ตอนที่ 4 โรคเก่ากำเริบ
“ พระนางสนมเอกเพคะ!” ฝูเชว่ร้องตะโกนออกมา พลางรีบคุกเข่าลงที่เบื้องหน้าขอลู่เซียว นางร่ำไห้ พลางเอ่ย “ฝ่าบาทเพคะ ขาของพระนางสนมเอกได้รับ บาดเจ็บ มิสามารถคุกเขาได้จริงๆเพคะ เรื่องราววันนี้ ล้วนเป็นความผิดของข้าน้อย หากฝ่าบาทจะลงโทษก็ ลงโทษข้าน้อยเถิดเพคะ!”
หลินหลิ่วเอ๋อส่งสายตายิ้มเยาะมาให้ข้า แต่นางกลับ เสแสร้งเป็นผู้ที่มีจิตใจเมตตาต่อหน้าของลู่เซียว “ฝ่า บาทเพคะ ในเมื่อขาของหลีเฟยได้รับบาดเจ็บก็มิเป็น อันใดหรอกเพคะ หม่อมฉันก็แค่คิดจะ….
นางก็แค่คิดอยากจะแสดงอำนาจต่อหน้าข้าก็เท่านั้น แม้แต่ขุนนางที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ก็ยัง คิดอยากวาง อำนาจ แต่นี่นางเป็นถึงฮองเฮาแห่งแคว้นตงหลี
“มิต้อง ให้นางคุกเข่าไป!” สีหน้าของลู่เซียวมิเปลี่ยน เขาเงื้อมมือขึ้นลูบศรีษะหลินหลิ่วเอ๋อเบาๆ สายตาที่มอง นางเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ก่อนหน้านี้ข้าคงให้ท้าย นางมากเกินไป ในเมื่อตอนนี้เจ้าคือฮองเฮา ต่อจากนี้ เรื่องราวในวังแห่งนี้ ข้ายกให้เจ้าเป็นผู้ตัดสินใจ
“หลิ่วเอ๋อขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ!” หลิ่วเอ๋อดีใจ อย่างถึงที่สุด จนลืมใช้คำเรียก ‘หม่อมฉัน’ แทนตัวเอง เสียแล้ว
แต่ทว่าลู่เซียวดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อยเขาเพียงแค่ยกมือขึ้นมาโอบรอบเอวของนาง อากาศ ช่างหนาวเน็บยิ่งนัก เจ้าต้องระมัดระวังอย่าให้ร่างกาย มิสบาย ไปเถิด ข้าจักไปส่งเจ้ากลับตำหนักเอง”
ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่แม้แต่จะหันมามองข้าเลย แม้แต่น้อย และก็มิได้รับสั่งว่าให้ข้าคุกเข่าจนถึงเพลา ใด
เขาทำเพียงแค่ประคองคนรักใหม่ของตน และเดิน จากไปข้างหน้าโดยมิหันกลับมามอง
ในที่สุดสวนดอกเหมยที่คึกคักและน่าหลงใหลก็กลับ สู่ความเงียบสงบ เมื่อรอจนทุกคนเดินจากไปไกลแล้ว ฝูเชว์ก็รีบวิ่งมายังเบื้องหน้าของข้าอย่างทุลักทุเล นาง รีบยื่นมือมาประคองข้า “พระสนมเอกลุกขึ้นเถิดเพคะ พวกเขาไปหมดแล้ว ข้าน้อยจะไปส่งพระองค์กลับ กําหนัก”
หัวเข่าของข้าเปียกโชก อีกทั้งยังเริ่มเจ็บปวดเล็กน้อย จนเมื่อฝูเชว่ประคองข้าให้ลุกขึ้น ขาของข้าก็ซวนเซ ก่อนจะล้มลงตามเดิม
พระสนมเอกเพคะ!”
ฝูเชว่รีบร้อนประคองข้าไว้ จึงทำให้ข้าทรงตัวได้เล็ก น้อย ก่อนจะหันหน้าไปส่งยิ้มให้นาง “ข้ามิเป็นไร เจ้า สบายใจเถิด”
เมื่อกลับมาถึงตำหนักหมิงจาว ความเจ็บปวดที่ขาของข้าก็ประทุขึ้นเรื่อยๆ เกรงว่าโลกเดิมจะกำเริบขึ้นมา ฝูเชวร้อนรนวิ่งออกไปเชิญแพทย์หลวง แต่ทว่านางเพิ่ง จะวิ่งไปถึงด้านหน้าของประตู แพทย์หลวงก็มาถึงก่อน แล้ว
ยังคงเป็นแพทย์หลวงหูท่านเดิม ที่ลู่เซียวมอบหมาย ให้รักษาอาการป่วยของข้ามาโดยตลอด
ฝูเชว่มองดูหมอหลวงหูฉีดยาให้ข้าอย่างเป็นกังวล แม้ว่าหมอหลวงหูจะกำชับเป็นรอบที่สิบว่าอาการบาด เจ็บที่ขาข้ามิได้รุนแรงเท่าใดนัก เพียงแค่ได้รับความ เย็น แต่ทั้งใบหน้าของนางก็ยังคงรู้สึกมิสบายใจ
“พระสนมเอกเพคะ ผู้เฒ่าผู้แก่กล่าวว่าฤดูหนาวมา ถึงแล้ว ต่อไปพระองค์อย่าออกไปด้านนอกบ่อยเลยนะ เพคะ เพื่อป้องกันมิให้ความหนาวเย็นเข้าสู่ร่างกาย แล้ว อาการเก่าของพระสนมเอกจะกำเริบขึ้นมาอีกได้นะ เพคะ”
ข้ารู้สึกว่าวันนี้คำพูดของท่านหมอหลวงหูมากมาย เป็นพิเศษ แต่เอ่ยไปเอ่ยมาหัวใจสำคัญก็มิมีสิ่งอื่นใด นอกจากให้ข้าอย่าออกไปด้านนอกบ่อย
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ สวนดอกเหมยใน วันนี้ ฆ่าเลยตามองหมอหลวงโห พลางเลิกคิ้วถาม “ลู่ เซียวสั่งให้ท่านนำวาจาเหล่านี้มาเอ่ยกับข้าใช่หรือไม่?”
ในเพลาที่เขาไม่อยู่เช่นนี้ ข้ามักจะเรียกชื่อของเขา โดยตรง
หมอหลวง ก้มศีรษะลงพร้อมกับตอบมิตรงคำถาม ข้าจําเป็นจะต้องต้มยาก่อน หลังจากนั้นหม่อมฉันจะนำ มาให้พระองค์ด้วยตนเอง หวังว่าท่านพระสนมเอกจัก ดูแลร่างกายให้ดีพะยะค่ะ”
ในความเป็นจริง ถึงเขามิพูดข้าก็รู้ การที่ข้าได้เป็น สนมเอกที่มีข้อยกเว้นเพียงผู้เดียวในวังแห่งนี้ แทบทุก คนมองข้าเป็นหนามยอกอก เหตุการณ์ที่ข้าถูกลงโทษ ให้คุกเข่าในสวนดอกเหมยวันนี้ สนมทุกนางในวังแห่งนี้ ก็ล้วนเห็นด้วยตาของตน ดังนั้น ก็คงมีมีผู้ใดคิดที่จะไป เชิญหมอหลวงมาให้ข้า
มีเพียงลู่เซียวเท่านั้น
ข้ารู้ว่าวันนี้เขาจงใจมิบอกว่าให้ค่าคุกเข่านานเท่าใด เพราะเป็นการช่วยข้า และข้าก็รู้อีกว่าหลายปีมานี้ หมอ หลวงหูรักษาร่างกายให้ข้า และหยูกยาทั้งหมดที่ใช้ก็ม เคยผ่านมือของผู้ใด
ข้ารู้ดีว่าตำหนักจาวเหอแห่งนี้นอกจากข้าแล้ว ผู้คน ทั้งหมดล้วนเป็นคนของลู่เซียว
ในตอนกลางคืน ข้ายังคงถูกความเจ็บปวดรุมเร้าเข้า มา ข้านอนพลิกไปมายากที่จะข่มตาให้หลับ
พลันก็รู้สึกว่าผ้าม่านบนเตียงของข้าถูกดึงให้เปิดออก กลิ่นน้ำหอมลอยเข้าที่จมูก หลังจากนั้นฝ่ามือคู่หนึ่งก็ กดลงบนหัวเข่าของข้า ข้าเจ็บปวดจนร่างทั้งร่างสะดุ้ง โหยง
หมอหลวงบอกว่าไม่ร้ายแรงมิใช่หรือ? เหตุใดจึงเจ็บ ปวดถึงเพียงนี้?”
เป็นลู่เซียวนั่นเอง เขามักจะชอบแอบย่องมาเงียบๆ เช่นนี้เสมอ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ