Benefits lover รักกามะลอของฉัน

ตอนที่ 3 ชายที่นั่งอยู่บนวีลแชร์



ตอนที่ 3 ชายที่นั่งอยู่บนวีลแชร์

เขาจ้องมองทะเลที่กว้างใหญ่ จิตใจที่ดูนิ่งและเยือก เย็น หากตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อน เห็นนัยย์ตาอันเยือกเย็น ของเขาคงจะทำให้รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในฤดูหนาว

“คุณชายสามครับ ฝั่งโน้นแจ้งมาว่า อีกหนึ่งอาทิตย์ ก็จะเป็นงานแต่งของคุณชายกับคุณหนูใหญ่ตระกูลวร ชัยลภัสแล้ว จะให้จัดเตรียมอะไรมั้ยครับ” ลุงบีมผู้ดูแล บ้านพูดเบาๆข้างๆเขา

คณพศฟังที่ลุงบีมพูดแล้ว ยิ้มที่มุมปาก “เตรียมอะไร ล่ะ แค่ห้องหอห้องเดียวก็พอแล้ว” เสียงที่สุขุมลุ่มลึกมี เสน่ห์เหมือนมีแม่เหล็กดึงดูดใจผู้คน

“ครับคุณชายสาม เด่นภูมิกับยชญ์โทรมาบอกว่าทุก อย่างเป็นไปตามแผนครับ รองานเสร็จสิ้นแล้วจัดการ ได้เลย” ลุงบีมติดตามคณพศมาสิบกว่าปีแล้ว

“อืม ไม่รีบ ห้ามมีอะไรกระทบคุณปู่เด็ดขาด” ชาย หนุ่มมองทะเล แล้วตอบรับอย่างเบาๆ

งานแต่ง หึๆ นายวิษณุส์สบายดีหรือเปล่า

ตระกูลปัญญาพนต์เป็นใหญ่ในเมืองธิตกล มีบริษัท ตระกูลปัญญาพนต์และบริษัทซีที คุณกษาปณ์เป็นผู้ก่อ ตั้งธุรกิจอันใหญ่โตนี้

ตอนหนุ่มเป็นมาเฟียที่มีชื่อเสียง หลังจากสร้างสองบริษัทยักษ์ใหญ่นี้ก็นั่งอยู่ในบัลล์แห่งนักธุรกิจ เขา แต่งงานกับหญิงสาวที่ตัวเองรักมากที่สุด ได้ให้กำเนิด ลูกชายและลูกสาวอย่างละหนึ่งคน

มุขพลลูกชายได้แต่งงานกับรัมพรผู้หญิงที่ดีพร้อม แล้วได้ให้กำเนิดหลานชายสามคน คนโตอาชัญ ได้ป่วย และเสียชีวิตลงในช่วงอายุยี่สิบ คุณกษาปณ์เสียใจอยู่ นานมาก

คนรองวิษณุส์ มักใหญ่อวดเก่ง จิตใจอำหิต มีความ อยากได้อยากมีทุกอย่าง ตอนเด็กได้รับความรักจาก มุขพลและรัมพรมาก แต่คุณกษาปณ์มักเฉยชาต่อเขา

คนที่สามคณพศ มีความกตัญญูรู้คุณตั้งแต่เด็ก เฉลียวฉลาด คุณกษาปณ์รักเขามาก เมื่อคณพศอา ยุ16ปีเกิดไฟไหม้บ้าน อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เขาเสีย ขาทั้งสองข้างไป หลังจากนั้นถูกส่งไปเกาะส่วนตัวของ ตระกูลตระกูลปัญญาพนต์ ตั้งแต่นั้นมาก็นั่งบนวีลแชร์ ตลอด

คุณกษาปณ์เสียใจหมดหวังอีกครั้ง เพื่อปลอบใจ คณพศเขาได้โอนหุ้น40%ภายใต้ชื่อของคณพศ แต่ ประธานบริษัทตระกูลปัญญาพนต์และบริษัทซีทีก็มี เพียงวิษณุส์คนเดียวเท่านั้น

คณพศนั่งอยู่บนระเบียงห้อง หลับตาแล้วนึกถึงเหตุ ไฟไหม้เมื่อเก้าปีที่แล้วมันเป็นความมืดมนในชีวิต เขา เห็นกับตาว่าไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่นั้น พี่รองวิษณุส์ได้ ผลักเขาเข้าเพลิงไฟอย่างแรง จนทำให้เขาเสียขาทั้งสองข้างไป

สุดท้ายลุงบีมผู้ดูแลบ้านเสี่ยงชีวิตฝ่ากองเพลิงช่วย ชีวิตเขาออกมาก

หลังจากนั้นเขาก็ได้ข่าวร้ายว่าขาทั้งสองข้างของ เขาไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ คุณกษาปณ์ อดทนกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น แล้วสร้างคฤหาสน์บน เกาะส่วนตัว ตั้งชื่อว่าเกาะฟ้า

ให้คณพศพักรักษาตัวอยู่บนเกาะ ความรักที่คุณ กษาปณ์ให้หลานมีมากล้น ไม่ว่าเขาจะขออะไรก็จะให้ หมด แต่หลังจากที่คณพศไปอยู่บนเกาะ เขาก็ไม่เอา อะไรเลย และตัดขาดจากโลกภายนอกทั้งหมด

เขาอยู่บนเกานี้เป็นเวลาเก้าปีแล้ว คนตระกูลปัญญา พนต์นอกจากคุณกษาปณ์จะมาเยี่ยมเขาแล้ว ก็ไม่มี ใครมาที่นี่อีกเลย

เมื่อคณพศอายุได้18ปี คุณกษาปณ์ก็ได้โอน หุ้น40%ภายใต้ชื่อของคณพศ

เขาจำวันนั้นได้ไม่มีลืม วันที่เขาได้รับโอนหุ้น40% วิษณุส์มองเขาซึ่งนั่งอยู่บนวีลแชร์ด้วยสีหน้าที่เยาะเย้ย

เขาตั้งใจมานั่งข้างๆเขาแล้วพูดอย่างเสียงดังว่า “น้อง สาม แกวางใจได้เลยนะ พี่จะทำให้ตระกูลปัญญาพนต์ ยิ่งใหญ่ แกนั่งรอกินส่วนแบ่งจากหุ้นได้เลย
จากนั้นก็พูดใส่ข้างหูของคณพศด้วยน้ำเสียงที่เบาลง เพื่อไม่ให้คนอื่นได้ยิน “นั่งกินนอนกินอย่างแกหน้าไม่ อายจริงๆ ยืนไม่ขึ้นทั้งชาติอย่างนี้ อยู่ไปก็เป็นภาระคน อื่น ยังมีหน้ามามีหุ้นส่วนบริษัทเยอะขนาดนี้อีก หุ้นเยอะ แล้วจะมีประโยชน์อะไรเล่า ยังไงก็ได้แค่นั่งบนวีลแชร์ ไม่มีทางได้ขึ้นมาเป็นประธานหรอก”

วินาทีนั้นคณพศสัญญากับตัวเองว่าถ้าหากชาตินี้ยืน ไม่ขึ้นเขาก็ไม่ใช่คน

เก้าปีผ่านไป เขาควรจะทวงคืนทุกอย่างแล้ว

ตอนนี้วิษณุส์กำลังจะแต่งงานกับลูกสาวตระกูลตระ กูลวรชัยลภัส อันดับแรกคือแย่งผู้หญิงของเขามาก่อน โจมตีเขาสักตั้งก่อน

แล้วค่อยๆทรมานผู้หญิงที่เขารัก ให้เขาได้ลิ้มรส ความเจ็บปวดที่ทำอะไรไม่ได้

ถึงตอนนี้มุมปากเขาได้แย้มขึ้น รู้สึกเกมนี้คงสนุกสุดๆ ไปเลย

วิษณุส์ ฉันจะให้แกได้ลิ้มรสความทรมานที่ฉันเจอมา ตลอดเก้าปี และให้แกได้ลิ้มลองสิ่งที่ฉันได้ทนทุกข์มา ตลอด เกมส์ของเรามันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเอง

ตระกูลวรชัยลภัสก็เป็นหนึ่งในบริษัทใหญ่ของเมืองธิ ตกล ตระกูลปัญญาพนต์ที่หนึ่ง ตระกูลวรชัยลภัสเป็นที่ สอง
บุรินททร์ทร์กับเขมินท์เป็นเพื่อนในมหาวิทยาลัย หลัง แต่งงานได้ให้กำเนิดลูกสาวก็คือพิมมี่ เมื่อพิมมี่อายุได้ เจ็ดขวบ บุรินททร์ท ได้พาเด็กสาวอายุห้าขวบกลับ บ้าน

สาวน้อยคนนี้ก็คือนารา ซึ่งตอนนั้นเขมินท์คะยั้นคะยอ ถามบุรินททร์ทร์ว่าเด็กคนนี้เป็นใคร บุรินททร์ทร์ตอบ ว่าเป็นลูกสาวของตัวเองกับหญิงอื่น

จากนั้นมานาราก็มีชีวิตอยู่ใต้ความเย็นชาของแม่และ พี่สาว แต่บุรินททร์ทร์ก็คอยปกป้องเธอ จนกระทั่งสอบ เข้ามหาวิทยาลัย

ณ มหาวิทยาลัยแจ่มใส นาราใส่ชุดสีฟ้า ผมตรงยาว ถึงเอว ดวงตาโตออกสีกลมเข้ม ขนตาม้วนขึ้น ผิวขาว เป็นลูกครึ่งอย่างชัดเจน

เมื่อตอนห้าขวบ เธอจำได้แม่นยำเลยว่า พ่อพาเธอมา ที่บ้านนี้ ก็ได้ยินเสียงโวยวายของแม่ว่า “นี่คุณไปมีลูก กับฝรั่งสารเลยหน้าไหนต๊ะ คุณบุรินททร์ทร์ ถ้าไม่พูด ให้มันชัดเจน เรื่องนี้ฉันจะไม่จบกับคุณง่ายๆแน่

พ่อจูงมือเธอไว้แน่น มองผู้หญิงที่กำลังโวยอย่าง เฉยชา “ต่อจากนี้ไป เป็นผู้หญิงคนนี้ก็คือลูกของผม ถ้า คุณยังโวยวายไม่จบสิ้น ก็ออกจากบ้านนี้ไปซะ” เสียงที่ เข้มของพ่อทำให้เธอมีบ้าน

หลังจากนั้นเธอก็เรียกเขมินท์ว่าแม่ เรียกพิมมี่ว่าพี่ สาว ถ้าเวลาที่พ่อไม่อยู่บ้าน แม่และพี่สาวก็จะรังแกเธอทุกวิธีทาง

ให้เธอทํางานของคนใช้ กินอาหารที่เหลือ แต่เธอก็ไม่ ได้โกรธเคืองอะไร ยอมรับความลำบากทุกอย่าง เพราะ เธอหิว เธอต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป นานปีมาแล้ว เธออยู่ บ้านนี้สิบห้าปีแล้ว

หนึ่งปีก่อน เธอสอบผ่านมหาวิทยาลัยที่ตัวเองใฝ่ฝัน มานาน การปกป้องครั้งแล้วครั้งเล่าของพ่อทำให้เธอ และเพื่อนได้เข้ามหาวิทยาลัยแจ่มใสด้วยกัน หลัง เลิกเรียน นารา ไลลา และผิงผิงจะเดินออกจาก มหาวิทยาลัยด้วยกัน

ทั้งสามคนเป็นเพื่อนสนิทกัน เพิ่งเดินถึงประตู มหาวิทยาลัยก็ได้ยินเสียงเรียก “นารา รอด้วย”

เสียงเรียกจากผู้ชายที่ดูอ่อนโยนและมีเสน่ห์จากด้าน หลัง พวกเธอหันหลังพร้อมกันเห็นเคนโด้ยิ้มแล้ววิ่งตาม มา ในมือถือกล่องเล็กๆไว้ “อันนี้ให้เธอ”

เขายื่นกล่องนั้นให้นารา

“หูย นี่อะไรอ่ะรุ่นพี่ ให้อะไรนาราอีกแล้วเนี่ย” ผิงผิง แย่งของมาดู

“นี่…” เขาเห็นกล่องถูกผิงผิงแย่งไป ใจเริ่มรน

“ผิงผิง อย่าเล่นอย่างนี้สิ อันนั้นของนารา” เขามองก ล่องที่อยู่ในมือของผิงผิง กำลังจะเอื้อมมือไปแย่งคืนมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ