อกี้ฉันเห็นสีหน้าของคุณพ่อ ฉันเกือบจะกั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่เลยอะ” ช่วงไม่กี่วันนี้ นรมนนั้นโกรธจรินทร์มาก ตอนนี้เหมือนอารมณ์จะดีขึ้น มากแล้วละ

สวรสก็อารมณ์ดีไม่ต่างกัน แต่ว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นมันลึก ไปไกลกว่าของนรมน

“เนื่องจากเธอส่งเรื่องแบบนี้มาจนถึงมือของพวกเรา แล้ว พวกเราก็น่าจะใช้มันให้เป็นประโยชน์” ในสายตา ของสวรสเปล่งประกายด้วยความคิดมากมาย

นรมนลุกขึ้นนั่งลง “ใช้ประโยชน์ยังไงหรอค่ะ?”

“ลูกลองถามไอ้จตุภูมิดูซี ว่าทำไมจรินทร์ถึงถูกเรียก พบผู้ปกครอง”สวรสพูดพร้อมเสนอขึ้นมาว่า

“ได้ค่ะ!” นรมนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาด้วยความ ดีใจที่จะได้โทรหาจตุภูมิ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะโทรไม่ติด งั้นแสดงว่าเธอถูกจตุภูมิบล็อกแล้วละ
เธอนึกว่าผู้ชายแบบจตุภูมินั้น เพียงแค่พูดเล่นกับเธอ แต่ไม่คิดเลยว่านายนั้นจะไม่ติดต่อกับเธอเลยจริงๆ

เมื่อหาจตุภูมิไม่เจอก็ไม่เป็นไร นรมนก็เลยโทรอีกครั้ง โดยโทรเข้าเบอร์ส่วนตัวของปรพล

และนี่คือสิ่งที่เธอแอบเห็นมาจากโทรศัพท์มือถือของ ชัชพล บางทีอาจจะกลัวว่าปรพลนั้นจะไปหาชัชพล เพราะเรื่องต่างๆของจรินทร์ก็ได้ จึงได้มีการให้เบอร์ โทรส่วนตัวมา

ปรพลยังนั่งอยู่ในออฟฟิศ ผู้ช่วยได้ไปซื้ออาหารกลาง วันมาให้เขา เขายังคงยุ่งอยู่กับการจัดการกับเอกสาร ทางราชการอยู่

เบอร์โทรส่วนบุคคลดังขึ้น แต่เบอร์ที่โทรเข้านั้นคือ เบอร์แปลกหน้า แต่เขาก็ยังรับมันอยู่ดี

“ปรพล” พอได้ยินเสียงอันตอแหลของนรมนผ่านทาง ลำโพงในโทรศัพท์มือถือ ปรพลก็เกือบจะรีบวางสาย เลยทันที

นรมนก็รู้ด้วยตัวเองทันทีเลยว่าปรพลนั้นไม่ยอมที่จะ ได้ยินเสียงเธอ เลยรีบพูดว่า “ปรพล นายอย่าพึ่งกดวาง สายนะ ฉันมีเรื่องที่จะต้องคุยกับนาย มันเกี่ยวข้องกับ จรินทร์นะ สำคัญมากๆเลยด้วยนะๆ”

“พูด” ไม่หากว่าได้ยินชื่อของจรินทร์ ปรพลก็คงจะกด วางสายไปแล้ว
“ปรพล ถ้าฉันพูดแล้วนายอย่าโกรธนะ จรินทร์ทำผิด กฎในมหาวิทยาลัย ถูกเรียกพบผู้ปกครองแล้วละ ตอน ที่คุณพ่อของฉันได้รับโทรศัพท์นั้นเครียดจนจะเป็นลม แล้วละ ยัยเด็กบ้านั้นไม่เคยทำให้ใครสบายใจได้เลยนะ เนี่ย ฉันรู้สึกว่าเธอนั้นไม่เหมาะกับ… นรมนยังพูดไม่ทัน จะจบเลย ก็ถูกปรพลขัดขึ้นมาซะก่อน

“คุณหนูนรมน รบกวนหลังจากนี้ให้คุณเรียกฉันว่าคุณ ประธานปรพลด้วยนะ พวกเราไม่สนิทกัน อย่าเรียกชื่อ ฉันโดยตรงมันจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้นะ” พูดจบ ปรพลยังไม่ให้โอกาสนรมนได้ตอบกับคำพูดของเขา ก็ได้กดวางสายไปเลยทันที

นรมนจับโทรศัพท์มือถือไว้ และมีความมึนงง

สวรสได้ยินว่าเธอได้โทรศัพท์ไปหาปรพล ถึงแม้ว่าจะ รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถหยุดรั้งเอาไว้ได้

“คุณปรพลว่าไงบ้าง?” พอเห็นนรมนกดวางสายไป แล้ว เธอรีบถามทันที

“ไม่ได้พูดอะไรเลยค่ะ ไม่แม้แต่ที่จะถามคำถามอะไร เลยด้วยซ้ำ พอคิดๆดูแล้วเขาก็ไม่ค่อยจะใส่ใจอะไร กับจรินทร์สักเท่าไหร่เลยอะ” ถึงแม้ว่านรมนจะโกรธที่ ปรพลนั้นมีท่าทีที่เย็นชาใส่เธอนั้น แต่พอรู้ว่าเธอไม่ได้ ห่วงใยอะไรจรินทร์เลย เธอก็อารมณ์ดีขึ้นมาเลยทันที

นรมนยังไม่รู้เลยว่า หลังจากที่ปรพลกดวางสายเธอ ไปแล้ว ก็ได้บล็อกเบอร์โทรศัพท์เธอไปเรียบร้อยแล้วด้วย จากนั้นก็ได้โทรศัพท์ไปหาผู้ช่วยของเขาให้เข้ามา หาเขา

“รีบไปเช็คให้ฉันทีว่าจรินทร์เกิดเรื่องอะไรขึ้นใน มหาวิทยาลัย จากนั้นก็เตรียมรถให้ฉันด้วย ฉันจะไป ที่มหาวิทยาลัย” ถึงแม้ว่าตอนนี้บนโต๊ะจะมีเอกสารที่ มากมายเหลือเกิน แต่ปรพลกลับไม่มีความคิดที่จะดู พวกมันอีกแล้วละ ลุกขึ้นมาปุ๊บก็ได้เดินออกไปเลยทันที

ชัชพลก็เร่งรีบในการมามหาวิทยาลัยในรวดเร็ว พอผู้ อำนวยการเห็นการแต่งตัวของเขา ก็รู้ทันทีว่าเขาก็เป็น ผู้ที่ประสบความสำเร็จอีกด้วย จึงทำให้มีความตกใจ เล็กน้อย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ