บทที่ 6
ได้ยินเสียงพยาบาลเรียกชื่อความคิดต่าง ๆ ในหัวก็สลาย หายไปจนหมด จากนั้นจึงตั้งสติเพื่อไปฟังผลตรวจที่กำลังจะรู้ใน อีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้แล้ว
“ให้เพื่อนเข้าไปข้างในด้วยได้ไหมคะ”
“ถ้าเป็นความต้องการของคุณก็ได้ค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้นฉันก็รู้สึกโล่ง อย่างน้อยหากรู้ผลแล้วเกิด อะไรขึ้นเพื่อนทั้งสองจะได้ช่วยพยุงตัวฉันไว้ได้ทันการ
“พวกฉันจะอยู่ข้าง ๆ แกเองไม่ต้องเครียดนะ” น้ำเอ่ยให้
กำลังใจ
“ขอบใจนะ ฉันกลัวว่ามันจะเป็นอย่างที่คิดน่ะสิ”
“เอาน่าถ้าท้องขึ้นมาจริง ๆ ฉันจะรับเป็นลูกเองไม่ต้องห่วง โบทพูดติดตลกเพื่อให้ฉันคลายความกังวล แต่มันกลับทำให้ฉัน เครียดขึ้นกว่าเดินน่ะสิ ถ้าท้องขึ้นมาจริง ๆ จะบอกเรื่องนี้กับป้า ยังไงดี
“ถ้างั้นแกต้องแอ๊บแมนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนะยะ” ฉันตอบ
นั่นทำให้เราทั้งสามมีรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะเดิน เข้าไปในห้องตรวจพร้อมกัน
เข้าไปข้างในแล้วคุณหมอก็ทักทายอย่างเป็นกันเอง แต่ทว่าอธิบายว่าโอกาสสูงเป็นไปได้
“สรุปว่าท้องหรือเปล่าคะคุณหมอ” เมื่อคุณหมอพูดจบ ฉันจึงเริ่มยิงถามทันที
ว่าแต่นี้แฟนคุณไม่มาด้วยหรอกเหรอแต่กลับถามฉันคืน ทำให้ฉันรู้สึกขำ
ว้ายหนูเป็นเพื่อนค่ะคุณไม่ใช่” นางรีบปฏิเสธ เสียงแข็งกลัวว่าคุณหมอจะเข้าใจผิด ฉันรู้ว่ามันกำลังหมอนั่นเอง เพราะคุณหมอหล่อไม่น้อยตรงสเปกมันเลยเดียว
“หมออยู่แล้วล่ะอยากให้คุณผ่อนคลายบ้าง“คุณหมอนตลกจังเลยนะคะ คือว่า…ฉันยังไม่แฟนหรอก
“หืมยังไม่แฟนแล้วทำไมถึง….คุณหมอขมวดคิ้วมอง หน้าฉันฉันในแง่หรือบวกแน่
“เกิดจากความผิดพลาดค่ะ คุณหมอคงเข้าใจคำว่า พลาดนะคะ
ผมเข้าใจครับ เพราะคนไข้ผมหลาย เคสเป็นอย่างคุณล่ะ ตอนพร้อมจะฟังผลแล้วใช่ไหมคุณหมอหนุ่มสุดหล่อ เอ่ยอีกครั้ง
“พร้อมนานแล้วค่ะคุณลมไปเสียก่อนตอนหงุดหงิดคุณหมอคนซะแล้ว ลีลา อยู่ได้จะบอกก็รีบซะที
“โทษครับงั้นฟังดี ๆ หมอขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณตั้งครรภ์แปดสัปดาห์แล้ว
ฉัน!!
นั่งเอ๋อแดกอยู่อย่างนั้น มองหน้าคุณหมอตาค้าง ในสมอง มันขาวโพลนไปหมดคิดอะไรไม่ออก
ไหมฉันได้ยินถนัด
“คุณตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว หรือยังครับ”
“ชัดแล้วเต็มสองเลยค่ะว่าแล้วหันไปมองหน้า
“ทำใจดี ๆ ไว้นะแกทุกอย่างมันต้องมีทางออกน้ำเอ่ย พลางตบไหล่เบา เป็นการปลอบใจ
ไม่ต้องห่วงพวกฉันจะช่วย
นั้น
“ขอบใจฉันเสียงสั่นร้องไห้ออกมารอมร่อ ทั้งพยายามห้ามแล้วแต่มันก็ทำไม่ได้
“ทุกปัญหาย่อมมีทางออก หมอยินดีให้คำปรึกษาตลอด เวลาเมื่อคุณต้องการนะครับ” คุณหมอยืนนามบัตรให้จากนั้นจึง พูดต่อ “ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนะครับ ยังมีอีกหนึ่ง ชีวิตที่อยู่ในท้อง เขาจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว หมอเข้าใจว่าการโดนทิ้งมันเจ็บปวดมากแค่ไหน เพราะหมอเอง ก็เคยโดนทิ้งเหมือนกัน แต่อดีตมันผ่านมาแล้วเราต้องเดินหน้า ต่อไปนะครับ”
เดี๋ยวนะหมอ! ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าโดนทิ้ง
“หมอรู้ได้ไงว่าฉันโดนทิ้งคะ” ฉันจ้องหน้าถาม คำว่าโดนทิ้ง ไม่มีในสารบบความคิดฉันเลย และมันจะไม่มีวันนั้น
“อ้าว! ก็พวกคุณพูดไปในแนวทางนั้นนี่นา ผมเลยเดาว่าน่า จะใช่” หมอเอ่ยหน้าตาย แถมยังส่งยิ้มหล่อมาให้อย่างไม่รู้สึกรู้ สาอะไรเลย
“ฉันทิ้งผู้ชายต่างหากค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะคะ” ฉัน ยกมือไหว้แล้วรีบลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทันที หมอบ้าอะไรจะทำให้คนไข้อารมณ์เสียอย่างนี้
“เดี๋ยวคุณ! ไปรับยาก่อนค่อยกลับนะครับ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณหมอเดี๋ยวพวกหนูไปรับให้มันเอง ไปแล้ว
นะคะ”
ฉันได้ยินเสียงสองคนนั้นพูดคุยกับคุณหมอก่อนจะเดินตามหลังออกมา
“ข้าวรอพวกฉันด้วย!”
ได้ยินเสียงเพื่อนเรียกฉันจึงหยุดชะงัก ยืนกอดอกรอพวกมัน สองคนด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว ตอนนี้ไม่รู้จะโมโหให้ใครก่อนดี ระหว่างไอ้คนที่ทำให้ฉันต้องเป็นทุกข์อย่างนายฟฟ้า หรือคุณ หมอที่พูดจาหมาไม่แดกนั่น
“วันนี้ไม่ต้องไปบ้านฉันแล้วนะไม่มีอารมณ์รับแขก”
“เออ ๆ ไม่ไปก็ได้แต่แกต้องสัญญานะว่าจะดูแลตัวเองดี ๆ ยาฉันไปเอามาให้” โบทนถุงยาให้
“ขอบใจละกัน โทษทีที่พูดใส่อารมณ์ ฉันรู้สึกหงุดหงิดอย่าง บอกไม่ถูกน่ะสิ”
“อย่างนี้ล่ะอารมณ์ของคนท้องมักจะแปรปรวนในช่วงแรก
ๆ” น้ำว่า
“ทําอย่างกับแกเคยท้องงั้นล่ะ”
“ไม่เคยท้องแต่ก็เคยอ่านในเน็ตค่ะ เพราะอีกไม่นานฉันก็จะ ท้องเหมือนกัน”
“ขอบใจพวกแกสองคนนะที่มาเป็นเพื่อน แต่เรื่องนี้ห้ามบอก ใครเด็ดขาด โดยเฉพาะนายนั่น” พูดถึงแล้วก็อยากฆ่าให้ตายซะ เหลือเกิน ถ้าเขารู้จะทำหน้ายังไงนะ จะดีใจหรือเสียใจที่มีลูกกับ ฉัน แต่สำหรับฉันเสียใจมากที่มีลูกกับผู้ชายคนนั้น
“ฉันว่าควรให้ ฟีฟ่ารู้นะอย่างน้อยเขาก็เป็นพ่อของลูก หรือ ว่าแกจะเอาเด็กออกงั้นเหรอ อย่าท้าอย่างนั้นเด็ดขาดนะ” น้ำมัน คิดเองเออเองจับมือฉันเขย่าแรง ๆ
“ทำไมฉันจะต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ คิด ๆ ดูแล้วเป็นอย่างนี้ มันก็ดีเหมือนกันนะ เพราะฉันเองก็ไม่คิดอยากจะมีครอบครัวอยู่ แล้ว ฉันจะเลี้ยงลูกเอง” ฉันเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ
ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไปอย่างที่คุณหมอ หน้าหล่อนั่นบอก
“อ้าว! พ่อของลูกในท้องแกคือฟฟีฟ่างั้นเหรอ ไหนบอกว่า เกลียดกันนักหนาทำไมถึงมีอะไรกันล่ะยะ หมดกันผู้ชายที่ฉัน หมายปอง” โบ๊ทจ้องหน้าฉันราวกับเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตาย คงจะ ช็อกที่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นเขา
“สรุปแกห่วงฉันหรือห่วงผู้ชายกันแน่”
“ก็ห่วงแกนั่นล่ะเพียงแต่ฉันสงสัยเฉย ๆ”
“งานเลี้ยงวันนั้นที่แกกลับก่อนไง ไอ้นั่นมันเข้าห้องผิดแล้วก็ เกิดเรื่องบ้า ๆ ขึ้น ถ้าวันนั้นแกไม่กลับก่อนฉันคงไม่ต้องมา เครียดอยู่อย่างนี้หรอก” เมื่อพูดถึงก็พาลหาเรื่องเพื่อนซะงั้น
“ฉันขอโทษก็วันนั้นผู้หล่อมากฉันพลาดไม่ได้นี่นา” มันทำ หน้าหงอยอย่างสำนึกผิด
“เออ ๆ ช่างเถอะมันเกิดขึ้นแล้วนี่นา เอาเป็นว่าฉันกลับก่อน นะ ไม่อยากอยู่ที่นี่นาน ๆ รู้สึกกระอักกระอ่วนเต็มที่” ฉันไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาลเลยสักนิด มันรู้สึกอย่างที่พูดจริง ๆ
“ขับรถดี ๆ ละกันนึกถึงลูกในท้อง ให้มาก ๆ” น้ำบอก
“โอเค ๆ ไปละนะ”
ฉันโบกมือลาเพื่อนก่อนจะเดินแยกตัวออกไป
ในระหว่างขับรถกลับบ้านฉันก็คิดเรื่องป่าไปด้วย กำลัง ตัดสินใจว่าจะบอกท่านตอนไหนดี จะเกริ่นเข้าเรื่องยังไง หากรู้ว่า พ่อของลูกในท้องคือนายฟีฟ่ามีหวังบ้านอีกหลังได้โดนถล่ม แหลกเป็นจุณแน่ ๆ ที่สำคัญฉันกลัวว่าป่าจะเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตัว ด้วยน่ะสิ
ขับรถมาถึงหน้าบ้านก็พบว่าน้องชายสุดที่รักกำลังยืนคุยกับ ลูกชายคนเล็กของบ้านโน้น ใช่แล้วค่ะ นั่นคือน้องชายของนาย ฟีฟ่าชื่อยูโร ส่วนน้องชายฉันชื่อเจ้านาย ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิท กัน ตอนนี้อยู่มอหกกันแล้ว แปลกไหมล่ะพ่อทะเลาะกันทุกวัน แต่ ลูกชายกลับเป็นเพื่อนสนิทกันซะอย่างนั้น
ป๊บ ๆ ๆ
ฉันบีบแตรรถเพื่อให้คนทั้งสองหลีกทางให้ เพราะตอนนี้ยืน คุยกันอยู่ตรงประตูรั้วทางเข้า ไม่รู้คุยอะไรกันนักหนาถึงมองไม่ เห็นว่ารถขับมาจะเลี้ยวเข้าบ้าน เจ้านายเปิดประตูให้จากนั้นก็ยืน คุยกับเพื่อนต่อ
ลงรถแล้วฉันจึงเดินออกมาหาน้องชายเพื่อถามหาป๊ากับม้า
“สวัสดีครับพี่ข้าว” ยูโรยกมือไหว้ฉันอย่างมีสัมมาคารวะ นิสัยดีต่างจากพี่ชายมากมาย
“สวัสดีจ้ะยูโร คุยกันถึงพริกถึงขิงเลยนะจนลืมดูว่าพี่ขับรถ
“ก็นิดหน่อยครับ” ยูโรตอบยิ้ม ๆ
“ว่าแต่ป๊ากับมายังไม่กลับเหรอนาย
“ยังอ่ะพี่ข้าวสงสัยเย็นโน่นล่ะ ลูกค้าคงเข้าร้านเยอะมั้ง น้องชายผู้แสนเรียบร้อยและบอบบางของฉันหันมาเอ่ยด้วย
เจ้านายเป็นผู้ชายตัวเล็ก ๆ บอบบางกว่าผู้หญิงอย่างฉันเสีย อีก แต่ทว่าเป็นคนที่เรียนเก่งมาก ๆ ได้ที่หนึ่งของห้องมาโดย ตลอด ส่วนยูโรจะนิสัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง รายนั้นเป็นผู้ชาย ห้าว ๆ แมน ๆ ชอบแต่งรถ ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทกันได้ยังไง
“ออ…งั้นคุยกันต่อเถอะพี่จะเข้าบ้านแล้ว
“ครับ”
กำลังจะเดินเข้าบ้านแต่ฉันก็ตาดีเห็นสิ่งผิดปกติที่คอน้อง ชาย มันคือรอยแดงเป็น ๆ คล้ายกับรอยคิสมาร์กที่นายฟีฟ่า เคยทำไว้บนตัวฉันเมื่อสองเดือนก่อน
“เอ๊ะ! คอแกไปโดนอะไรมา ทำไมมันเป็นรอยคล้ายกับโดน ใครดูดมา” ไม่ว่าเปล่าฉันรีบเดินเข้าไปใกล้ เอื้อมมือจะจับแต่ ทว่าอีกฝ่ายรีบจับคอเสื้อนักเรียนปิดไว้ แก้มที่เคยขาวใสแดงก่ำ ขึ้นมาทันที
“มะ…ไม่มีอะไรหรอกพี่พอดีเกิดอุบัติเหตุที่โรงเรียนนิด หน่อย” น้องชายสุดที่รักไม่ยอมสบตาฉัน แค่นี้ก็รู้แล้วว่าโกหก คำโต ต้องมีอะไรแน่ ๆ หรือว่ามันกำลังจะมีแฟนงั้นเหรอ
“แกกําลังโกหกพี่ บอกมาซะดี ๆ ว่าใครทำ แกไปมีแฟน ៗ ตั้งแต่ตอนไหนทำไมพี่ไม่รู้” หากป้ารู้ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ เพราะท่านหวังกับเจ้านายไว้มาก ไม่อยากให้ชิงสุกก่อนห่าม แก ทำใครท้องขึ้นมามีหวังอนาคตดับแน่
“มันยังไม่มีแฟนหรอกครับพี่ข้าว วัน ๆ ก็อยู่แต่กับผมถ้ามี ผมต้องรู้ด” กลายเป็นว่ายูโรตอบแทนซะงั้น รักเพื่อนมากเหลือ เกินนะ
“ชะ…ใช่ครับพี่ข้าว ผมยังไม่คิดเรื่องจะมีแฟนเลย ผมรู้ว่าป๋า อยากให้เรียนหมอ ผมไม่ทำให้ฟ้าผิดหวังเด็ดขาด”
ได้ยินอย่างนั้นฉันก็เหลือบตามองเด็กทั้งสองคนสลับไปมา อย่างจับผิด พูดยืนยันกันขนาดนี้ก็คงต้องเชื่อแล้วล่ะ อีกอย่าง เจ้านายก็ไม่เคยโกหกเลยสักครั้งฉันคงจะคิดมากไปเอง
“พี่จะเชื่อก็ได้ ที่บอกเพราะอยากให้แกตั้งใจเรียนเพราะป้า หวังกับแกไว้มาก อย่าทำให้ฟ้าผิดหวังเหมือน…
“เหมือนใคร ” เจ้านายถาม
“ปะ…เปล่าไม่มีอะไรคุยกันต่อเถอะพี่เข้าบ้านละ
“พี่ข้าวไม่ต้องห่วงนะครับผมจะดูแลมันเอง โดยเฉพาะเรื่อง ผู้หญิง ไม่มีทางเข้าหามันหรอกถ้าผมอยู่ด้วย” ยูโรกล่าว
ยังไงก็ฝากมันด้วยนะยูโร
“ครับผมจะดูแลให้ดีเลยล่ะ ไอ้นี่มันว่านอนสอนง่าย ไม่กล้า หือกับผมหรอก” ว่าแล้วยูโรก็ยกมือขึ้นไปลูบกลางกระหม่อมเจ้า นายเบา ๆ ราวกับเอ็นดูกันมากซะเหลือเกิน
ดูแล้วทำไมรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ช่างเถอะเด็กผู้ชายสนิทกัน มากคงจะแสดงออกประมาณนี้ล่ะมั้ง ตอนนี้สิ่งที่ฉันควรกังวลคือ เรื่องตัวเองมากกว่า…ว่าควรจะหาวิธีบอกป้ายังไงไม่ให้บ้านแตก
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ