วิวาห์ผิด รักร้ายของนายซาตาน

บทที่ 9 พายุเข้า (2)



บทที่ 9 พายุเข้า (2)

หลินเวย ในแววตาของเธอไม่ได้มีความกลัวอะไรทั้ง นั้น อย่างมากก็แค่รู้สึกรังเกียจ เธอไม่เคยเจอผู้ชาย ที่ไหนที่สกปรกขนาดนี้มาก่อนเลย! ตกลงกันแล้วแต่ดัน มาเปลี่ยนคำพูด!

“ตบได้ดีมาก? หืม?” เขาหรี่ตามองมา ความโกรธของ เขาในตอนนี้คนรอบข้างต่างก็รับรูปได้

“แกมันผู้ชายสกปรก ฉันตบแกยังถือว่าน้อยไป! ฉัน บอกเลยนะ ต่อไปไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก! น่ารังเกียจ ที่สุด!” หลินเวยมี่เหลือบมองเขา แล้วกลับหลังหันวิ่งหนี ออกไปอย่างไม่ลังเล เขาน่ารังเกียจอย่างที่เธอพูด

ฉู่เฉินซีตอนนี้สีหน้าของเขายังไม่นิ่ง ทำให้คนคาด เดาไม่ออก จึงไม่มีใครกล้ามองเขา เพราะเมื่อมองแล้ว ราวกับเขาสามารถฆ่าคนได้ไม่กระพริบตา

ผู้ติดตามของเขา ก้มลงไปเก็บหนังสือพิมพ์ที่ข้างเท้า ของเขาขึ้นมา แล้วส่งให้เขา

ฉู่เฉินซีมองไปที่หนังสือพิมพ์ แววตาของเขาบ่งบอก ถึงความเศร้าออกมาชั่วครู่หนึ่ง

“นายน้อย ต้องไปตามเธอกลับมาไหม” คนติดตาม ของเขาถามขึ้นมา

ฉู่เฉินซีมองเขาอย่างเย็นชา จนเขาต้องรีบก้มหน้าหลบไป และนิ่งเงียบไม่กล้าพูดอะไรอีก

“ตามเก็บหนังสือพิมพ์วันนี้กลับมาให้หมด” เขาพูดจบ อย่างเย็นชา ก็รีบเดินออกไป

เธอคิดว่าคนที่ปล่อยรูปนี้เป็นเขาใช่ไหม? มุมปากของ เขายิ้มขึ้นมา เขาไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องแบบนี้ แต่ว่ายังมี เรื่องที่เขาไม่เข้าใจอยู่ ผู้หญิงคนนี้ใช่คนของกู้จุนเฟิงห หรือเปล่า?

ถ้าไม่ใช่ แล้วทำไมกู้จุนเฟิงถึงได้มีรูปนี้ได้? แต่ก็คง เป็นเขาที่เป็นคนติดต่อแน่นอน?

มีความลึกลับอยู่เสมอในเกม แต่เขาเป็นคนอดทนและ ยินดีที่จะค่อยๆหาคำตอบไปทีละปมๆ

กู้จุนเฟิงจะมาเล่นเกมกับเขา เขาก็ยินดีที่จะเล่นด้วย

จนจบ

หลินเวยมี่

เธอนั่งอยู่ในร้านกาแฟอย่างเบื่อหน่าย ตรงข้ามเธอมี ผู้หญิงตัวเล็กน่ารักอยู่คนหนึ่ง กำลังค่อยจิบกาแฟอยู่ เงียบๆ หลังจากฟังหลินเวยมี่พูดจบ ก็ถ่มน้ำลายออกมา

ความเงียบสงบในวินาทีที่แล้วได้สูญสลายไปหมด

“แย่มาก! พวกเขาทำกับเธอแบบนี้ เห็นชัดเลยว่า อยากให้เธอออกจากตระกูลหลิน เลวทรายต่ำช้าจริงๆ!”หลินเวยเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนรักเย่หนิงที่กำลังโกรธ แทนเธอ เธออดฉีกมุมปากขึ้นไม่ได้ ไม่รู้ว่าการที่เอา เรื่องในบ้านมาบอกเธอเป็นเรื่องผิดหรือถูก

“ไม่เป็นไรหรอก แค่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าชีวิตฉันแย่มาก เลย” เธอคร่ำครวญออกมา ตั้งแต่เธอพบผู้ชายแย่ๆคน นั้น ชีวิตเธอก็ไม่มีเรื่องดีๆ เลยสักวัน เจ็บตัวยังไม่พอ ยังโดนเอาเรื่องแย่ๆมาประจานอีก

เดิมทีเธอก็เป็นหนามทิ่มแทงน้าหรานอยู่แล้ว พอดี เลยน้าหรานจะได้มีข้ออ้างในการขับไล่เธอออกจาก บ้าน

“จริงๆแล้ว ฉันยังแปลกใจอยู่เลย ผู้ชายคนนั้นจริงๆ แล้วเป็นใครกัน?” เย่หนิงหัวเราะขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วย ความสงสัย

“ผู้ชายคนนั้น?” เธอดึงมุมปากของเธอขึ้น แววตาเต็ม ไปด้วยความเคียดแค้น “ชายคนนั้นเป็นคนน่าเวทนา หน้าตาน่าเกลียดหัวล้าน อ้วนเตี้ย ท้องก็โต สิ่งที่น่า รังเกียจที่สุดคือกลิ่นตัวเหม็นอย่างกับหมาป่า!”

เย่หนิงดูดน้ำแล้วดูดน้ำอีก ควบคุมไม่ให้ตัวเองพ่นมัน ออกมา พยายามปลอบใจลูบไปที่ไหล่ของหลินเวย “เวยมี่ เธอต้องเข้มแข็ง ถึงแม้เรื่องมันจะแย่ แต่เธอก็ยัง มีฉันนะ! เข้มแข็งไว้!”

“ฉันก็คิดว่าแค่ถูกหมากัด ลืมไปตั้งนานแล้ว” หลินเว ยมี่ ในตอนนี้แววตาของเธอนิ่งเฉย ราวกับว่าผู้ชายคนนั้นได้ถูกลมพัดออกไป ไม่กลับเข้ามาในชีวิตของเธอ แล้ว

“แค่กแค่ก” ด้านหลังของเธอมีเสียงไอดังขึ้นมา

เย่หนิงรู้สึกได้จึงเงยหน้าขึ้นมา ใจเธอเต็มไปด้วย ความดีใจ แต่ก็ไม่ลืมที่จะยกมือของหลินเวยมขึ้นมา พร้อมกับกระซิบเบาๆว่า “เวยมี่ ด้านหลังเธอมีคนหล่อ มากเลยยืนอยู่ แล้วเขาก็ยิ้มให้ฉันด้วย”

หลินเวยมี่รู้สึกแค่ว่ามีลมเย็นผ่านที่ต้นคอของเธอ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปไม่เป็นธรรมชาติ เธอลุกขึ้นมา จะลากเย่หนิงวิ่งหนี ขณะกำลังลุกขึ้นมาไหล่เธอก็โดน กดด้วยแรงมหาศาล ทําให้เธอต้องกลับไปนั่งบนเก้าอี้ อีกครั้ง

เงาดพนั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างๆเธอ สักครู่เธอได้กลิ่นหอ มอ่อนๆที่คุ้นเคย

“สวัสดี คุณคือเพื่อนของเวยมี่?” เขาพูดเบาๆ ขณะ ที่สายตาของเขามองไปที่ร่างของหลินเวยมี่ พร้อมกับ รอยยิ้มมองไปที่เธอ

หลินเวยที่ทำหน้ารังเกียจใส่ แล้วก้มหน้ากินเค้กต่อ ทำเป็นว่าผู้ชายข้างๆคนนั้นไม่มีตัวตน

เธอได้ลืมผู้ชายคนนี้ไปแล้ว ตอนนี้เธอไม่รู้จักเขา “สวัสดีๆ เวยมี่? เรียกซะสนิทเลย ดูแล้วต้องสนิทกันมากเลยสิ” เย่หนิงเขม่นตาไปทางหลินเวย

“ฉันก็คือคุณลุงท้องโตที่เวยมี่บอก สงสัยเวยยังไม่ ค่อยเข้าใจฉัน ตัวฉันไม่มีกลิ่นสักหน่อย” เขายิ้มอ่อนๆ พร้อมกับมองอย่างข่มขู่ไปที่หลินเว่นมี่

เย่หนิงได้แต่พยักหน้า แต่เธอก็ไม่สามารถเชื่อมโยง กับคำพูดที่หลินเวยมี่เพิ่งจะพูดมาได้

“เย่หนิง ฉันไม่รู้จักเขา พวกเราไปกัน” หลินเวยไร้ สีหน้าลุกขึ้นมา

“โอ้? ไม่รู้จักฉัน? แต่ว่าโทรศัพท์เธอยังอยู่ที่ฉันเลยนะ วันนั้นตอนเช้าเธอรีบไป ลืมเอาโทรศัพท์ไปด้วย” ฉู่เฉิน ซีพูดขึ้นมาอย่างไม่รอช้า พร้อมกับเอาโทรศัพท์ขึ้นมา วางบนโต๊ะ

“เช้าวันนั้น…” เย่หนิงยิ้มขึ้นที่มุมปาก รอยยิ้มใบหน้า ของเธอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

หลินเวยมี่โกรธมากจนเกือบจะคลั่ง เขาตั้งใจทำ ตั้งใจพูดให้คนคิดแบบนั้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ