หนุ่มเศรษฐีลึกลับ

บทที่ 278 ครอบครัวพิลึก



บทที่ 278 ครอบครัวพิลึก

ลู่เลี้ยงหยางเพิ่งวางสาย มือถือของเขาก็ได้รับข้อความ หนึ่ง ซึ่งข้อความนี้แม่เขาเองเป็นคนส่งมาเอง

ลู่เลี้ยงหยางเปิดข้อความ ใช้สายตามองผ่านอย่าง รวดเร็ว

หลังจากที่อ่านข้อความจบแล้ว ในใจของเขารู้สึกปวด ร้าวอย่างบอกไม่ถูก

แม่ได้บอกกับเขาว่า ลูกกลับไปเมืองปืนเหอครั้งนี้ ก็ สามารถใช้ชีวิตเหมือนเมื่อก่อน โดยลูกสามารถบริหารเฟย หยางกรุ๊ป หยูเม่ยหยืนกรุ๊ป ร้านอาหารรอยเอิลเบอร์หนึ่ง และ หอการค้าต่อไป แต่ว่าหยูเม่ยหยินกรุ๊ป ร้านอาหารรอยเอิล เบอร์หนึ่ง และเฟยหยางกรุ๊ป จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลลู่ อีกต่อไป นี่คือสิ่งที่พ่อพยายามรักษาไว้ให้เขา

ลู่เสียงหยางรู้สึกปวดร้าวในใจ เขาเข้าใจความหมายของ

แม่

นับตั้งแต่นี้ไป หยูเม่ยหยินกรุ๊ป เฟยหยางกรุ๊ป ร้านอาหาร รอยเอิลเบอร์หนึ่ง เป็นของเขาทั้งหมด จะไม่ใช่ธุระกิจของ ตระกูลลู่อีกต่อไป

นั่นหมายความว่า นับตั้งแต่นี้ไป หยูเม่ยหยินกรุ๊ป เฟย หยางกรุ๊ป และร้านอาหารรอยเอิลเบอร์หนึ่ง จะมีเขาเป็น ประธานบริหารเพียงคนเดียว

ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาได้ตัดขาดจากตระกูลลู่อย่างสิ้นเชิง ลู่เสี้ยงหยางมองไปที่ข้อความนี้ เขาไม่สามารถสงบสติ อารมณ์ได้เป็นเวลานาน จนเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง เมื่อขึ้นเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว อารมณ์ของลู่เลี้ยงหยางถึงดีขึ้นมาหน่อย

บนเครื่องบิน ลู่เสี้ยงหยางไม่คิดเรื่องปวดหัวของตระกูล อีกต่อไป หันมาคิดเรื่องวิชานรกอมตะของ เทพเทียนหัวที่ได้ มา

หลังจากเมื่อคืนที่เขาเริ่มศึกษา และพอจะเข้าใจ เขา ตั้งใจจะศึกษาต่อไป เมื่อเข้าใจถ่องแท้แล้ว เขาจะได้เริ่ม ฝึกฝน

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ผ่านไปสอง ชั่วโมงแล้ว เครื่องบินที่ลู่เสี้ยงหยางโดยสารไปถึงสนามบินใน เหอแล้ว

ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบิน ลู่เสี้ยงหยางได้เล่าเรื่องราวให้ซุน เซียงเชียงทราบ ฉะนั้นเธอได้มารอรับเขาที่สนามบินก่อนแล้ว เมื่อเจอลู่เสี้ยงหยาง ซุนเซียงเซียงได้พาลู่เสี้ยงหยางไปที่

รถ เดินทางเข้าไปในตัวเมืองปันเหอ

เพิ่งกลับมาถึงบริษัท ลู่เสี้ยงหยางก็ขังตัวเองอยู่ในห้อง ทํางาน หยิบหนังสือวิชานรกอมตะขึ้นมาศึกษาค้นคว้า

มาเมืองหลวงรอบนี้ ถ้าไม่นับเรื่องราวที่น่าปวดหัวแล้ว ถือว่าได้อะไรดี ๆ มาพอสมควร

อย่างน้อยเขาก็รู้สิ่งที่เขาต้องการได้อย่างชัดเจน ใน สังคมนี้เมื่อเทียบกับคนที่มีความสามารถสูงกว่า ตัวเขาเองก็ เป็นเพียงส่วนเล็กๆที่ไม่โดดเด่นอะไร เพราะฉะนั้นเรื่องที่เร่ง ด่วนตอนนี้ก็คือ เขาต้องพัฒนาความสามารถของตนเองให้สูง ขึ้น

หลายปีที่ผ่านมา ตัวเขาเองดิ้นรนอยู่ข้างนอก ทำให้เขา เข้าใจหลักการหนึ่ง ทำอะไรต้องพึ่งตัวเอง หากคิดพึ่งคนอื่น สุดท้ายจะได้แค่ความว่างเปล่า

ตอนที่เขากำลังง่วนกับการทำงาน เสียงโทรศัพท์ก็ได้ตั้ง ขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า เป็นหวังเสวีที่โทรมา

ลู่เสี้ยงหยางรับโทรศัพท์ แล้วถามว่า “ผู้กองหวัง มีธุระ อะไรหรือ?” เพราะเขารู้ดีว่าถ้าหวังเสว่ไม่มีธุระอะไร จะไม่โทรหาเขา

อย่างแน่นอน

หวังเสว่พูดด้วยเสียงดัดจริตว่า “มีเรื่องดีเรื่องหนึ่ง นายจะ ฟังไหม?”

“พูดเลย ลู่เสี้ยงหยางตั้งหน้าตั้งตารอ ว่าข่าวดีของหวังเส วคือเรื่องอะไร

“ฮ่าฮ่า” หวังเสว่หัวเราะ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน

ถ้านายเรียกฉันว่าศิษย์พี ฉันจะบอกนาย

ถึงตอนนี้ หวังเสว่ยังเข้าใจว่าลู่เสี้ยงหยางยังเป็นศิษย์ ของห้าลัทธิใหญ่ ซึ่งเป็นพันธมิตรกับหลิวหลีกงของตนเอง

ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกมึน หัวเราะแล้วพูดว่า “ศิษย์น้องพูดมา เลย บอกศิษย์พี่ว่ามีข่าวดีอะไร”

.………..หวังเสวี นิ่งไปชั่วขณะ

แม่งสิ(คำหยาบ) นาย งกจริง ๆ เลย (หมายถึงคนที่ ตระหนี่ถี่เหนียว) ไม่ยอมเสียเงินแม้สักแดงเดียว ทำให้เธอไม่ สามารถเอาเปรียบเขาได้สักนิด

“เฮ้อ จู่ ๆ ฉันก็เปลี่ยนใจไม่อยากจะบอกนายแล้ว ม หวังเสว่ พูดเสียงผ่านสําคอ ลู่เสี้ยงหยางกล่าวเบาๆ “งั้นก็จะวางสายแล้ว ผมยุ่งอยู่ ไม่มีเวลามาต่อปากต่อคํากับเธอ”

พูดจบก็อยากจะวางสาย

ขณะนั้นเอง หวังเสว่รีบพูดขึ้นว่า “รอก่อน ฉันยังพูดไม่จบ

.” รอบนี้ กลับเป็นลู่เสี้ยงหยางเองที่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เมื่อกี้ยังปากแข็งไม่ยอมพูด? ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนใจ

หวังเสว่พูดอย่างเรียบเฉยว่า “เพื่อเป็นการยกย่องที่ก่อน หน้านี้นายได้ช่วยคดีฆาตกรต่อเนื่องในกรมตำรวจของเรา ตอนนี้ทางกรมตำรวจของเราแต่งตั้งให้นายเป็นนักวิเคราะห์ อย่างเป็นทางการ หลังจากนี้สามารถร่วมวิเคราะห์ได้ทุกคดี นับแต่นี้ไป นายถือเป็นคนของกรมตำรวจ ได้รับสวัสดิการทุก

อย่างเหมือนพวกเรา”

อะไรน่ะ?

นักวิเคราะห์มืออาชีพ

ลู่เสี้ยงหยางตะลึงเล็กน้อย เป็นครั้งแรกที่ได้ยินชื่อ

ตำแหน่งนี้

เฮ้ย นี่คือวิธีการปลอบใจใช่ไหม มันไม่มีประโยชน์หรอก เพราะสิ่งเหล่านี้สําหรับเขาแล้ว มันมีหรือไม่มีก็ได้ เขาจึง

พยักหน้าอย่างไม่แยแส แล้วพูดว่า “ตกลง ฉันรู้แล้ว”

ตึก !

พูดจบเขาก็วางสายทันที

แม่ง! มันเกิดอะไรขึ้น?

ฝั่งหวังเสว่ รู้สึกอึ้งมาก ที่ลู่เสี้ยงหยางเมื่อได้ฟังข่าวนี้ ไม่รู้ สีกประหลาดใจเลย หรือเขาไม่รู้ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการ วิเคราะห์นี้หมายถึงอะไร?

ถ้าพูดถึงตำแหน่ง ตำแหน่งของเขานี้ สูงกว่าตำแหน่งของ เธอที่เป็นหัวหน้าหน่วย อีกหนึ่งขั้น

และอีกอย่างเขายังมีอำนาจพิเศษในมืออีก อยู่ภายใต้ การควบคุมของกรมตำรวจส่วนกลางเท่านั้น และเวลาที่ทำคดี แม้แต่อธิบดี ก็ไม่สามารถสั่งการเขาได้

นี่เป็นสิทธิพิเศษที่หวังเสว่อิจฉา แต่น่าเสียดายที่ตัวเขา เองไม่มีสิทธิพิเศษนี้อยู่ในมือ หลังจากที่ลู่เสี้ยงหยางวางสายแล้ว เขาไม่มีอะไรที่ต้อง

ลังเล ศึกษาค้นคว้าวิชานรกอมตะต่อ

เขาง่วนอยู่กับมัน รู้สึกเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีกสักครู่ ก็จะมืดแล้ว

พนักงานในออฟฟิศก็กลับไปเกือบหมดแล้ว ซุนเซียงเซ็ ยงเห็นว่าลู่เสี้ยงหยางยังอยู่ในออฟฟิศ ก็เลยไปเคาะประตูเพื่อ เตือนเขา

ลู่เสี้ยงหยางดึงสติกลับมา มองดูเวลาก็ค่ำแล้ว จึงเก็บ หนังสือวิชานรกอมตะไว้ แล้วก็ออกไปจากออฟฟิศ

เมื่อถึงบ้าน เห็นว่าในห้องรับแขกมีคนนั่งอยู่สามคน ลู่เสี้ ยงหยาง ขมวดคิ้ว

หลิวต้าจู้ จางกุ้ยจู๋ หลิวห้าว

พวกเขาเป็นญาติของหลิวจิ้งในชนบท

หลิวตาจู้เป็นพี่ชายของหลิวจิ้ง จางกุ้ยจู๋เป็นพี่สะใภ้

หลิวห้าวเป็นลูกชายของหลิวต้าจู้กับจางกุ้ยจู่ ครอบครัวนี้เป็นคนจําพวกขี้เกียจสันหลังยาว ทุกปีก็จะ มาอยู่ที่บ้านของหลิวจิ้ง มาอยู่ฟรีกินฟรีสักช่วง

จางกุ้ยจู่ผู้หญิงคนนี้น่ารังเกียจมาก เมื่อได้รู้ว่าลู่เลี้ยง หยางเป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ก็ตั้งแง่ดูถูกเหยียบหยามเขา เรียก ใช้เขาต่าง ๆนานา

หลิวห้าวพิลึกไปกว่านั้นอีก เขาเป็นคนปากพล่อย (หมาย ถึงคนที่ไม่มีแก่นสาร) วันๆคุยโม้ว่าตัวเองมีแฟนสาวกี่คน และ แฟนสาวของเขาเป็นคนมีฐานะแค่ไหน

แท้จริงแล้ว เขาเป็นแค่คนที่ไม่มีอะไรดีเลย เกรงว่าแม้แต่ มือของผู้หญิงก็คงไม่เคยได้สัมผัสสักครั้ง

อย่างไรก็ตาม ในมือถือของไอ้หมอนี้มีสื่อลามกอยู่ จํานวนไม่น้อย คราวก่อนที่เขาพักอยู่ที่บ้านของเย่สวน ตอน กลางคืนก็จะได้ยินเสียงเช่นนั้นเล็ดลอดออกมาจากห้องนอน เขา

สรุปแล้วครอบครัวนี้พิลึกทุกคน ฉะนั้นเมื่อลู่เสี้ยงหยาง เห็นพวกเขาจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์

และแน่นอนว่ายังมีผู้ที่มีความคิดเหมือนลู่เสี้ยงหยาง รวม

ไปถึงเย่สวนด้วย เย่สวนก็ไม่ชอบคนในครอบครัวนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามแม่ของเธอกับหลิวต้าหู้เป็นพี่น้องกัน เป็น สายเลือดมันตัดยังไงมันก็ไม่ขาด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อ เท็จจริงนี้ได้

เวลานั้น เมื่อเห็นลู่เสี้ยงหยางเดินเข้าไปที่ห้องรับแขก เย่ สวนก็ลุกขึ้นยืน ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดว่า “คุณกลับมาแล้ว ”

หลายวันที่จู่เสี้ยงหยางไม่อยู่ ในใจของเธอก็คิดถึงเขา อยู่ตลอดเวลา ทำให้เธอรู้สึกว่าชีวิตเธอขาดลู่เลี้ยงหยางไม่ได้

ลู่เลี้ยงหยางพยักหน้า แล้วเดินไปนั่งข้างเปสวน แต่ไม่ได้ กล่าวทักทายครอบครัวของหลิวต้าหู้

หลิวต้าจู่โกรธจนหน้าเขียว ใช้มือตบโต๊ะ พูดด้วยน้ำเสียง ที่ดุดัน “ไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ เห็นลุงใหญ่แล้ว แต่ไม่เรียกสัก

จางกุ้ยยิ้มเยาะเย้ย และพูดเหน็บแนมว่า “แกมันก็แค่คน ไร้ค่า เป็นแค่เขยแต่งเข้าของตระกูลเย่ แกเอาความมั่นใจมา จากไหน ? ฮีม เชื่อหรือไม่รอให้หลิวจิ้งกลับมาก่อน ฉันจะให้ เขาไล่แกออกจากบ้าน เห็นทีคืนนี้แกคงต้องนอนข้างถนนแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ