บทที่ 10
เช้าวันใหม่ที่สดใสแต่ทว่าสองชีวิตที่อยู่ในเรือนไม้ท้ายไร่กลับ อยู่ในอุณหภูมิที่ตึงเครียด แม้ว่าตอนนี้ทั้งคู่จะนั่งทานข้าวร่วม โต๊ะ แต่ทว่ากลับมีเพียงความเงียบงัน เมนูอาหารที่วางอยู่พร่อง ไปเกือบหมดจาน แต่ทว่าล้วนมาจากฝีมือของภาคิน สําหรับน้ำ เหนือแล้วเขากลับทานแทบไม่ลง
“กินเท่าแมวดเดียวก็ได้เป็นลมเป็นแล้งหรอก” ภาคินซ้อน ตามองคนที่นั่งตรงหน้า ค่าต่อว่าแฝงด้วยความเป็นห่วง
“จะเป็นอะไรมันก็เรื่องของผม ไม่ต้องมาแสร้งเป็นห่วงกัน หรอก” กล่าวแล้วยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้หลัง จากนั้น
“จะไปไหน”
“ก็ไปทํางานน่ะสิ”
“ไม่ต้องไปวันนี้อยู่กับพี่
“ใครบอกว่าพี่จะได้อยู่บ้าน พี่เองก็ต้องไปทำงานเหมือนกัน ถ้าอยากจะอยู่ในไร่นี้ต่อก็ต้องไปทำงาน ไม่ใช่มานั่งกินนอนกินไปวัน ๆ
“พี่ไม่ไปใครจะทำไมหะ!! ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเผชิญหน้า ทำ สีหน้ายียวนกวนประสาทยั่วยุให้อีกฝ่ายอารมณ์เสีย
“ไม่ไปก็แล้วแต่พี่ แต่ผมจะไปทำงาน” กล่าวจบก็เดินออก
จากครัว ไม่สนว่าเขาจะกล่าวอะไรหลังจากนั้น
ภาคินเดินตามหลังไปติด ๆ ตั้งแขนเรียวไว้ก่อนที่น้ำเหนือจะ ออกจากบ้านไปเสียก่อน
“เดี๋ยว! ห้ามไปไหนทั้งนั้น
“ผมไม่ใช่พวกขี้เกียจสันหลังยาวเหมือนอย่างพี่ ปล่อยเดี่ยว นี้!” คนพูดชักสีหน้า ใส่เขา พยายามสะบัดแขนให้เป็นอิสระ แต่ ยิ่งขัดขืนเขายิ่งบีบแรงจนรู้สึกเจ็บ
“ถ้านายไปแล้วใครจะเป็นคนทำกับข้าวให้กินล่ะ
“มีมือมีตีนก็ทํากินเองสิครับ ไม่ได้พิการสักหน่อย
“ปากเก่งขึ้นนะเราสงสัยจะต้องกำราบกันบ้างแล้ว” ภาคิน เริ่มหงุดหงิดที่โดนขัดใจ กำลังจะลากตัวน้ำเหนือเข้าไปในบ้าน แต่ทว่าในเวลานั้นกลับได้ยินเสียงรถเครื่องดังแว่วมาใกล้เรื่อย ៗ
เมื่อหันไปมองก็เจอกับคนแปลกหน้า กำลังขับรถมอเตอร์ ไซต์คันเก่า ๆ ตรงมาที่หน้าบ้าน เขาคนนั้นคือ “ธนา ผู้จัดการไร่ สุดหล่อพ่วงดีกรีเป็นพี่รหัสของน้ำเหนือ เมื่อครั้งยังเรียนใน มหาวิทยาลัย ถูกชักชวนเข้ามาทำงาน โดยน้ำเหนือเมื่อหกเดือนก่อนนั่นเอง
“อ้าว! พี่ธนามาทําอะไรที่นี่ครับ” น้ำเหนือสลัดแขนภาคนจน เป็นอิสระ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหารุ่นพี่
“พี่มารับเหนือไปทำงานนะ เมื่อเช้าเข้าไปหาที่บ้านพ่อเลี้ยง บอกว่าเหนือย้ายมาอยู่ที่นี่แล้ว” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้า หล่อคมผิวสีแทน สวมเสื้อลายสก็อตตามฉบับหนุ่มชาวไร่ เอ่ย ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มราวกับสนิทสนมกับน้ำเหนือไม่น้อย
ภาคนยืนจ้องหน้าผู้มาใหม่ด้วยแววตาที่แข็งกร้าว บ่งบอก ว่าไม่พอใจที่อีกฝ่ายมาหยามกันถึงที่ เมื่อเห็นท่าทีสนิทสนมของ คนทั้งสอง ซึ่งไม่วางใจขึ้นไปอีก
“ผมกำลังจะเข้าไร่พอดีเลยครับ” น้ำเหนือยิ้มรับ
“ใครอนุญาต!” น้ำเสียงแข็งกระด้างดังขึ้นทำลาย บรรยากาศ นั่นทำให้ธนาหันขวับไปมองทันที เขาเอาแต่สนใจ มองรุ่นน้องจนลืมไปเลยว่ามีใครบางคนอยู่ที่นี่ด้วย
“สวัสดีครับคุณภาคิน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ธนาเอ่ย ทักทายราวกับรู้จักกันมาก่อน นั่นเพราะช่วงที่เข้าไปหาน้ำเหนือที่ บ้าน เขาได้เจอกับพ่อเลี้ยง โอภาสและได้ฝากฝังลูกชายให้ไป ทํางานในไร่ด้วยนั่นเอง
“ฉันจำได้ว่าไม่เคยรู้จักนายมาก่อน
“ผมชื่อธนา เป็นผู้จัดการไร่มาได้เกือบครึ่งปีแล้ว ที่ผมรู้จัก ชื่อคุณภาคิน เพราะเมื่อครู่พ่อเลี้ยงท่านได้ฝากให้ผมดูแลคุณยังไงล่ะครับ”
“ท่าทางคุณคงจะสนิทสนมกับเหนือมากสินะ ถึงได้มารับกัน ถึงที่นี่
สีหน้าและแววตาของคนพูด สื่อให้เห็นชัดเจนว่ากำลังไม่ พอใจที่ตนมารับน้ำเหนือ นั่นทำให้ผู้มาใหม่เองก็เริ่มไม่ชอบ หน้าลูกชายเจ้าของไร่เฉกเช่นเดียวกัน
“ใช่ครับสนิทมาก สนิทตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว เพราะ เหนือเป็นน้องรหัสผมไงครับ” ธนาตอบกลับด้วยการประชด ประชัน นั่นเพราะเจ้าตัวเองก็คิดเกินเลยกว่าการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง มานานแล้ว ยิ่งได้มาทำงานด้วยกันความปรารถนาในตัวน้ำ เหนือยิ่งมากขึ้นไปอีก
“อ้อ…อย่างนี้นี่เอง วันหลังไม่ต้องมารับแล้วนะครับ เหนือจะ ออกไปทํางานพร้อมกับผม” ภาคินไม่แน่ใจว่าธนาคิดอย่างไรกับ คนของตน แต่ด้วยความสนิทสนมของคนทั้งสอง ทำให้เจ้าตัวไม่ ไว้ใจเลยสักนิด กลัวว่าน้ำเหนือจะปันใจให้ชายคนอื่นจริง ๆ ใน ช่วงเวลาที่เขาทำตัวร้ายกาจใส่อย่างนี้
“แต่ผมไม่ได้นําบากอะไรเลยสักนิด ปกติก็ไปรับไปส่งเหนือ ทุกวันอยู่แล้ว” ธนามองตาเดียวก็รู้ว่าลูกชายเจ้าของไร่ไม่ ชอบใจที่เขามารับน้ำเหนือถึงที่นี่
“ผมจะให้พี่ธนามารับ พี่คนไม่อยากไปทำงานอยู่แล้วไม่ใช่ เหรอครับ นั่งกินนอนกินอยู่ที่นี่ไปเถอะ” กล่าวจบก็เดินไปนั่งซ้อน ท้ายรุ่นพี่ “ไปเถอะครับพี่ธนา
“ลงมาเดี๋ยวนี้นะเหนือ!” เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมเชื่อฟัง ภาคิน เลือดขึ้นหน้าทันที ยืนกำหมัดแน่นจนสั่น เขาอยากจะกระชากตัว น้ำเหนือลงมาสําเร็จโทษต่อหน้าไอ้ผู้ชายคนนั้นเหลือเกิน
“ผมไปแล้วนะครับ ถ้าคุณภาคินพร้อมจะทำงานตามเข้าไป ในไร่นะครับ” ธนาเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะออกรถไปทันที น้ำเหนือไม่ แม้แต่จะหันกลับมามองหน้าชายผู้เป็นที่รัก แถมยังกอดเอวธนา แน่น ราวกับต้องการทำให้ภาคนเห็นว่าเขาและผู้จัดการไร่สนิท สนมกันมากแค่ไหน
“โธ่โว้ย!” เมื่อถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง ภาคินก็โมโหจัดจนไปลง ที่กระถางต้นไม้หน้าบ้าน เขาถีบมันล้มระเนระนาดไปหลาย กระถาง จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อเปลี่ยนชุดตามหลัง คนทั้งสองไป
ธนาขับรถพารุ่นน้องมาถึงสำนักงาน ซึ่งออกแบบสร้างเป็น บังกะโลชั้นเดียวสไตล์รีสอร์ต ประกอบด้วยสำนักงานและห้อง ประชุมตั้งอยู่กึ่งกลางไร่ ในทุกเช้าธนาจะเรียกหัวหน้าคนงานมา ประชุมก่อนเริ่มงาน เพื่อให้ทราบแผนการเก็บเกี่ยวผลผลิต และ ให้หัวหน้าคนงานรายงานปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละวันให้ทราบด้วย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ