บทที่ 2
“เชิญนั่งค่ะพี่ฟีฟ่า” เพื่อนสาวฉันตบปลงที่เก้าอี้ข้างตัว แต่ทว่า เขากลับเดินอ้อมมานั่งข้างฉันซะอย่างนั้น
“ผมอยากนั่งฝั่งนี้ครับจะได้มองหน้าน้องโบ๊ทได้ถนัด ๆ” เขา ส่งรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ให้เพื่อนสารเลวของฉัน คงรู้แหละว่ามัน ชอบเลยแกล้งทำเป็นสนใจ
หวานเสน่ห์ไปทั่ว แต่โทษที่มันใช้กับคนอย่างฉันไม่ได้หรอก
“อุ้ย! ทำไมปากหวานอย่างนี้ สงสัยสาวในสต๊อกคงจะเยอะ แน่ ๆ ฉันล่ะเกลียดท่าทีสะดีดสะดิ้งของอีโบ๊ทซะเหลือเกิน
“ไม่หรอกครับ ไม่เชื่อถามน้องข้าวก็ได้
“อย่ามายุ่งกับฉัน คนอย่างฉันไม่มีวันไปยุ่งเกี่ยวกับคน อย่างนายหรอก แค่บ้านติดกันก็เป็นเสนียดมากพอแล้ว” ฉันว่า พร้อมเขยิบเก้าอี้ออกห่างจากเขา
“อีข้าว! ทำไมแกพูดจาหมาไม่แดกอย่างนี้ พี่เขาพูดกับแกดี
ๆ นะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมกับน้องข้าวก็หยอกกันอย่างนี้เป็นประจำ ล่ะ ใช่ไหมครับน้องข้าว เย็นนี้กลับบ้านพร้อมพี่ไหมทางเดียวกัน ไปด้วยกันจะได้ประหยัดค่าน้ำมัน” ว่าพร้อมยักคิ้วกวน ๆ ให้ ถ้า อยู่กันสองต่อสองอย่าหวังว่าจะได้เห็นภาพนี้ เขาคงจะด่าฉันกลับ เหมือนทุกครั้งที่มีเรื่องทะเลาะกัน
“เชิญกลับไปคนเดียวเถอะค่ะ แล้วไม่กระดากปากเหรอที่ เรียกฉันว่าน้อง ปกติเห็นเรียกฉันว่ายัยนั่นยัยนี่ตลอดนี่นา เผย ธาตุแท้ออกมา หรือว่าอาย?” ฉันถือโอกาสตอบกลับคืนบ้าง ผู้ชายคนนี้เจ้าเล่ห์เพทุบาย ถ้ามีผู้ชายคนนี้เหลืออยู่คนเดียวบน โลก ฉันจะไม่มีทางเอามาทำพ่อพันธุ์แน่นอน
สีหน้านายฟีฟ่าเริ่มขรึมขึ้นทันตาเมื่อโดนยั่วโมโห นั่นไง ทําตัวเป็นคุณชายได้แค่ไม่กี่นาทีหรอก ผู้ร้ายก็คือผู้ร้ายวันยังค่ำ ไม่มีทางเป็นตำรวจได้หรอก
“เอ่อ…ฉันว่าเราดื่มกันดีกว่าไหม เรื่องอื่นเอาไว้ค่อยคุยกัน” โบ๊ทเห็นสถานการณ์ไม่ดีจึงเริ่มเปลี่ยนบรรยากาศให้ดีขึ้นโดย การชวนพวกเราดื่ม
“ดีเหมือนกันครับน้องโบ๊ท ว่าแต่ไม่ดื่มเหล้ากันเหรอเห็นจิบ
แต่ไวน์” เขาเปลี่ยนท่าที่หันไปสนทนากับ โบ๊ท เปลี่ยนอารมณ์เก๋ง
สงสัยคงจะทําบ่อยจนชินแล้วสินะ
“ดื่มสิคะ จิบรอเพื่อนเฉย ๆ ถ้าพี่ฟีฟ่าต้องการเดี่ยวโบ๊ทจัด ให้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ ขอเข้ม ๆ เลยนะพอดีว่าผมไม่ชอบดื่มอะไร อ่อน ๆ อย่างนี้หรอก” คนพูดปรายตามองมาที่ฉัน มีหรือที่คน อย่างขวัญข้าวจะยอมแพ้
“ใครอ่อนยะ”
“ถ้าไม่อ่อนน้องข้าวก็มาดวลกับพี่สิ
“นายกล้าท้าฉันเหรอ ไม่รู้จักลูกสาวเฮียป้อคอทองแดงซะ แล้ว” ป้อที่ว่าคือพ่อฉันเองค่ะ จัดจ้าน ในย่านนี้ก็พ่อฉันนี่ล่ะค่ะ “อีโบ๊ทขอเข้ม ๆ” ปากก็สั่งเพื่อนแต่สายตากลับจ้องมองไอ้ตัวดีที่ กล้าท้าทายฉัน
“คะ….ได้ จึงเอาจริงดีกว่าอย่าไปท้าพี่เขาเลยนะ ยังไงผู้หญิง อย่างเรา ๆ ก็สู้ไม่ไหวหรอก”
“ไม่ต้องมาเสือกมีหน้าที่ชงก็ชงไป ฉันหันขวับมามองแรง ใส่เพื่อนสาว นางยิ้มแหย ๆ เพราะรู้ดีว่าเวลาที่ฉันโมโหใครก็ ฉุดไม่อยู่
“ถ้างั้นฉันจัดให้!!”
หลังจากนั้น โบ๊ทก็ทำหน้าที่เป็นคนชงเหล้าให้ฉันกับเขา อย่างต่อเนื่อง แก้วแล้วแก้วเล่าแต่ทว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวกลับยังไม่ โผล่มาสักที
นานเข้าฉันก็รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบมันโคลงเคลง เห็นภาพ ไอ้คนข้าง ๆ แยกร่างได้จนต้องหลับตาแล้วสะบัดหน้าไปมาเพื่อ เรียกสติ
“ข้าวแกไหวไหมวะ” ฉันได้ยินเสียงโบ๊ทแล้วหันไปมองมัน อย่างช้า ๆ ทำไมศีรษะถึงได้หนักอย่างนี้ หนักมากจนฉันต้องฟลุ บลงที่โต๊ะก่อนจะได้เห็นหน้าเพื่อน ตอนนี้ฉันไม่สนว่าจะเป็นผู้แพ้ หรือชนะ อยากทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม ๆ ซะเหลือเกิน
“ฉ้านหวายยยย อาวมาอีกกก”
“เงยหน้า ให้มันได้ก่อนเถอะแล้วค่อยมาสะเออะพูด
“ในที่สุดจ้าน ชนะเธอยายบ้าเอ๊ย” ได้ยินเสียงเขาถนัดหูแต่ ไม่สามารถตอบกลับได้ ทำได้เพียงนอนก้มหน้าอยู่บนโต๊ะอย่าง หมดสภาพ
“พี่ฟีฟ่าชนะค่ะแต่ก็เละไม่ต่างกันเลยเฮ้อ อ้าว! ยัยน้ำมา พอดีเลยเมาแอ๋กันหมดแล้วเนี่ย” ตอนนี้ฉันทำได้เพียงนอนฟังเสียงเพื่อน ๆ คุยกันเท่านั้น
“โทษที่มาช้าไปหน่อย พอดีออกไปส่งพ่อกับแม่พี่ต้องที่หน้า
โรงแรม เอางี้ฉันจะพาอีข้าวขึ้นไปนอนบนห้อง ส่วนแกนั่งดื่มต่อ ละกันถ้าเมาค่อยตามไปนอนเป็นเพื่อนมัน
“ฉันนอนค้างไม่ได้อ่ะดิ พอดีนัดกับผู้ไว้”
“อีดอก! งานแต่งเพื่อนทั้งที่แกยังอุตส่าห์นัดผู้ชายนะยะ เอา แกกลับไปเลยก็ได้ ให้พี่ต้องกับพี่ฟีฟาดื่มต่อ
“โอเค ๆ งั้นฝากมันด้วยนะ”
“พี่ ๆ คะหนูขอตัวกลับก่อนนะพอดีมีนัดค่ะ”
นั่นคือบทสนทนาที่ฉันได้ยินก่อนที่จะพาขึ้นไปนอนบน ห้องที่มันเปิดไว้ให้โดยเฉพาะ
ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่นอนอยู่ในห้องแห่งนี้ แม้อากาศจะ เย็นสบายแต่กลับรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว นอนกระสับกระส่ายจน ต้องทยอยเปลื้องผ้าออกทีละชิ้นจนเหลือเพียงยกทรงและแพนตี้ที่ปกปิดของสงวนไว้ จากก็ขอตัวนอนผ้าห่มผืนสบายตัว
ปัง
เสียงแต่ไม่สามารถ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ยังคงควบคุมฉันนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น
น้ามน่านแกชายไหม
“หรือว่าเป็นอีโบ๊ท”
ไม่เสียงตอบกลับแต่ทว่าเสียงฝีเท้ากลับมาเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่านอนข้างยุบลง ผ้าห่มผืนหนา ถูกออกไปก่อนจะมีใครบางคนเข้าสวมกอดยังซุกใบหน้าคลอเคลียซอก
“กะ…แกทำบ้าอะไรอีโบ๊ทที่ฉันมั่นใจว่าเป็นเคราสาก ถูไถตามซอกนั่นเอง
น้องจอยของ
เมื่อได้ยินเสียงไม่คุ้นฉันก็พยายามหมุนเผชิญหน้า จากนั้นตาอย่างช้า ๆ แม้ภาพจะเลือนแต่พอเดาได้เป็นใคร
“ไอ้ฟีฟ่า!! อื้อ…”
เมื่อรู้ว่าเป็นเขาฉันจึงอ้าปากจะร้อง แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับโน้ม ใบหน้าเข้ามาประกบจูบอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว โอบกอดร่างฉันไว้ แล้วพลิกตัวให้นอนหงาย ขณะที่ริมฝีปากเรายังคงสัมผัสกัน
ฉันพยายามรวบรวมแรงที่มีดันตัวเขาออกแต่กลับถูกตรึง แขนไว้บนเตียง แรงหญิงหรือจะสู้แรงชาย ยิ่งอยู่ในอาการ เมามายเช่นนี้มีแต่เสียกับเสีย
เมื่อแขนแรงไม่ได้ฉันก็เปลี่ยนไปใช้ขาแต่ผลลัพธ์ก็ยังเป็น เหมือนเดิม อีกฝ่ายพยายามกำราบฉันด้วยการบดจูบที่หนัก หน่วง ตักตวงลมหายใจอย่างไม่หยุดหย่อน กลิ่นแอลกอฮอล์ จากเราทั้งคู่คละคลุ้งไปทั่ว มือหนาที่ตรึงข้อมือฉันไว้ค่อย ๆ คลายออกแล้วเลื้อยขึ้นไปประสานนิ้ว
“อื้อ…
เมื่อโดนเล้าโลมอย่างหนักหน่วงความรู้สึกของฉันก็แปลก
ไป จากตอนแรกที่พยายามดิ้นรนขัดขืนแต่ตอนนี้กลับรู้สึกร้อน
รุ่มอย่างบอกไม่ถูก ความกระสันเสียวเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณู
เนื้อ ส่วนล่วงที่เคยแห้งผากเริ่มเปียกชื้นไปด้วยของเหลวเหนียว
มันหลั่งไหลออกมาจนแพนตี้ตัวจิ๋วแฉะ
ทำไมเขาถึงเก่งเรื่องอย่างว่าขนาดนี้นะ…ให้ตายเถอะ! เนินอกที่ถูกบดเบียดด้วยแผงอกแกร่ง เริ่มแข็งเป็นไตจนอยากจะยกมือขึ้นไปบีบเคล้นหนัก ๆ ให้หายจากอาการนี้ ในช่วง เวลานั้นเขาพยายามส่งปลายลิ้นเข้ามาในโพรงปาก แต่ฉัน พยายามเม้มปากไว้แน่น เมื่อมือหนาเริ่มเลื้อยลงมาสัมผัสที่ส่วน ล่าง ทําให้รู้สึกเสียวซ่านจนต้องรีบเปิดปาก โดยเร็ว
“อ๊ะ…อื้อ…”
แกต้องพยายามห้ามเขาให้ได้นะขวัญข้าว พยายามหาทาง
ให้เขาหยุด…
อ๊ะ! นั่นเขาจะทําอะไร เอาอะไรมาให้ฉันจับงั้นเหรอ ทำไมมัน คล้ายกับสากกะเบืออย่างนี้ ทำไมส่วนปลายมันถึงได้แฉะอย่างนี้ มันกระดกได้ มันมีชีวิต หรือว่าจะเป็น….
“พี่รักจอยนะครับคืนนี้มาสนุกกันนะ” เขากระซิบเบา ๆ ข้าง หูจากนั้นพลิกตัวฉันให้นอนคว่ำอย่างง่ายดายราวกับเป็นแค่ ตุ๊กตายางตัวหนึ่งเท่านั้นเอง
ไอ้บ้า! กูไม่ใช่อีจอยยยยย!!!
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ