บทที่ 1 คนไข้พิเศษ
เมืองเยว่เฉิง โรงพยาบาลหย่าเต๋อ
ตอนดึก เมื่อเฉียวเมิ่งเยวรีบขึ้นมาถึงชั้นที่ตั้งสำนักงาน ของเธอ ก็ต้องผงะกับการต่อสู้หน้าสำนักงานของตัวเอง
เดิมทีเป็นลานที่ค่อนข้างกว้างของโรงพยาบาล ตอนนี้มี ผู้ชายร่างสูงมากกว่าสิบคนยืนอยู่
ชุดสูทสีดำาเรียบๆกับแว่นตาดำ สีหน้าตึงเครียด และ ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรู
เมื่อพยาบาลและแพทย์เห็นเฉียวเมิ่งเยวมาถึง ก็ถอน หายใจอย่างโล่งใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมา “หมอเฉียว ใน ที่สุดคุณก็มาแล้ว
เฉียวเมิ่งเยวพยักหน้าให้กับพวกเขา แล้วมองไปทางผู้คน ที่อยู่ในทางเดิน และพูดว่า “ขอเชิญทุกคนออกไปรอข้าง นอกก่อน สภาพแวดล้อมที่เสียงดังเกินไป ส่งผลกระทบต่อ การทํางานของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ได้
เมื่อเฉียวเมิ่งเยว่พูดจบ ก็ไม่มองพวกเขาอีก และเดินเข้า ห้องทํางานไป
ทันทีที่เข้าไป ก็พบกับความยุ่งเหยิงภายในห้อง
กระถางต้นไม้ แฟ้มคนไข้ ปากกา กระดาษ แก้วน้ำ แตกละเอียดหมด
บนพื้นยังเต็มไปด้วยกากใบชา และคราบกาแฟ เหลือแค่โซฟาตัวเล็ก ที่ยังเรียบร้อยและยังดูสะอาด บนโซฟาตัวเล็ก เด็กคนหนึ่งกำลังนั่งหันหลังให้เธออยู่ เฉียวเมิ่งเยวไม่ต้องเดาก็รู้ได้เลยว่าความยุ่งเหยิงในห้อง นั้นเกิดจากอะไร
ในใจเธอรู้สึกโกรธมาก และอยากจะให้บทเรียนกับเด็กคน
นี้
แต่เมื่อนึกถึงคนสวมชุดสูทและรองเท้าหนังที่ยืนอยู่ด้าน นอกแล้ว ก็ต้องรีบเปลี่ยนการแสดงออกทางสีหน้าทันที น้ำ เสียงอบอุ่นถามขึ้น: “สวัสดีค่ะ ชื่ออะไรคะ? ไม่สบายตรง ไหนคะ?”
เด็กน้อยหันหน้ากลับมาอย่างช้าๆเมื่อได้ยินเสียง เฉียว เมิ่งเยว่ตกใจกับใบหน้าที่ประณีต และละเอียดอ่อนนั้น
ความรู้สึกรักที่อธิบายไม่ถูกหลั่งไหลออกมาจากใจ ชำระ ล้างความโกรธของเธอออกไปจนหมด
เด็กน้อยมองเธออย่างเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร
ดวงตาคู่โต สีดำแวววาวราวกับลูกองุ่นคริสตัล เปล่งประกายสดใส
เฉียวเมิ่งเยวมองดูเด็กคนนั้นอย่างไม่ทิ้งร่องรอย และพบ ว่ามือของเขากำหมัดแน่น ว่างอยู่บนหน้าท้อง
เฉียวเมิ่งเยว่ยิ้มอย่างอ่อนโยนที่สุด “หนูน้อย คุณหมอ ไม่ใช่พยาธิในท้องของเธอ ไม่สามารถเดาจากสีหน้าของ เธอได้หรอกนะว่าเธอไม่สบายตรงไหน ถ้าเธอไม่อยากพูด ก็ใช้มือชี้ตรงจุดที่ไม่สบายดีไหม?”
เฉียวเมิ่งเยว่พูดจบ ก็มองเขาด้วยรอยยิ้ม
เด็กคนนั้นมองเธอกลับ
ความเงียบเข้าปกคลุมในห้อง
ในตอนที่เฉียวเมิ่งเยว่คิดว่าเขาจะไม่ตอบสนองต่อคำพูด ของเธอแล้ว เด็กคนนั้นก็ยื่นมือเล็กๆของเขาออกมา แล้วชี้ ไปที่ท้องของตัวเอง
เฉียวเมิ่งเยวสัมผัสไปที่หน้าท้องตามมือของเขา กดเบาๆ สองทีโดยมีเสื้อขั้นอยู่
“ปวดท้องใช่ไหม?”
เด็กคนนั้นมองเฉียวเมิ่งเยว่ และหันไปมองมือของเธอที่ วางไว้บนหน้าท้องของเขา แล้วพยักหน้ารับ
เฉียวเมิ่งเยว่ยืนขึ้น ฉวยโอกาสในตอนที่เด็กเผลอ สองมือ ก็อุ้มเขาขึ้นมา เดินไปที่เตียงในห้องทำงานเพื่อตรวจอย่าง ละเอียด
ด้วยการกระทําที่กะทันหันของเธอทำให้เด็กน้อยตกใจ และยอมให้เธออุ้มอย่างโดยดี
ใบหน้าที่ประณีต และละเอียดอ่อนนั้น ไม่แสดงสีหน้าออก มาแต่อย่างใด
พ่อบ้านที่อยู่หน้าห้องทำงาน ชะโงกหัวเข้ามาดู สถานการณ์ เมื่อเห็นคุณชายเล็กยอมให้เฉียวเมิ่งเยว่อุ้มอยู่ ในอ้อมแขนอย่างเชื่อฟัง ก็ตกใจอย่างคาดไม่ถึง
คุณชายเล็กของพวกเขานอกจากสนิทกับคุณชายที่สุด แล้ว ยังไม่เคยสนิทกับใครเลย
แม้แต่เขาที่ดูแลคุณชายเล็กมาห้าปีแล้ว ยังไม่เคยมี โอกาสได้อุ้มคุณชายเล็กเลย
**
มาเซราติคันใหม่เอี่ยมถูกจอดที่ลานจอดรถของโรง พยาบาล พ่อบ้านรีบขึ้นมาเคารพ “คุณชายครับ”
ไม่นาน ผู้ชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าที่สง่า และแต่งตัวดูดีก็ลง มาจากที่นั่งคนขับ
ริมฝีปากที่ดูดีจับกันแน่น เผยให้เห็นถึงความไม่พอใจของ เจ้าของ
น้ำเสียงเย็นชาของเห้ออี้ลั่วถามขึ้น: “เสี่ยวเป่าหละ?”
“คุณชายน้อยนอนหลับอยู่ที่คุณหมอเฉียวครับ”
“คุณหมอเฉียว?” เห้ออี้ลั่วอุทานอย่างสงสัย และเดินนำ อยู่ด้านหน้า
“เป็นแพทย์หญิงคนหนึ่งในโรงพยาบาลครับ ในตอนที่ เธออุ้มคุณชายน้อย คุณชายน้อยไม่ปฏิเสธเลย” พ่อบ้านพูด อย่างตื่นเต้น
เห้ออี้ลั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย และเร่งความเร็วฝีเท้า
พ่อบ้านเดินอยู่ข้างๆเพื่อนำทางเห้ออี้ทั่วไปที่ห้องทำงาน ของเฉียวเมิ่งเยว่
เมื่อไปถึงชั้นที่ทำงานของเฉียวเมิ่งเยว่ เห้ออี้ล้วแสดง สัญลักษณ์มือให้หยุดเดิน
พ่อบ้านหยุดเดินอย่างเงียบๆ
เห้ออี้ถั่วเดินไปที่ประตูหน้าห้องทำงานที่เปิดอยู่ มองเห็น ภาพในห้องทำงานอย่างชัดเจน
เขาจ้องมองด้วยสายตา
คนตัวใหญ่และตัวเล็กที่อยู่ในห้องทำงาน หัวของทั้งสอง คนชิดกันและหลับไปแล้ว
เสียวเป่าดูเหมือนตุ๊กตาผ้าเอนตัวนอนบนแขนของเฉียว เมิ่งเยวอย่างเชื่อฟัง และบนใบหน้าเล็กๆ ที่บอบบางไม่ แสดงถึงสีหน้าที่ไม่สบายใจ
เมื่อเห้ออี้ล้วมองเห็นหน้าของเฉียวเมิ่งเยวอย่างชัดเจน ในสายตาเปล่งแสงความประหลาดใจ
เฉียวเมิ่งเยว่นอนหลับสบาย เมื่อรู้สึกเหมือนว่ามีคนกำลัง มองเธออยู่ ก็รีบตื่นขึ้นมาในทันที
เมื่อมองเห็นผู้ชายตรงหน้าอย่างชัดเจนแล้ว เธอก็นิ่งไป
สักพัก
เฉียวเมิ่งเยวกระพริบตาสองสามครั้ง และพบว่าเห้ออี้ถั่ว ยังคงอยู่
เฉียวเมิ่งเยวรู้จักเห้ออี้ลั่ว แต่ไม่ใช่เพราะเธอชอบติดตาม เรื่องการเงิน หรือข่าวสาร
พยาบาลและแพทย์ในโรงพยาบาลชอบพูดถึง “เห้ออี้ลัว” สามคำนี้อยู่บ่อยๆ พวกเธออดไม่ได้ที่จะบูชาเขาเป็นเทพ บุตร
แม้ว่าเธอไม่คิดที่อยากจะรู้ ก็ยังไม่ได้เลย
เห้ออี้ลั่ว สามคำนี้ถ้าวัดระดับความมั่งคั่งแล้ว ในเมืองเยว่ เฉิงก็คงอยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุด บวกกับอิทธิพลของตระ กูลเห้อในเมืองเยว่เฉิงแล้ว ถ้าคนตระกูลเห้อกระทืบเท้าที เมืองเยว่เฉิงก็คงจะสั่นตามไปตามๆกัน
เหมือนว่าเสี่ยวเป่าจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเฉียวเมิ่งเยว่ และตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ มองไปรอบๆอย่างสะลึมสะลือ
เมื่อมองเห็นเห้ออี้ลั่ว แขนเล็กๆอ้วนๆทั้งสองข้างของเขา ก็เหยียดออกมาตรงหน้า
เห้ออี้ลั่ว เอื้อมมือออกไปอุ้มเขา “หายปวดท้องหรือยัง?”
เสี่ยวเป่าพยักหน้ารับอย่างไม่พูดอะไร เอนหัวอิงไปที่ ข้างๆคอของเห้ออี้ลัว
มือใหญ่ของเห้ออัล้ว ตบหลังเล็กๆของเสี่ยวเป่าเบาๆ
ดวงตาสีดำราวกับถ่านหินหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเฉียว เมิ่งเยว่
เมื่อเฉียวเมิ่งเยว่ได้สติ จากความสับสน ไอเบาๆแล้วพูด ว่า: “ตอนนี้ดึกแล้วพนักงานที่ห้องจ่ายยาก็เลิกงานกันหมด แล้วไม่สามารถจ่ายยาได้ วันนี้พวกคุณก็กลับบ้านไปสังเกต อาการก่อน ถ้าหากว่าพรุ่งนี้ยังไม่ดีขึ้น ฉันจะจ่ายยาให้ควบคู่ ไปด้วย”
เห้ออี้ถั่วพยักหน้าเล็กน้อย แทนการตอบ
จากนั้นก็จากไป โดยไม่หันกลับมามอง
เฉียวเมิ่งเยวมองไปรอบๆห้องทำงานที่เงียบสงบ แล้วก ลอกตา
มีเงินเยอะนิดหน่อย แล้วยิ่งใหญ่หรือไง?
หยิ่งไปถึงไหนกัน
เฉียวเมิ่งเยว่คิดอย่างนั้น ปิดไฟในห้องทำงานแล้วกลับ บ้านไปนอนหลับให้สบายดีกว่า
**
วันรุ่งขึ้น
ในช่วงเวลาตอนเย็นใกล้จะถึงเวลาเลิกงาน โทรศัพท์บน โต๊ะในห้องทำงานของเฉียวเมิ่งเยว่ก็ดังขึ้น
เฉียวเมิ่งเยวรับโทรศัพท์
“สวัสดีค่ะ ดิฉันเฉียวเมิ่งเยวี่แพทย์ประจำโรงพยาบาลหย่า เต๋อพูดค่ะ”
ไม่มีเสียงตอบจากปลายสาย
เฉียวเมิ่งเยวขมวดคิ้ว รู้สึกแปลกใจ และคิดที่จะวางสาย ก่อนจะวางสาย ก็ได้ยินเสียงเคาะเบาๆสองครั้ง
มือที่กำลังจะวางสายโทรศัพท์ของเฉียวเมิ่งเยว่หยุดชะงัก และยกขึ้นมาไว้ข้างหูอีกครั้ง
คราวนี้เธอได้ยินเสียงของลมหายใจเบาๆจากปลายสาย เหมือนเสียงลมหายใจของเด็ก
เฉียวเมิ่งเยว่ก็นึกถึงภาพของเสี่ยวเป่าขึ้นมาในหัว พูดด้วย น้ำเสียงที่นุ่มขึ้น “ไม่ทราบว่าเป็นคนไข้ตัวน้อยที่มาหาหมอ เมื่อวานหรือเปล่าคะ?”
มีเสียงเคาะเบาๆดังขึ้นจากปลายสาย
“ยังปวดท้องอยู่อีกหรอ?” คราวนี้เป็นการเคาะสองครั้ง
มุมปากของเฉียวเมิ่งเยว่ยกยิ้ม เมื่อนึกได้ว่าพ่อของเสี่ยว เป่าคือใครแล้ว ความอ่อนโยนก็เกือบจะสลายไปทั้งหมด
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว สุขภาพร่างกายของเธอดีมาก รักษา ไว้ให้ดี อย่าเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆนะ
มีเสียงเคาะดังขึ้นจากปลายสายอีกครั้ง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ