รักมากเปรียบเสมือนดั่งไร้รัก

ตอนที่ 5 ความรู้สึกจอมปลอมเสแสร้ง



ตอนที่ 5 ความรู้สึกจอมปลอมเสแสร้ง

ข้าหันใบหน้าหนีมิมองเขาด้วยความรู้สึกโกรธเคือง และข้าก็มิอยากพูดคุยกับเขา

ผู้ที่ลงโทษให้ข้าคุกเข่าก็คือเขา ผู้ที่ทำให้ข้าต้อง อับอายต่อหน้าผู้คนจำนวนมากในวังก็คือเขา เขา ต้องการจะปกป้องฮองเฮาองค์ใหม่ผู้ที่มีรูปโฉม คล้ายคลึงกับองค์หญิงหลีราวกับแกะสลักออกมาก็ช่าง เถิด แล้วเพลานี้ยังจะมาแสดงความรู้สึกจอมปลอมเส แสร้งด้วยการเป็นห่วงเป็นใยเช่นนี้ให้ผู้ใดดูกัน?

เพลานี้ลู่เซียวเองก็รู้สึกละอายใจต่อข้า ดังนั้นเขาจึง เอ่ยปลอบประโลมข้าด้วยคำพูดที่ดี “เอาเถิด เจ้าก็อย่า โกรธเคืองข้าเลย เจ้าก็รู้ หลิ่วเอ๋อเพิ่งจะเข้ามาอยู่ในวัง ข้ามิสามารถทำให้นางอับอายต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก เช่นนั้นได้!”

ข้ายิ้มเยาะให้กับตนเองในใจ และยังคงไม่สนใจเขา

แต่ดูเหมือนว่ารู้เสียวมิได้สนใจเลยแม้แต่น้อยเพราะ เขานั่งลงบนขอบเตียง และนวดขาให้ข้าอย่างแผ่วเบา “ ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะข้า ขาของเจ้าก็คงไม่….

ในเพลาที่เขาไม่ได้เอ่ยเรื่องนี้ก็ยังดีอยู่ แต่พอเขาเอ่ย ถึงมันเท่านั้น ความโกรธเคืองในใจของข้าก็ปะทุขึ้นอีก ครั้ง ข้าลุกขึ้นนั่งบนเตียง พลางเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียง ประชดประชัน “ฝ่าบาทยังจำได้หรือเพคะ? หม่อมฉัน คิดว่าพระองค์ลืมมันไปแล้วเสียอีก”
เพลานั้นลู่เซียว ออกตระเวนสำรวจราชการ แต่ใน ระหว่างทางพบกับผู้ประสงค์ร้ายโดยมิคาดคิด แต่โชค ดีที่ได้พบกับท่านพ่อที่ไปรับข้ามาจากชนบทเพื่อกลับ จวนพอดี

ข้ายังจำการต่อสู้ที่ดุเดือดในครั้งนั้นได้ดี เมื่อท่าน พ่อของข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการช่วยชีวิตเขา สุดท้าย ข้าจึงวิ่งเข้าไปขวางที่ด้านหน้าของลู่เซียวไว้

ในเพลานั้น ข้าคิดว่าข้าคงจะตายอยู่ที่นั่นแล้ว

แต่น่าเสียดายที่มิเป็นเช่นนั้น ข้าเพียงแค่ถูกมือ สังหารผู้นั้นยิงธนูเข้าใส่ขาทั้งสองข้าง แต่ทว่าผู้ที่เป็น นายพลผู้ยิ่งใหญ่ที่คอยติดตามดูแลรู้เชียวในช่วงปี แรกๆเช่นท่านพ่อของข้านั้น กลับมิได้ตายในสงคราม แต่กลับต้องมาตายด้วยน้ำมือของพวกพวกโจรไพร่

ข้าถูกลู่เซียวนำตัวเข้ามาในวัง เขาแต่งตั้งให้ข้าเป็น สนมเอก และเชิญหมอหลวงที่ดีที่สุดในวังแห่งนี้มา ทำการรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาของข้า เขารู้สึกซาบซึ้ง ในบุญคุณที่ข้ากับท่านพ่อช่วยชีวิตเขาไว้ ก็เลยมีรับสั่ง พิเศษว่าต่อไปข้ามิต้องคุกเข่าให้แก่ผู้ใด รวมถึงเขา ด้วย

คำรับสั่งของเค้าเป็นประกาศิตมาโดยตลอด

จนกระทั่งวันนี้ เขากลับเพิกเฉยต่อความรู้สึกและ คำสัญญาในอดีตของตน เพื่อหญิงที่มีใบหน้าพิมพ์ เดียวกันกับองค์หญิงหลี ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเทียบกับองค์หญิงหลีไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่กลับให้ ข้าคุกเข่าลงบนพื้นหิมะที่หนาวเหน็บ

แต่ข้าก็ไม่ได้โทษเขา ข้ารู้ว่าเขารักองค์หญิงหลีอย่าง สุดซึ้งเพียงใด แม้แต่ยามที่นางตายไปเขาก็ยังเฝ้าเฟ้น หาผู้ที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับนางไปทั่วแคว้น เพื่อนำมา เลี้ยงดูไว้ในวัง พลางระลึกถึงนางทุกเมื่อเชื่อวัน

ข้าโทษเพียงแค่ตัวข้าเองที่เกิดมามีคล้ายคลึงกับองค์ หญิงหลี ข้าจึงมิสมควรได้รับความโปรดปรานจากเขา

“หลีเอ่อ มิต้องก่อเรื่องวุ่นวายแล้ว” น้อยครั้งนักที่เขา จะเอ่ยชื่อเล่นของข้า ปกติเขามักจะเรียกข้าว่าหลีเฟย นอกเสียจากเพลาที่เขาละอายใจต่อข้า

ข้าหยุดฝ่ามือที่เขายื่นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “กรุณากลับไปเถิดเพคะฝ่าบาท หม่อมฉันเหนื่อยแล้ว”

ฝ่ามือของลู่เซียวค้างเติ่งอยู่บนอากาศ เขามิได้ยื่นมา และมิได้หดกลับไป

“และยังมีอีกเรื่องเพคะ ในเมื่อฝ่าบาทคิดว่าหม่อมฉัน เป็นเพียงผู้เดียวในวังแห่งนี้ที่ไม่มีส่วนใดคล้ายคลึงกับ องค์หญิงหลี เช่นนั้นต่อไปนี้ฝ่าบาทก็ไม่ต้องมาที่นี่ทุก เมื่อเชื่อวันหรอกเพคะ หม่อมฉันคิดว่าพระฮองเฮา ควร ค่าแก่การได้รับความโปรดปรานนี้มากกว่า”

ข้าเพียงแค่อยากให้เขารีบกลับออกไปเร็วๆ และทาง ที่ดีต่อไปก็ไม่ต้องมาก่อกวนข้าอีก แต่ข้าลืมไปอย่างหนึ่งว่า ‘องค์หญิงหลี’ สามคำนี้ คือคำต้องห้ามสําหรับวัง แห่งนี้!

เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อสีหน้าของลู่เซียวเย็นชาลงอย่าง ฉับพลัน เขาดึงมือกลับไป “ซูชิงหลี! ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว ว่าข้าไม่อยากได้ยินชื่อของอาหลีหลุดจากปากของผู้ใด ในวังแห่งนี้!”

เหอะ!

เห็นได้ชัดว่าเขาสะสมนางสนมผู้ที่มีส่วนคล้ายคลึงกับ องค์หญิงหลีไว้ทั้งวัง แต่กลับมิอยากให้ผู้ใดเอ่ยชื่อของ นางออกมา นี่เขากำลังหลอกตัวเองอยู่หรืออย่างไร?

อย่างไรเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับการหลอกตัวเองเช่น นี้ทุกคืนวัน ผู้คนที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับองค์หญิงหลี เยอะขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไรพวกนางก็ไม่ใช่องค์หญิง หลี!

ดูเหมือนว่าข้าจะค้นพบจุดอ่อนของเขาแล้ว ดังนั้นข้า จึงรอไม่ไหวที่จะเอาชนะเขา “อย่างนั้นหรือเพคะ? ถ้า หากว่าองค์หญิงหลีรู้เข้า ว่านางสนมทั้งหวังของฝ่าบาท ล้วนเป็นเงาของนาง นางจะไม่….

“ซูชิงหลี!! “ มิรอให้ข้าเอ่ยจบ ลู่เซียวก็ตะโกนขัดคอ ข้าอย่างเดือดดาล เขากัดฟันพลางเอ่ยถาม “ ข้าบอกว่า ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าเอ่ยชื่อของอาหลีต่อหน้าข้า! นี่เจ้ามิ อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วหรือ!”
” เพคะ!” ข้าเพิกเฉยต่ออารมณ์โกรธเกรี้ยวในดวงตา ของเขาพลางฉีกยิ้ม ” ฝ่าบาทมีอำนาจที่จะรับสั่งให้ข้า เข้าไปในตำหนักเหลี่งกง! ฝ่าบาทมีอำนาจที่จะตัดศีรษะ ของข้า!!” ข้าอยากจะยั่วโมโหเขา เป็นเพราะการที่ได้ เห็นเขาโกรธเกรี้ยว ทำให้ในใจของข้ารู้สึกมีความสุข


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ