บทที่ 14 รักที่เอื้อมไม่ถึง
พิมลภัสว์ปลอมมารดา เธอไม่แปลกใจนักที ลภัส จะ ทําตัวล่องหนเป็นนินจา ด้วยหน้าที่การงานทำให้พี่ชายของ เธอ ต้องถูกกักตัวอยู่ที่นาซ่าอยู่บ่อย ๆ แต่ภาวนาอาจจะไม่ เข้าใจ
“ถ้าอย่างนั้นแม่ก็สบายใจ…ว่าแต่พิมล่ะลูก ได้เจอคุณ หมอบ้างหรือเปล่า ได้ข่าวว่าเขาไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่ ลูกสอนอยู่มิใช่หรือ?” คุณอุ่นเรือนวกกลับมาให้ความสนใจ ลูกสาวบ้าง หลังคลายความกังวลใจในเรื่องของลูกชาย
“เอ่อ..ก็เจอกันบ้างน่ะค่ะ” พิมลภัสว์ป มารดา ไม่กล้าบอก ว่าเขาอยู่ใกล้แค่ปลายจมูกนี่เอง “รู้สึกว่าเขาจะลงเรียนวิชา ประวัติศาสตร์ที่พิมสอนอยู่ด้วยเหมือนกันค่ะ แต่พิมเคย ได้ยินคุณหญิงป้าพูดว่า คุณหมอจะมาเรียนด้านบริหารเพื่อ กลับไปดูแลโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอคะ”
คุณหญิงป้าที่พิมลภัสว์กล่าวถึง ก็คือคุณหญิงปานเทพ มารดาของปาณวัตรนั่นเอง
“ข่าวลวงแท้ ๆ เชียว คุณหมอน่ะจบบริหารที่ลอนดอนมา หลายปีแล้วจ้ะ ที่เขาต้องไปอังกฤษกระทันหันน่ะ ก็เพราะอกหักจากหนูนานี่แหละ ที่ไปอยู่ที่โน่นก็คงจะหลบ เลียแผลใจนั่นล่ะ ได้ยินคุณหญิงเกริ่นๆ ว่าอีกไม่นานก็ คงจะกลับเมืองไทย
พิมลภัส ก๋าโทรศัพท์แน่น มารดาของเธอนี่มีเรื่องทำให้ ตกใจอยู่เสมอ เขามาอังกฤษก็เพื่อทำใจเท่านั้นเองหรือ? แล้วคำว่าอีกไม่นาน..นั้น มันจะมาถึงเมื่อไหร่
“พิม..ฟังอยู่หรือเปล่าลูก..” คุณอุ่นเรือนเอะใจที่บุตรสาว เงียบลงกะทันหันจนนึกว่าวางสายไปแล้ว จนกระทั่งพิมพ์ ภัสวรับคําหงอย ๆ ท่านจึงพูดต่อ “น่าเสียดายนะ คุณหญิง น่ะอยากได้พิมเป็นลูกสะใภ้ เคยโทรไปคุยกับคุณหมอ หลายครั้ง ลูกชายก็บ่ายเบี่ยงท่าเดียว อ้างว่าจำพิมไม่ได้”
ประโยคหลังพิมลภัสว์เห็นด้วย เพราะช่วงที่อยู่เมืองไทย นั้น ปาณวัตรทําเหมือนเธอเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ ต้องหายใจทิ้ง ลมหายใจของเขาสูดแต่ชื่อภาวนาเข้าไปจน เต็มปอด
ดูสิ เธอยังไม่ทันสารภาพรักเลย ก็ถูกปฏิเสธโดยไม่รู้ตัว ซะแล้ว
“คุณหญิงเองก็ถอดใจเรื่องของพิม เห็นว่าตอนนี้เตรียม ลูกสะใภ้ไว้ให้คุณหมอเรียบร้อยแล้ว กลับเมืองไทยเมื่อ ไหร่ก็จะจับลูกชายแต่งงานให้มันจบๆ ไปเสียที!
กรุงเทพมหานคร
หญิงสาวผมซอยสั้นร่างเล็กทยอยคว่ำภาพถ่ายแห่ง ความทรงจําทุกภาพในบ้านให้พ้นจากสายตา รวมทั้งภาพ ที่หล่อนสวมชุดเจ้าสาวตัวสวยเมื่อหลายเดือนก่อนนั้น ด้วย ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางใบโตมาเปิดอ้าไว้ แล้วดึง เสื้อผ้าแบรนด์เนมสุดหรูหลายตัวออกจากไม้แขวน ยัดรวม ๆกันไว้อย่างไม่ใยดี ไม่เว้นแม้แต่ถุงเท้าและรองเท้าหนัง จระเข้ลุ่มน้ำอะเมซอนที่หล่อนต้องคอยนั่งขัดให้มันเงา วาววามทุกเช้า
“นี่แน่ะๆๆๆๆ..” หล่อนรูดซิปกระเป๋าอย่างทุลักทุเล แล้ว ทุบหลาย ๆ ครั้งอย่างแค้นใจ เมื่อนึกถึงหน้าหล่อ ๆ ของ เจ้าของกระเป๋า “ไปแล้วให้ไปลับไม่ต้องกลับมาเลยนะคน บ้า!”
หญิงสาวลากกระเป๋ามาที่ประตู ผ่านระเบียงบ้าน สวน กุหลาบ ไปหยุดอยู่หน้าปากซอย พยายามจะยัดกระเป๋าลง ในถังขยะแต่ก็ยัดไม่ลง จึงเปลี่ยนใจทิ้งมันไว้ข้าง ๆเสาไฟฟ้าแทน เธอดึงแหวนออกจากนิ้ว ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ว่าจะทิ้งมันไปด้วยดีหรือไม่ สุดท้ายก็สวมไว้ตามเดิม แล้ว เดินกลับมาที่บ้าน ไม่ลืมปิดประตูให้เรียบร้อย มองปฏิทินที่ แขวนไว้บนฝาผนัง
นิ้วเรียวชี้ไปที่เครื่องหมายกากบาทสีแดงที่เธอเป็นคนขีด ไว้เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว บอกวันเวลาที่ชุลภัสว์ต้องเดินทาง ไปอเมริกา มองเตียงนอนแคบ ๆ ที่ต้องนอนอย่างเดียวดาย ทุกคืน และนาฬิกาบอกเวลาสามทุ่มพอดี
หล่อนเปิดเน็ตบุ๊ค เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และเข้าโปรแก รมแชทตามที่ได้นัดหมายไว้กับปาณวัตร คืนนี้เขาได้นั่งเรือ สําราญสุดหรู ดูระบำหน้าท้องอาหรับราตรี และตั้งใจจะ ถ่ายทอดสดมาให้ดูโดยเฉพาะ
สัญญาณภาพยังไม่มา แต่สัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นเสีย ก่อน เมื่อเห็นว่าต้นสายเป็นของเพื่อนรักเธอก็กดรับโดย เร็ว
“ฮัลโหล…อ๊ะ” หญิงสาวขัดใจ เมื่อเปรมสินีวางสายลง “ไอ้พวกนี้นี่…โชว์เบอร์เป็นกิจวัตร” บ่นแล้วก็ต่อสายเข้าไป
ใหม่
“อยู่คนเดียวหรือยะ…ออกมาไหม..ที่เดิม” เสียงเปรมสินี ดังมาตามสาย เดาว่ากำลังอยู่บนแท็กซี่ เพราะได้ยินเสียง วิทยุเล็ดลอดเข้ามาเป็นระยะ ๆ ที่เดิม” ที่เปรมสินีพูดถึง ก็คือผับที่พากันไปเฮ้วกันประจํา เธอเองว่างเว้นจากมัน หลายเดือนนับแต่แต่งงานและเรียนภาคพิเศษ
“คืนนี้ไม่ว่าง เชิญพวกแกตามลำบาก” หล่อนตอบสั้นๆ ตา ยังมองบนหน้าจอว่าปาณวัตรจะออนไลน์เมื่อไหร่
“โธ่เอ๊ย…ไอ้นา…แกจะจับเจ่านั่งเฝ้าบ้านทำไมวะ แมวไม่ อยู่หนูร่าเริงหน่อยดิ ตั้งแต่แกแต่งงานก็ไม่ได้ไปแฮงค์เอา ท์กันเลย ผอ.ไม่อยู่ซะด้วย น่านะแกนะออกมาเถอะ” เปรม สินียังคะยั้นคะยอ แต่น้ำเสียงตอนพูดถึง ผอ.ชุลภัสว์นั้นสั่น ๆ พิกล
ภาวนาย่นจมูกค่อนขอดเพื่อนในใจว่า ทีวันอื่นไม่เห็นจะ โทรชวน เธอขอไปก็ไม่ให้ไปด้วย อ้างว่าชุลภัสว์ห้ามไว้ แต่พอเธอไม่ว่างก็ชอบมาล่อให้ตบะแตกซะนี่
“อย่าพูดถึงอีตา ผอ.เฮงซวยนั่นอีกนะ! ” หล่อนทำเสียง เหี้ยม อารมณ์คุกรุ่นขึ้นอีกครั้ง เมื่อเปรมสินีพูดถึงสามี ทั้ง ที่ลืมไปได้แวบหนึ่ง “อ้อ…แค่นี้ก่อนนะพี่หมอมาแล้ว”
ภาวนาตัดสาย ยุติการสนทนา และปิดโทรศัพท์มือถือ ป้องกันการโทรเซ้าซี้ หันไปสนใจกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งตอนนี้ปาณวัตรทักเข้ามาแล้ว หล่อนเสียบหูฟัง ทันทีที่ ภาพบรรยากาศในงานเลี้ยงบนดาดฟ้าเรือครุยส์ปรากฏขึ้น บนหน้าจอ หล่อนก็ตกตะลึงพรึงเพริดจนลืมสิ้นความทุกข์ ทั้งปวง
เปรมสินีเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ทําหน้าเหมือนจะ ร้องไห้ ตอนนี้เธอนั่งอยู่บนเบาะหลังของรถยุโรปป้ายแดง คันโต มีอาทิตย์เป็นคนขับ ใจคอไม่ดีเมื่อแขนยาว ๆ ของ คนที่นั่งคู่คนขับด้านหน้าเอื้อมมือไปปิดวิทยุทันทีหลังจาก ฟังประโยคสุดท้ายจบ
“มีใครบอกผมได้บ้าง ว่าไอ้คุณหมอมันกลับมาหาเมียผม ตั้งแต่เมื่อไหร่!?”
คนที่ตกเป็นจำเลยโดยไม่ทันรู้ตัวกำลังง่วนอยู่กับการจัด วางโน้ตบุ๊คให้ได้ตำแหน่งที่เหมาะที่สุด เขาเลือกนั่งโต๊ะ กลางข้างหน้า คนอื่น ๆ เริ่มทยอยกันมาและจับจองที่นั่ง บ้างแล้ว แต่ละคนแต่งองค์ทรงเครื่องกันมาเต็มยศ แต่เขา ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนั้น โดยเฉพาะมิจิ ที่ดูเหมือน จะตามเขาแจตั้งแต่เมื่อวาน หล่อนคงจะผิดหวังที่เขา สวมเพียงเสื้อยืดคอย้วย กับกางเกงสแล็กเข้ารูปตัวเดียว เท่านั้น
“ว่าไงจ๊ะหนูนาของพี่…พร้อมที่จะชมระบำหน้าท้อง หรือยังเอ่ย?” เขาก้มหน้าลงยิ้มหวานผ่านเว็บแคม จับได้ ว่าภาวนาอยู่ที่บ้านหลังน้อย ดูเหมือนว่าหล่อนจะไม่ได้ ตกแต่งอะไรเพิ่มเลย ฉากหลังที่เห็นยังเป็นเตียงเล็ก ๆ ที่ เขาเคยคุ้น มีแต่เจ้าของบ้านเท่านั้นที่ดูจะผิดปกติ
ไม่เห็นหน้าท้องใครเลยค่ะ เห็นแต่หน้า หมอเต็มจอเลย เริ่มแล้วเหรอคะ?”
“ยังจ้ะ อีกสิบนาที…นาเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สดใสเลย เขาถามกลับ แม้จะห่างจากหล่อนหลายเดือน แต่ทุกอณู ของหัวใจยังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของหล่อน แม้ระยะหลัง จะไม่มีเวลาฟุ้งซ่านคิดถึงหล่อนเหมือนเก่าเพราะมีเรื่อง ยุ่ง ๆ ให้จัดการ แต่พอได้เห็นหน้าวันนี้ ใจของเขาก็เหมือน ตะกอนที่ถูกกวนขึ้นมาจนขุ่น ไม่คิดอยากจะทำอะไร นอกจากปลอบใจน้องน้อยตรงหน้า
ไม่แม้จะเห็นว่าตรงหน้าเขาขณะนี้ เจมส์ แพ็คทิส รูมเมท ของเขามายืนบังเวทีอยู่ รวมถึงมิจิที่กำลังนวยนาดเข้ามา ด้วยมาดนางพญา
พิมลภัสว์ไม่กล้าขยับตัว หล่อนต้องสวมเสื้อยืด จึงต้องรัด หน้าอกให้แน่นเป็นพิเศษ หนวดเคราก็ไม่ได้ติด เพราะถึง แม้หล่อนจะไม่ปลอมตัวเป็นเจมส์ ปาณวัตรก็ไม่มีทางจําหล่อนได้อยู่แล้ว ขนาดว่าหล่อนมายืนบังเวที อยู่ข้างหน้าเขาแท้ ๆ เขายังไม่รู้สึกตัวเลย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ