ตอนที่7ศัตรูที่พบกันบนทางคับแคบ
เมื่อได้ฟังที่จรินทร์พูดปรพลที่อารมณ์เพิ่งจะสงบลงก็ พุ่งสูงขึ้นมาอีกและยังสะบัดมือของเธอออกด้วย
“นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาพักเที่ยงแล้วผมไม่มีนิสัยชอบให้ คนอื่นอยู่ทานมื้อเที่ยงด้วย”ความหมายของประโยคนี้ คือการเชิญให้จรินทร์กลับไป
ครั้งนี้สีหน้าเปลี่ยนไปมารวดเร็วยิ่งกว่าพลิกหน้า หนังสือจรินทร์โกรธจนหมุนตัวเดินจากไป
แต่ไม่คิดว่าเมื่อเธอหมุนตัวกลับไปใบหน้าเย็นชาของ ปรพลก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา:เพียงแค่เธอตอบรับเป็น คู่หมั้นของเขาแล้วเมื่อถึงเวลานั้นจะเปลี่ยนหรือไม่มันก็ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเธอแล้ว
จรินทร์กลับบ้านด้วยความหดหู่ยังไม่ทันได้ก้าวเข้า ประตูก็ได้ยินเสียงร้องไห้จะเป็นจะตายของนรมน
เธอแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วรีบเดินเข้าไปคิดเพียง ว่าจะเข้าไปเอาของในบ้านเกตุทัตแล้วจะรีบกลับ
“จรินทร์ของไร้ยางอายอย่างแกยังจะกล้ากลับมาที่นี่ อีกเหรอ”นรมนที่ยังคงร้องไห้เสียใจอยู่เพียงแค่เห็นจริ นทร์ก็ลุกขึ้นมาด่า
หลังจากจรินทร์เข้าไปแล้วก็พบว่าชัชพลก็อยู่ด้วย เช่นกันพร้อมกับสวรสที่นั่งประกบซ้ายขวาของนรมนเพื่อปลอบใจเธอ
“ฉันกลับมาเอาของของฉันได้ของแล้วฉันก็จะ กลับ”จรินทร์ก้มหัวทำเหมือนกลัวพวกเขาจนอยากจะ หนีขึ้นไปข้างบน
นรมนอยากจะตามไปดึงตัวจรินทร์แต่ติดที่สวรสร้ง เธอไว้
“เธอไปหาประธานปรพลมาแล้วงั้นเหรอ”ชัชพลเปิด ปากพูด
“ใช่ค่ะ”จรินทร์ไม่อยากพูดให้มากความแต่ก็ไม่ สามารถหาเหตุผลที่เหมาะสมได้
ชัชพลสีหน้าคล้ำขึ้นทันที”ถ้าอย่างนั้นเขาว่ายังไงบ้าง จะแต่งเธอเป็นภรรยาเขาคงจะไม่มีอะไรคัดค้านแล้วใช่ ไหม”นี่คือวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่เขาจะคิดได้ในตอนนี้
เพื่อชื่อเสียงของบ้านไกลดอนปรพลไม่มีเหตุผลอะไร ที่ต้องปฏิเสธชัชพลคิดว่าตัวเองสามารถกำจุดอ่อนของ ปรพลไว้ได้แล้ว
“ใช่เขายินยอมแล้ว”จรินทร์ตอบกลับอย่างลังเล
เดิมทีแล้วเธอไปหาเขาเพื่อไม่ให้ตอบรับการแต่งงาน กับเธอไม่รู้ทำไมสุดท้ายแล้วกลายเป็นเธอยอมแต่งให้ เขาไปเสียได้
“เป็นไปไม่ได้ทำไมปรพลถึงยอมตกลงล่ะคุณพ่อคะ ถ้าหากเธอแต่งกับปรพลงั้นหนูคงอยากจะตายมากกว่า อยู่”
นรมนฝากความหวังสุดท้ายของเธอไว้ที่ปรพลเธอคิด ว่ายังไงเขาก็ไม่แต่งกับจรินทร์แน่ๆ แล้วที่เธอได้ยินตอนนี้คืออะไรแท้จริงแล้วปรพล
ตกลง!
“เมื่อวานตอนเย็นเธอก็บอกว่าอยากจะตายแต่ตอนนี้ ก็ยังมีชีวิตอยู่นี่ช่างมีพลังชีวิตเหลือเฟือจริงๆ! “จรินทร์ ได้ฟังที่นรมนพูดว่าอยากตายก็อดที่จะพูดสักคำไม่ได้
คนที่อยากตายที่สุดตอนนี้น่ะคือเธอมากกว่านรมนรู้ คงจะร้องไห้จนดังไปถึงสวรรค์
“เธอเธอมันผู้หญิงแพศยาคนนอกคอก”นรมนในตอน นี้ไม่สามารถทนรับการยั่วยุอะไรไหวปกติเธอก็ด่าว่าจริ นทร์อยู่แล้วไหนเลยจะยอมปล่อยไปโดยไม่พูดอะไรแม้ เพียงครึ่งคำ
“พอได้แล้ว”ชัชพลแสดงออกว่าไม่พอใจ เธอพูดอะไร ของเธอเธอแต่งให้ปรพลก็เพื่อบ้านเกตุทัตของเราตัว เธอเองรั้งผู้ชายไว้ไม่ได้ยังมีจะมีหน้ามาเรียกร้องอะไร อีก”
ชัชพลนั้นห่วงแค่อนาคตของบ้านเกตุทัตเท่านั้นความ รู้สึกของลูกสาวเขาไม่เคยเก็บมันมาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้จรินทร์เป็นว่าที่ภรรยาของปรพลแล้วทำให้ใน ใจของเขายกฐานะเธอมาอีกขั้นหนึ่งเขากังวลว่านรมน จะทำอะไรให้จรินทร์ไม่พอใจจนไม่ยอมแต่งงานดังนั้น เขาจะไม่ยอมให้นรมลรังแกจรินทร์เหมือนเมื่อก่อนเด็ด ขาด
“แม่คะ! “นรมนไม่กล้าโวยวายต่อหน้าชัชพลทำได้ เพียงหันไปร้องไห้กับสวรส
จรินทร์มองการแสดงของคนบ้านนี้ทั้งสามตรงหน้า มองแล้วรู้ก็สึกเหนื่อยใจมากรู้สึกอยากที่จะรีบออกไป จากสถานที่ที่ทำให้เธออึดอัดใจ
สวรสโอบกอดนรมนไว้ค่อยๆลูบหลังปลอบโยนเธอ แต่สายตากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังแต่พอ หันกลับไปมองที่ชัชพลสีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นแสดงออก อย่างอบอุ่นอ่อนโยน
“คุณคะอย่ากังวลไปเลยนะคะฉันจะอธิบายกับนรมน ให้เองแล้วก็จรินทร์อย่าทำกับพี่สาวของเธอแบบนี้ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าเธอเป็นคนที่จู่ๆก็ถูกเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเป็นเธอ แทนจะควมคุบอารมณ์ไม่อยู่บ้างก็ไม่แปลกอะไร”สวรส พูดขึ้นด้วยเสียงเบา
ชัชพลพยักหน้าเห็นด้วยจรินทร์ทำเหมือนไม่ได้ยิน แล้วเดินขึ้นบันไดไป
สวรสก็พูดขึ้นอีกว่า “แต่ว่าตอนนี้จรินทร์ยังเรียน มหาวิทยาลัยอยู่การแต่งงานกับปรพลค่อยว่ากันหลัง จากเรียนจบดีไหมคะไม่อย่างนั้นถ้าเรื่องนี้หลุดออกไป เธอจะกลายเป็นประเด็นให้คนอื่นว่าเอาได้เกิดรับไม่ได้ ขึ้นมาคุณมีความเห็นว่ายังไงคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนก็คิดแล้วมองไปที่จรินทร์
แม้ว่าชัชพลอยากจะให้จรินทร์แต่งงานกับปรพลโดย เร็วมากแค่ไหนแต่ก็ยังกลัวใจของจรินทร์จะเปลี่ยนใจ เรื่องราวต่างๆถูกนำมาคิดทบทวนอีกครั้งมันก็จริงที่เธอ ยังเด็กอยู่งั้นรอเธอเรียนจบก่อนก็เป็นสิ่งสมควรแล้ว
จรินทร์จะไปมหาวิทยาลัยชัชพลรู้สึกผิดต่อเธอเล็ก น้อยจึงอาสาขับรถไปส่งเธอเอง
รอจนทั้งสองคนออกไปนรมนก็ยิ่งเจ็บใจแล้วร้องไห้ มากขึ้นไปอีก”แม่คะแม่ก็คิดแบบเดียวกันกับพ่อใช่ไหม คิดว่าจรินทร์จะต้องเป็นภรรยาของปรพลเลยปฏิบัติกับ เธอดีขึ้นแต่นั่นคือคู่หมั้นของหนูแท้ๆนะคะ!
ที่นรมนคิดแบบนี้มาจากการสังเกตสิ่งที่สวรสพูดกับ จรินทร์เมื่อกี้
“ลูกโง่รึเปล่า”สวรสพูดอย่างผิดหวังว่า “เธอเพิ่งปีสาม กว่าจะเรียนจบก็อีกตั้งสองปีภายในเวลาสองปีนี้ใครจะ รับประกันได้ว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอจริงไหม”
ตาทั้งคู่ของนรมนเป็นประกาย“จริงด้วยเมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงใครจะรู้ว่าเธอจะมีชีวิต อยู่จนได้เป็นภรรยาของปรพลรึเปล่า”
สวรสพยักหน้า”ลูกไม่ใช่ว่ายังติดต่อกับแฟนหนุ่มน้อย ของเธออยู่เหรอกลับไปโทรหาเขาซะบอกเขาไปว่ารู้ แล้วว่าเขามีแฟนรู้สึกผิดมากคราวหลังจะไม่ไปรบกวน เขาแล้วอีกขอให้เขาไปได้ด้วยดีกับแฟนของเขา”
นรมนไม่เข้าใจ
สวรสอารมณ์ไม่ดีนักจึงปรากฏรอยบนหน้าผาก แบบ นี้จะทำให้ผู้ชายออกห่างมากขึ้นทำไมเธอต้องไปเป็น ปัญหาสำหรับเขาด้วยล่ะหลังจากลูกถอยออกมาเขาจะ ต้องกลับไปยุ่งกับจรินทร์อย่างแน่นอนถ้าหากจรินทร์ ไม่ได้ยึดมั่นเผลอมีข่าวอะไรกับเขาออกมาลูกคิดว่า ประธานปรพลยังจะแต่งกับเธออยู่ไหม”
นรมนได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มออกแฟนคนนั้นของจรินทร์ เดิมทีเธอแค่ถูกใจใบหน้าของเขาเท่านั้นแต่ไม่ได้รู้สึก อะไรกับเขาตอนแรกที่ไปล่อลวงเขาก็เพื่อทำให้จรินทร์ โกรธ
ในตอนนี้ผู้ชายคนนั้นยังมีประโยชน์อื่นอยู่แน่นอนว่า นรมนต้องให้เขาทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเธออย่าง ยิ่ง
หลังจากที่จรินทร์มาถึงมหาวิทยาลัยก็คิดว่าสบายหู ขึ้นมาไม่น้อยพริบตาเดียวก็ถึงวันเปิดเรียนแล้ว
เดิมทีแล้วเธอต้องอยู่ปีสามแต่ทว่าด้วยความสามารถ ที่มีทำให้เธอได้ข้ามมาเรียนชั้นปีที่สี่
การเปิดเรียนวันแรกของปีสี่มีการกล่าวสุนทรพ จน์ได้ยินมาว่าอธิการบดีเชิญคนใหญ่คนโตมาทำให้ นักศึกษาปีสี่ทุกคนตื่นเต้นเป็นอย่างมากรีบเร่งไปห้อง ประชุมก่อนเพื่อจับจองที่นั่ง
จรินทร์ไม่รู้เรื่องนี้เธอที่กำลังนอนหลับช่วงกลางวัน อยู่ๆก็โดนเพื่อนลากมาเมื่อพวกเธอมาถึงที่นั่งในห้อง ประชุมก็เต็มหมดแล้วเหลือแค่ที่หลังสุดให้พวกเธอนั่ง
เมื่อนั่งเสร็จจรินทร์ก็รู้สึกง่วงขึ้นมาอีกยังไม่ทันได้มอง ไปที่บนแท่นพิธีตาก็ปิดไปเสียแล้ว
ในตอนนี้เองก็มีเสียงทุ้มต่ำเปล่งออกมาจาก ไมโครโฟนดังก้องไปทั่วห้องประชุม
เสียงที่คุ้นเคยทำให้จรินทร์ตกใจกลัวดวงตาทั้งคู่เปิด ขึ้นเหมือนเจอกับฝันร้าย
“ไม่หรอกมั้ง?ทำไมกลายเป็นเขาไปได้ล่ะ?”จรินทร์ หดตัวลงอย่างเร่งรีบหันซ้ายขวาแล้วหยิบขวดน้ำที่อยู่ ในมือของเพื่อนร่วมห้องขึ้นมาเอามาบังบนใบหน้า
“เป็นอะไรไปเธอรู้จักหนุ่มใหญ่หล่อเหลาโดดเด่นคน นั้นเหรอ?”เพื่อนที่โดนปล้นขวดน้ำถามขึ้นมา
เพื่อนร่วมห้องทางด้านซ้ายพูดขึ้นมาว่า“ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเขาคือประธานใหญ่ของบริษัทไกลดอนปร พล!
“ไม่รู้จักไม่เคยเจอฉันอยากกลับแล้วได้ไหม?”จรินทร์ รู้สึกอยากจะร้องไห้หลังจากที่เพื่อนร่วมห้องพูดชื่อของ ปรพลออกมา
นี่มันพบศัตรูบนทางคับแคบชัดๆ!
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ