บทที่ 2 : คำพิพากษา
บทที่ 2
ร่างบางได้สติหลังจากถูกทำให้สลบไปเนิ่นนาน…
เธอรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว หากแต่ความเจ็บปวดไม่อาจทำให้ตื่นตกใจ ได้เท่ากับสภาพที่เป็นอยู่ในขณะนี้ แก้วกัลยารู้สึกว่าตัวเองอยู่บนพาหนะ อะไรสักอย่างที่กำลังเคลื่อนที่ ฟังจากเสียงแล้วมันน่าจะเป็นรถยนต์ เธอ รู้สึกร้อน อึดอัด เหมือนกำลังนอนอยู่ในที่แคบๆ สองมือของเธอถูกจับมัด ไพล่หลังทำให้ไม่อาจใช้มันคลาสํารวจสภาพโดยรอบได้
ความหวาดกลัวซึมซาบในอก…
หญิงสาวตระหนักแล้วว่าเธอคงถูกใครบางคนลักพาตัวมาขณะที่กำลัง ร้องไห้อยู่หน้าเจดีย์เก็บอัฐิของนาฏณิชา
‘ฆาตกร…!
เสียงเย็นเยียบของใครบางคนยังคงดังหลอกหลอนในหู มันทำให้เธอ ขวัญผวา ในตอนนั้นเธอรู้เพียงว่าต้องหนี หากแต่ยังไม่ทันจะออกวิ่ง ร่างทั้ง ร่างก็ปะทะเข้ากับความแข็งแกร่งดุจภูผา เธอล้มลงไปกองกับพื้นทันที และ ก่อนที่สติของเธอจะดับวูบเพราะถูกโปะด้วยกลิ่นหวานๆ เสียงกระซิบของ ซาตานก็ดังเล็ดลอดเข้ามาในโสตประสาท
ฉันทนไม่ได้ ฉันทนเห็นคนที่ทำให้ตาย ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไม่
ได้!
นั่นหมายถึงนาฏณิชาหรือ?
รถเริ่มชะลอความเร็วลง ก่อนที่มันจะหยุดนิ่ง เสียงเครื่องยนต์เงียบไป แล้ว ตอนนี้เธอคงเดินทางมาถึงที่หมายที่พวกคนชั่วต้องการจับเธอมา มี เสียงดังกึกเบาๆ แล้วที่นอนแคบๆของเธอก็ถูกเปิดออก แก้วกัลยาสูดเอา อากาศหายใจเข้าไปเต็มปอดหลังจากถูกขังไว้เนิ่นนาน
เสียงซ่าๆดังแว่วมาพร้อมกับกลิ่นเค็มๆลอยปะทะจมูก หญิงสาวจำมันได้ แม้จะเคยมาแค่ครั้งเดียวในชีวิต แต่นั่นเป็นความทรงจำที่เด็กตาบอดผู้ซึ่ง ไม่ค่อยได้รับอนุญาตให้ออกไปเที่ยวที่ไหนจำได้ไม่ลืม เสียงแบ กลิ่น แบบนี้ ที่นี่คงจะเป็นทะเลที่ไหนซักที
“คุณภาคว่ายังไงบ้าง
“คุณเขาบอกว่าเตรียมเรือไว้ให้แล้ว พาขึ้นเรือได้เลย เรือจอดอยู่ที่ท่า
เสียงบทสนทนาของผู้ชายสองคนดังกระทบโสตประสาทอันตื่นกลัว แก้วกัลยารู้ชัดแล้วว่านี่ยังไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่แท้จริง เธอยังต้อง โดยสารเรือต่อไปอีก ความหวังที่จะหนีริบหรี่ลงเรื่อยๆ ร่างบางน้ำตาไหล พราก แค่คิดถึงชะตากรรมอันน่าอดสู่ภายภาคหน้าก็ทำให้เจ็บช้ำจนอยาก ตายไปเสียตรงนี้
“ชะ ช่วยด้วย!!!!!!!!!!” หญิงสาวรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายตะโกนออก มา หวังจะให้ใครสักคนที่อาจจะบังเอิญผ่านมาได้
แต่นั่นคงเป็นแค่ฝัน…
ไม่มีใครผ่านมาได้ยินเสียงของเธอ และคนร้ายเองก็คงมั่นใจเช่นนั้น พวกมันไม่แม้แต่จะหาอะไรปิดปากทำให้เธอเงียบด้วยซ้ำ มือคู่หนึ่งสอด เข้ามาใต้ตัวเธอ หญิงสาวผวาตกใจ ได้แต่กรีดร้องพลางสะบัดตัวสุดแรง แต่แขนแข็งแกร่งคู่นั้นกลับไม่สะเทือนเลย
“ไม่! แก้วไม่ไป ปล่อย!!! ช่วยด้วย!!!” เธอยังคงพยายามร้องขอความ ช่วยเหลือเพราะไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่านี้ ความรู้สึกนี้มันคล้ายกับวัน นั้น… วันที่เธอเกือบจะถูกรุมข่มขืน มันน่ากลัว ทุกสัมผัสยังคงตราตรึง เสียงหัวเราะน่าขยะแขยงยังคงดังก้อง แต่ทว่าเธอมองไม่เห็น เธอ จินตนาการไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใครที่พยายามจะทำร้ายเธอ
“ปล่อยนะ! ปล่อยแก้ว ปล่อย!!!! ฮือออ”
คนร้ายไม่ได้ฟังค่าของเธอ มันอุ้มเธอไปตามเส้นทางที่เหมือนจะไม่มีวัน สิ้นสุด แก้วกัลยาหมดแรงจะดิ้น เธอไม่เหลือกะจิตกะใจจะร้องขอความ ช่วยเหลือแล้ว ที่ทำได้มีแต่อ้อนวอน ร้องขอความเมตตาที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มี
“อีก ปล่อยแก้วเถอะ นะคะ แก้วขอร้อง แก้วไม่มีอะไรจะให้คุณหรอก
เมตตาแก้วเถอะนะคะ ฮือ”
ร่างแบบบางถูกวางลงบนอะไรสักอย่างที่ลอยกระเพื่อม ให้ความรู้สึก คล้ายกำลังลอยอยู่บนผืนน้ำ เธอเดาว่ามันน่าจะเป็นเรือ เรือที่จะนำเธอไป ยังสถานที่ที่ไร้ซึ่งอิสรภาพ เรือที่จะพรากความฝัน ความหวังทุกอย่างไป จากเธอ หญิงสาวนอนขดตัวอยู่บนพื้นแคบๆ ได้แต่นอนร้องไห้ปล่อยให้ น้ำตาไหลอาบแก้ม
“ท่านบอกให้ไปถึงก่อนเที่ยงคืน” เสียงสนทนาดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับ เสียงเครื่องยนต์ของเรือโดยสาร
“ท่านจะเอาตัวเด็กนี้ไปทำไมวะ
“ข้าจะไปรู้เรอะ แต่เห็นเขาลือกันว่าแม่ไปทำลูกกับเมียท่านตาย
“คุณณิน่ะนะ!”
เสียงหนึ่งดูตกใจ เธอไม่รู้ว่าชายทั้งสองคนกำลังทำสีหน้าแบบไหน แต่ บรรยากาศเงียบกริบก็ทำให้พอเดาได้ว่าคนทั้งคู่คงกำลังจมอยู่กับความ คิดของตัวเอง และจากบทสนทนาเมื่อครู่ทำให้หญิงพอจะปะติดปะต่อเรื่อง ราวได้ คนที่สั่งให้ลักพาตัวเธอมา… คือสามีของนาฏณิชา
“คุณณิตายเพราะเด็กคนนี้จริงๆเหรอ” น้ำเสียงนั้นดูเศร้าโศก นาฏณิชา คงเป็นที่รักสำหรับคนทั้งคู่ และเธอคนนั้นก็คงเป็นที่รักสำหรับทุกคน
“แก้วขอโทษค่ะ…” ร่างบางเอ่ยเสียงพร่า ความรู้สึกตื่นตระหนกแปร เปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิด
“เงียบไปเถอะ” เจ้าของเสียงเดิมว่า “เอ็งก็แค่คนตาบอด คงไม่ได้ตั้งใจ
แต่นายท่านคงไม่ได้คิดแบบนั้น
นายท่าน ที่ชายคนนี้พูดถึงคงเป็นสามีของนาฏณิชา แก้วกัลยาไม่เคย พบชายผู้นี้มาก่อน เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน แต่การที่เธอถูกจับตัวมา อยู่ที่นี่ก็แสดงว่าเขาไม่ใช่คนดีนัก แต่เธอไม่โทษเขาหรอก… เธอทำให้เขา เสียเมีย เสียลูกที่ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลก เขาคงเหมือนถูกฆ่าให้ตายทั้ง เป็น ชีวิตที่เหมือนตายทั้งเป็น ไม่มีใครรู้จักมันดีเท่ากับเธออีกแล้ว
แค่หายใจก็ยังรู้สึกเจ็บ
แค่มีลมหายใจก็รู้สึกผิด
ทำไมต้องเป็นเธอที่รอด?
หญิงสาวปล่อยให้ความคิดดำดิ่ง มีทางไหนไหมที่จะชดใช้ให้เขา? หรือ บางทีการมีชีวิตอยู่ของเธออาจเป็นเหมือนแผลเป็นที่ฝังลึกในจิตใจของ ผู้ชายคนนั้น แก้วกัลยาหลับตาลง… เหนื่อยเหลือเกินกับการมีชีวิตอยู่ภาย ใต้ความรู้สึกผิดเช่นนี้ เธอจะขอชดใช้ แม้อาจมีค่าไม่เทียบเท่า แต่จะขอ ชดใช้มันด้วยชีวิตของเธอ
ร่างบางขยับตัวชิดขอบเรือ หยดน้ำที่สาดกระเซ็นทำให้เธอรู้ว่านี่คงเป็น ส่วนที่อยู่ใกล้น้ำทะเลมากที่สุดของเรือยนต์ล่านี้ เธอค่อยๆยืนขึ้นช้าๆ ไม่มี เสียงร้องห้ามใดๆ แสดงว่าคนร้ายทั้งสองไม่ทันสังเกตเห็น หญิงสาวปล่อย ให้น้ำตาหยดสุดท้ายไหลรินออกมา ก่อนจะทิ้งตัวลงสู่ผืนน้ำอันมืดมิด
ตู้ม!
ความเย็นเยียบของผิวน้ำดูดกลืนสติเธอจนเกือบหมด น้ำทะเลปริมาณ มากไหลทะลักเข้าปากเข้าจมูก ปิดทางหายใจจนเธอแทบขาดใจตาย
แบบนี้น่ะดีแล้ว…
โซ่ตรวนแห่งความผิดบาปของเธอกำลังถูกปลดเปลื้อง ชะตาชีวิตของ เธอกำลังกลับสู่แบบที่มันควรจะเป็น เธอกำลังจะตาย ทั้งๆ ที่ควรจะตาย เมื่อนานมาแล้ว
ตู้ม!
เสียงผิวน้ำถูกกระแทกดังเข้ามาในห้วงสติที่กำลังจะมีดคับ มือของใครบางคนคว้าเอวเธอไว้ ลากเธอให้กลับสู่โลกแห่งความ โหดร้ายอีกครั้ง
ไม่…
อย่า…
ได้โปรด…
ให้ฉันตายเถอะ
ความรู้สึกเย็นๆกับสัมผัสที่ไม่แรงไม่เบา คล้ายมีใครกำลังเอาผ้าชุบน้ำ เช็ตที่
ใบหน้า ปลุกให้ร่างบางคืนสติ มือเล็กเอื้อมจับมือของใครบางคนที่ กำลังวุ่นวายอยู่กับหน้าของเธอ เจ้าของมือปริศนาหยุดขยับแทบจะในทันที
“คุณภาคคะ เธอฟื้นแล้วค่ะ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งตั้งอยู่ข้างๆ ดูเหมือนว่า
เธอจะหันไปพูดกับใครอีกคนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก
“โล่งอกไปที” คราวนี้เป็นเสียงของผู้ชายที่ดังพร้อมกับเสียงถอนหายใจ เฮือกใหญ่ “หาข้าวหาปลาให้เธอกินก่อนนะครับ ผมจะไปตามคุณยักษ์
แก้วกัลยาได้ยินเสียงประตูเปิดออก คาดว่าผู้ชายคนนั้นคงกำลังไปตาม ใครบางคน หญิงสาวดึงความสนใจกลับมาที่ตัวเอง
เธอถูกช่วยเอาไว้…
“ทำไมไม่ปล่อยให้แก้วตาย…” เสียงแผ่วเบาเอ่ย พร้อมๆกับความรู้สึก อัดอั้นถูกระบายออกมาเป็นหยดน้ำใสๆที่เอ่อล้นดวงตาไร้แววคู่นั้น
“ช่วยแก้วไว้ทำไม!?!”
บุหงา” หญิงสาวผู้ทำหน้าที่ดูแลนักโทษคนสำคัญของเจ้านายชักสีหน้า รู้สึกไม่ชอบใจเด็กตาบอดคนนี้ขึ้นมาทันที ขอบคุณสักค่ยังไม่มี แถมยัง กล่าวโทษราวกับว่าการที่ช่วยชีวิตไร้ค่านี้ไว้เป็นความผิดเสียอย่างนั้น
“ฉันก็ไม่ได้อยากจะช่วยหรอกนะถ้าคุณยักษ์เธอไม่สั่งไว้” เสียงเย็นชาต อบ พร้อมๆกับเจ้าตัวหยัดตัวขึ้น เตรียมไปจัดหาอาหารตามที่คุณเลขาสั่ง
ร่างบางสะดุดหูตรงชื่อที่ถูกเอ่ยออกมา
คุณยักษ์?
“อีก แก้วไม่อยากอยู่แล้ว”
“คนที่จะตัดสินว่าเธอจะอยู่หรือตายคือคุณยักษ์ เธอไม่มีสิทธิ์เลือก” แม่ บ้านสาวว่า ตอกย้ำความรู้สึกต่ำต้อยของเธอ ตอนนี้เธอคงไร้ค่าขนาดที่ว่า ไม่อาจกําหนดชะตาชีวิตของตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว เธอจะอยู่หรือตาย… ขึ้นอยู่กับ คุณยักษ์ ผู้ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าเขาคือใคร
“ถ้าจะตายก็อย่าลากคนอื่นเค้าไปช่วยด้วยสิ รู้มั้ยว่าถ้าเมื่อคืนเธอเกิด ตายขึ้นมา ตัวฉันที่เป็นคนไปรับเธอก็คงต้องตายด้วย ทีหลังทำอะไรก็หัด คิดบ้างนะ เธอรออยู่เฉยๆ นี่แหละ ฉันจะไปเอาข้าวมาให้
แม่บ้านทิ้งท้ายก่อนจะออกจากห้องไป ทิ้งให้เธอตื่นตะลึงกับประโยค นั้น… ถ้าสามีของผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ไปลักพาตัวเธอมา นั่นหมายความ ว่าตอนนี้เธอก็ยังคงอยู่กับพวกคนร้าย คนที่ช่วยเธอไว้คือคนร้ายอย่างนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นคุณยักษ์ นั่นก็คง…
ความกลัวทำให้ร่างเล็กสั่นไปทั้งตัว เธออยากจะหนีจากเขา หนีจาก ชะตากรรมอันแสนโหดร้ายที่เขาผู้นั้นกำลังจะมอบให้ เธอจึงตัดสินใจฆ่า ตัวตาย แต่ยักษ์ร้ายตนนั้น… ไม่อนุญาตให้เธอทำ
เขาไม่อนุญาตแม้จะให้เธอตายด้วยซ้ำ
แก้วกัลยายกมือปิดหน้าร้องไห้จนตัวโยน
กึก!
หากแต่มือข้างหนึ่งของเธอกลับถูกรั้งไว้ หญิงสาวตกใจ ยกมือข้างที่เป็น อิสระคลำดูก็พบว่ามืออีกข้างถูกล่ามด้วยกุญแจมือ เธอพยายามดึงมันออก
เคร้งๆ
เสียงโลหะกระทบกันพร้อมกับความรู้สึกแสบถึงที่ผิวยืนยันแล้วว่าเธอ ไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการนี้ได้ เขาคงกลัวว่าเธอจะหนี ไม่ว่าจะหนีจาก สถานที่นี้หรือหนีไปโลกหน้าก็ตาม ตอนนี้แก้วกัลยาไม่อาจทำได้สักอย่าง ใจร้าย… เขาใจร้ายและเลือดเย็นเหลือเกิน
เสียงประตูเปิดขึ้นอีกครั้ง ร่างบางที่ทรุดตัวนั่งคุดคู้อยู่บนเตียงเข้าใจว่า แม่บ้านคนเดิมคงเอาอาหารมาให้
“แก้วไม่หิว เอากลับไปเถอะค่ะ” เสียงเล็กเอ่ยบอก เธอไม่มีความอาหาร เลยสักนิด และหากจะให้อยู่เยี่ยงนักโทษเช่นนี้ เธอขออดตายไปเลยยังจะ ดีกว่า
ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา…
แก้วกัลยาได้ยินเพียงเสียงล็อกลูกบิด จากนั้นก็มีเสียงเก้าอี้ถูกลากมา ใกล้ๆ หญิงสาวขวัญผวาขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เธอตัวสั่นเหมือนลูก นก บดเบียดตัวเองไปจนชิดติดหัวเตียงราวกับรู้ว่าอันตรายกำลังจะมา เยือน
“แล้วคิดเหรอว่าฉันจะให้เธอกิน?”
ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก
เสียงแบบนี้…
“ฆาตกรอย่างเธอนะ ไม่กินอะไรซักวันสองวันคงไม่ตายหรอก
น้ำเสียงของเขา เยียบเย็น เย้ยหยัน… ราวกับต้องการจะเหยียดหยาม คนทั้งโลก แก้วกัลยาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
“คะ คุณเป็นใคร” เอ่ยถามออกไปทั้งที่ในใจมีคำตอบอยู่แล้ว
ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้กระต่ายตัวน้อยที่ท่าทางดูหวาดกลัวเขาเหลือเกิน ดวงตาไร้แววของเธอมองสะเปะสะปะไปทั่ว แต่เชื่อเถอะว่าเธอจะต้อง ขอบคุณที่ตัวเองมองไม่เห็นเขาตอนนี้ มิเช่นนั้นเจ้าตัวอาจจะหัวใจวายตาย ไปก่อนที่เขาจะแก้แค้นสำเร็จเสียด้วยซ้ำ
“อ้อ มองไม่เห็นสินะ แต่เธอคงจำฉันได้ ฉันคือคนที่เธอพรากทุกอย่างไป
“สามีของคุณนาฏณิชา…” เสียงเล็กเอ่ยแผ่วเบา ริมฝีปากสั่นระริก…
เขาเป็นคนที่สั่งให้จับตัวเธอมา ชายผู้กุมชะตากรรมของเธอไว้
ยักษ์
ดวงตาร้ายกาจสลดวูบยามได้ยินชื่อของอดีตคนรัก นาฏณิชาคือความ เจ็บปวดที่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจลืมเลือนได้ แผลใจที่คิดว่าผ่านไป หลายเดือนแล้วอาจจะดีขึ้นกลับกลัดหนองขึ้นมาอีกครั้งยามที่ได้เห็นตัวต้น เหตุที่ทำลายชีวิตรักของเขาจนพังไม่เป็นท่า
เลือดในกายพลันพุ่งพล่าน มันผลักให้อสุราหนุ่มย่างเท้าก้าวไปหาเหยื่อ อันโอชะที่นั่งตัวสั่นเทาหดสืบอยู่อีกฟากของเตียงเก่าๆ
“รู้มั้ยว่าฉันกำลังจะแต่งงานกับ” น้ำเสียงของเขาดูคุกคามดุร้ายยิ่ง กว่าเก่า ยิ่งทำให้แก้วกัลยาหวาดกลัว หยดน้ำเล็กๆตื้นขึ้นมาคล้ายจะบอก ว่าเธอไม่อาจทนแรงกดดันจากชายตรงหน้าได้มากไปกว่านี้แล้ว “เรากำลังจะมีลูกด้วยกัน” แต่ยักษ์หนุ่มไม่หยุด มือหนาจับไหล่บางที่สั่น
สะท้านพร้อมกับบีบจนมันแทบแหลกสลายคามือ
“แล้วเธอเป็นใคร? เธอเป็นใครถึงได้กล้ามาพรากเค้าไปจากฉัน!!!!!!!!
“แก้ว… ขอโทษ…
เงียบ!!!!!!!!!!” เสียงดุดันตวาดกร้าวคล้ายอสนีบาต “ฉันไม่อยากฟัง คําแก้ตัวจากฆาตกรอย่างเธอ
ราพณ์กําลังสับสน…
ก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามาในห้องนี้ ในหัวของเขามีแผนแก้แค้นเธอ มากมายเหลือเกิน แต่เมื่อได้เผชิญหน้ากันแล้ว อสูรร้ายกลับพบว่า แผนการแก้แค้นของเขามันไม่สาสมกับสิ่งที่เธอพรากจากเขาไปเลยสักนิด
หัวใจของเขาบาดเจ็บแสนสาหัส
เขาอยากให้เธอเจ็บปวดกับการสูญเสียคนที่รัก แต่แก้วกัลยาไม่มีคนรัก จากข้อมูลที่ได้รับ ผู้หญิงคนนี้ถูกรับอุปการะที่บ้านเด็กกำพร้าตอนเก้าขวบ เธอตาบอด มิหนําซ้ำความทรงจำยังขาดหาย เธอจำอะไรไม่ได้ ไม่รู้ว่าตัว เองเป็นใครเสียด้วยซ้ำ
ผู้หญิงคนนี้…
ไม่มีอะไรเลย
หยดน้ำใสๆร่วงเผาะจากดวงตากลมโต มองดูคล้ายนางฟ้าแสนสวย กำลังร้องไห้ เธอช่างบอบบาง อ่อนแอ คล้ายกับเธอคนนั้น ภาพตรงหน้า ทำให้ราพณ์นึกถึงคนรักผู้ล่วงลับ นาฏณิชาเองก็เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เธอบอบบาง น่าทะนุถนอม หากแต่ก็มีจิตใจที่เข้มแข็ง ไม่หวาด กลัวต่อความร้ายกาจของเขา เธอกุมหัวใจด้านชาของเขาไว้ครอบครอง มันเอาไว้ด้วยหัวใจอันแสนบริสุทธิ์
ความปวดร้าวกําลังช่วงชิงลมหายใจของเขา ดวงตาสีนิลกาฬกลับมา ดุร้ายดังเดิม ร่างสูงมองดูนักโทษตาบอดของตัวเองด้วยสายตาชิงชัง เคียดแค้น
เธอจะต้องสูญเสียบ้าง แต่เธอไม่มีอะไรเลย…
เธออะไรพอจะให้เขาพรากมันไป
แต่อย่างไรเล่าถ้าเธอไม่เขาแค่ สร้าง มันขึ้นมา ราพณ์คิด ก่อนจะยืนเต็มความ
* เขาเสียงเรียบ ทว่าถอด
“อีก…
ฉันบอกให้ถอดถอดเสื้อผ้าของเธอ”
ถอดออกมาเธอ ฉันไม่ได้ยิน
คำสั่งคล้ายค่าประหาร แก้วกัลยาตาเบิกโพลง ไม่ทำตามเขา สั่ง มิหนํากลับกอดตัวเองส่งร้องไห้อย่างน่าเวทนา หากแต่คนเย็นชาไร้หัวจิตหัวใจอย่างราพณ์ เธอคุกเข่าก้มกราบแทบเท้า เขา มันไม่ทำให้เกิดความสงสารเลยนิด มือกร้านจัดการ กระชากร่างบอบบางเข้าหาตัว
คุณจะทําอะไร… กรี๊ดดดดดดดดด
แควก!
เสื้อผ้าของเธอถูกฉีกขาดออกจากกันจากกระชากเพียงครั้งเดียว ที่ถูกพันธนาการพลอยเจ็บ…
“แล้วมีโอกาสร้องขอชีวิตแบบนี้รึเปล่า?” ยักษร้ายเอ่ยเสียงเย็นเยียบ
“ฉันถาม!?!!!!”
“อีก… คุณยักษ์ ได้โปรด…
“เธอจะไม่มีวันได้รับความเมตตาใดๆจากฉัน
และเขาก็ทําตามคำพูดนั้นได้อย่างไม่มีบิดพลิ้ว
แควก!
“กรี๊ดดดดดดดด!!!!!
สัมผัสหยาบโลนไร้ความปรานีกระทำย่ำยีราวกับเธอมิใช่มนุษย์ ความ โกรธ ความแค้นของเขาถูกถ่ายทอดออกมาอย่างหมดจด ทั้งทางวาจาและ การกระทํา ดอกแก้วกัลยาดอกน้อยถูกอสูรร้ายรังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่า….
ไร้ทางหนี
ไร้ความหวัง
ไร้ซึ่งหนทางต่อกร
“อยากออกไปจากที่นี่เหรอ? งั้นก็รีบท้องซะสิ แล้วฉันจะได้พรากลูกของ เธอไปบ้าง เธอจะได้รู้สึกทรมาน เหมือนกับที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้!!!”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ