ตอนที่ 8 ภารกิจแรก กับปีศาจที่ถูกทอดทิ้ง Part 1
“เรียนท่านจอมมาร ท่านผู้นำเผ่า ข้าหัวหน้าหน่วยลาด ตระเวนที่สามแห่งเผ่าอันเดด จะมารายงานเรื่องจำนวน ทหารฝึกหัดที่ผ่านคลาส H แล้วขอรับ”
“ว่ามาส”
“ท่านจอมมาร วันนี้มีหนึ่งคนที่สามารถผ่านคลาส H ได้ ขอรับ”
“เฮ้…เจ้าหัวหน้าหน่วยที่สาม มันผู้นั้นเป็นใคร? ข้าใน ฐานะผู้นำเผ่าอันเดดจะตบรางวัลให้กับมันเอง ฮ่าๆๆ”
“ท่านผู้นำเผ่า คนที่ผ่านคลาส H นั้น มิใช่คนของเผ่าอัน
เดดขอรับ”
“วันนี้คนของเผ่าอันเดดใช้สนามฝึกมิใช่หรือ? หรือว่ามี ทหารของเผ่าอื่นเข้ามาร่วมฝึกด้วย?”
“มิใช่ขอรับท่านจอมมาร คนที่ผ่านคลาส H นั้นคือผู้กล้า ขอรับ”
“เจ้านั้น…ใช้เวลาแค่สามวันก็คลาส H แล้วหรือนี่ สงสัย จะมิใช่พวกอ่อนแออย่างที่ข้าพูดไว้แล้วสิ”
“หามิได้ขอรับ คนๆ นั้นใช้เวลาไม่ถึงวันก็สามารถผ่าน คลาส H ได้แล้วขอรับ”
“ว่ายังไงนะ?…เจ้านั่น…!!”
“ท่านจอมมาร ข้าว่าพวกเราคงต้องจับตามองบุคคลผู้นี้ ไว้จะดีกว่านะขอรับ”
“นี่เจ้ากลัวหรือ? ผู้นำเผ่าอันเดดดาร์คไนท์ เจ้าอย่าได้ ใส่ใจอะไรมากมายเพียงแค่คนๆ นี้สามารถข้ามพ้นคลาส เริ่มต้นเท่านั้น หนทางยังอีกยาวไกล
“เรียนท่านจอมมาร ท่านผู้นำ ข้ามีข้อเสนอสักเล็กน้อย ในอีกสองวันหน่วยของข้าได้รับมอบหมายให้ไปลาด ตระเวนพื้นที่ด่านทิศตะวันออกของอาณาจักร ท่านจะ อนุญาตให้ผู้กล้าติดตามไปด้วยได้หรือไม่? ถ้าหากคน ผู้นั้นมีความเก่งกาจซ่อนอยู่ หน่วยของข้าจะขออาสารับ หน้าที่ขัดเกลาฝีมือด้วยการต่อสู้จริงให้ขอรับ”
“อย่างนั้นหรือ? ย่อมได้ ฝากดูแลเจ้านั่นด้วยแล้วกัน”
“ข้าในนามของหน่วยลาดตะเวนที่สาม จะดูแลอย่างดี เลยล่ะขอรับ”
รอยยิ้มเล็กๆ เกิดขึ้นบนใบหน้าหัวหน้าหน่วยลาด ตระเวนที่สาม มันช่างตรงข้ามกับท่าทีที่จริงจัง ก่อนหน้านี้เหลือเกินเหลือเกิน
“ท่านชาซิเจ้าคะ! เช้านี้ท่านซาชิจะไปที่สนามฝึกหรือไม่ เจ้าคะ?”
“ไปสิ ว่าจะไปลองใช้ยาพิษซะหน่อย จะได้ยินเวลาใช้
จริง”
“เมื่อวานนี้ดิฉันยังไม่ได้ถามเลย เห็นว่ามีโพชั่นตั้งหลาย อย่าง มันเป็นโพชั่นแบบไหนหรือเจ้าคะ?”
“ผมลองทำตามหนังสือปรุงยาระดับ 2 เลยทำ (โพชั่นระ ดับ 2 x 30] [มานาโพชั่นระดับ 2 x 30] [ยาพิษระดับ 1 x 10] [ยานอนหลับระดับ 1 x 10] [ยาชาระดับ 1 x 10] และ [ยาหลอนจิตระดับ 1 x 10] แน่นอนว่าทำยาแก้พิษแล้ว นะ มี[ยาแก้พิษระดับ 1 x 10] [ยายาแก้อาการหลับระดับ 1 x 10] [ยาแก้อาการชาระดับ 1 x 10] และ [ยาแก้อาการ สับสนระดับ 1 x 10]
“ท่านซาชิดูชั่วร้ายเหมือนปีศาจมาบ้างแล้วนะเจ้าคะ” ไมนด์ทำหน้ายิ้มๆ
“เอ๋!!”
“ล้อเล่นนะเจ้าค่ะ อีกสักครู่ท่านโชบ๊อปจะมาทานอาหาร เข้าด้วย ดิฉันขอออกไปเตรียมอาหารและผลไม้ก่อนนะ เจ้าคะ”
“แล้วผมจะรอนะ
“ปู่บ๊อป ที่ปราสาทนี้มีช่างตีเหล็ก หรือช่างฝีมือบ้างไหม ครับ?
“จะว่ามีก็มีละนะ แต่ก็ไม่ค่อยมีฝีมือเท่าไร ท่านจะทำ อะไรหรือ?”
“คือว่า…”
ผมจึงเอาหอกไฟให้ปู่ท๊อปดู สงสัยจะแปลกใจมาก ถึง กับอ้าปากค้าจนหนอนตัวใหญ่ที่กำลังเคี้ยวอยู่ถึงกับ ตกลงมา
“เอ๋!!! นี่ท่าน…อาวุธนี้…ท่านได้แต่ใดมา? ท่านรู้ไหมว่า อาวุธนี้คืออาวุธของใคร?
“ไม่รู้หรอกครับ ผมเห็นว่ามันถนัดมือดี ผมเลยเอาไปใช้
“นี่เป็นหอกของอดีตจอมมารคนก่อน จอมมารกรอส แมมมอนที่ 25
“แมมมอน จอมมารที่เกิดจากบาปแห่งความโลภสินะ แล้วไม่ใช่ 43 เหรอครับ? ถ้าจำไม่ผิด จอมมารสกาเล็ต ซาตานที่ 44 ไม่ใช่เหรอครับ?”
“ท่านจอมมารคนปัจจุบันท่านเป็นจอมมารที่ได้ชื่อ ซาตานเป็นคนที่ 44 อดีตจอมมารทั้งเจ็ดจะถูกเรียงลำดับ ตามลูกหลานของตนเอง หอกนี้เคยเป็นอาวุธคู่กายของ อดีตจอมมากรอสที่ถูกท่านสกาเล็ตทำลายด้วยดาบของ ท่านเอง”
“ทําลาย! แสดงว่ามีการต่อสู้เหรอครับ?”
“ใช่ กฎของอาณาจักรแห่งความมืดสำหรับผู้ที่เหมาะ สมจะเป็นจอมมารคือ ‘ความแข็งแกร่ง’ เมื่อใดก็ตามที่มี ผู้แข็งแกร่งจนถึงคลาสเดียวกับจอมมารคนปัจจุบันแล้ว จะมีทางให้เลือกสองทางคือ สวามิภักดิ์แก่จอมมารคน ปัจจุบันซึ่งยังไม่เคยมีผู้ใดทำแบบนั้น เพราะต่างก็อยาก ขึ้นเป็นจอมมารทั้งสิ้น ส่วนทางเลือกที่สองนั้นคือการ ประลองกับจอมมาร กลังจากจบการต่อสู้จะต้องมีคนรอด เพียงคนเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุผลที่ว่า หากต้องการล้ม ล้างจอมมารคนปัจจุบัน จะต้องสังหารจอมมารคนปัจจุบัน ให้ได้ และคนที่กล้าหันคมดาบใส่จอมมารนั้นสมควรตาย จึงกลายเป็นเหตุผลที่เห็นพ้องต้องกัน แต่เรื่องนี้มันก็ตั้ง สองร้อยปีมาแล้วละ
“งั้นเหรอครับ…เอาเถอะที่ผมต้องการจะรู้ไม่ใช่ประวัติ ของหอกนี้หรอก ผมแค่อยากได้ช่างที่สามารถซ่อมหอก ให้ผมได้ ตอนนี้สภาพมันดูแย่เพราะมันยังเป็นหอกที่ ชารุดอยู่ ผมเลยอยากจะซ่อมมันเท่านั้นเอง”
*ได้สิ เดี๋ยวข้าจะพาไปที่โรงช่างของปราสาท แต่เรื่อง ฝีมือนั้นไม่รับประกัน เพราะช่างตีเหล็กที่อาณาจักรนี้ไม่ ได้สร้างอาวุธ เป็นอาชีพที่ไม่จำเป็นกับทหารของท่าน จอมมารเท่าไร”
“เอ๋! แล้ว…อาวุธที่ใช้กันเอามาจากไหนเหรอครับ? ใน เมื่อเราไม่สร้างอาวุธเอง”
“พวกทหารแย่งชิงจากศพในสนามรบยังไงล่ะ เพราะ อาวุธที่ชิงจากศัตรูเป็นเครื่องยืนยันความเก่งกาจเหนือ ศัตรู และอาวุธก็มีมากมายให้เลือกสรร การรอการสร้าง อาวุธเฉพาะตัวอะไรนั่น เป็นเรื่องน่าลำคารสำหรับปีศาจ เอามากๆ ส่วนเรื่องพวกข้าจะมีช่างตีเหล็กไว้ทำไม? นั่น ก็เพราะ รถลาก บังเหียนที่ใช้กับไวเวิร์น และหม้อไหใน ปราสาทใช้ของที่เป็นโลหะน่ะสิ”
“คงจะรวมถึงพวกชุดหนังและชุดเกราะด้วยสินะครับ”
“ใช่…เอาเป็นว่าเดี๋ยวข้าจะพาท่านไปที่โรงช่างหลังทาน อาหารเสร็จ เพราะวันพรุ่งช่วงเที่ยงท่านจะต้องไปทำ ภารกิจของท่านจอมมาร ข้าว่าท่านควรรีบหน่อยนะ”
“ภารกิจ…อะไรเหรอครับ?”
“ลาดตระเวนลาดตระเวนพื้นที่ด่านทิศตะวันออก เป็น เวลาสองถึงสามวัน เป็นการเสนอของหัวหน้าหน่วยที่สาม ของเผ่าอันเดดที่อยากให้เจ้าออกไปเปิดหูเปิดตา”
“จะไม่เร็วไปหน่อยหรือเจ้าคะท่านโซป๊อป?! ท่านซาชิ เพิ่งจะผ่านคลาส H มานะเจ้าคะ!”
“เจ้าจะตกใจไปทำไมเล่าไมนด์? ยังไงสักวันท่านซาชิจะ ต้องออกไปเผชิญโลกภายนอกอยู่แล้ว การเดินทางครั้งนี้ จึงเป็นก้าวแรกของเขานะ”
ผมตกใจเล็กน้อยกับท่าที่ของไมนด์ทั้งๆ ที่ช่วงเวลาที่ผม ทานอาหารกับปู่ป๊อป เธอจะไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อยราวกับ ไม่มีตัวตน ทำให้ผมรู้สึกว่าอยู่สองคนกับปู่บ๊อปเสมอ แต่ เธอกลับพูดแทรกออกมาด้วยความตกใจแบบนั้น
“เอิ่ม…ไม่เป็นไรหรอกไมนด์ ถ้าหอกของผมซ่อมเสร็จก็ ไม่มีปัญหาแล้วล่ะ”
“ท่านซาชิ…”
“ถ้าอิ่มแล้วก็ไปกันเถอะ ท่านมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ วันนี้นะ ท่านต้องไปพบกับกลุ่มคนที่ถูกจัดไว้ให้ท่านโดยเฉพาะ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ข้าเป็นห่วงยิ่งนัก
“ครับ…เอ๋?”
ถึงผมจะแสดงอาการแปลกใจ แต่ปู่บ๊อปก็ไม่ได้อธิบาย อะไรเพิ่มเติม จะเป็นปีศาจแบบไหนกันนะ? แล้วเรื่องที่ปุ่ บ๊อปเป็นห่วงล่ะมันเรื่องอะไรกันแน่?
“เอ่อ…ท่านซาชิ ท่านจะให้ข้าซ่อมหอกนี้จริงๆ หรือ ขอรับ? ข้าเกรงว่าฝีมือของข้าจะไม่ถึงขั้น
“ไม่ต้องใส่ใจหรอก แค่ซ่อมรอยแตกกับลับคมหอก เท่านั้นเอง แต่ต้องขอด่วนสักหน่อย เพราะพรุ่งนี้ผมต้อง ไปลาดตระเวนแล้ว”
“ถ้าเช่นนั้น…ข้า….ข้าจะทำให้ดีที่สุดเลยขอรับ!!”
หัวหน้าช่างประจำโรงช่างแห่งนี้ “แทรช” โนมที่มีผิวสี คล้ำท่าทางเป็นมิตรรอต้อนรับอยู่ ถึงจะเป็นช่างตีเหล็ก ธรรมดาที่ทำได้แค่หม้อไห แต่ดูเหมือนจะดีใจมากที่มีคน นำอาวุธมาให้ซ่อมบำรุง หลังจากนั้นไมนด์ก็มาเล่าให้ผม ฟังว่า ช่างที่นี่เคยถูกปฏิเสธให้ทำอาวุธเพราะเป็นพวกที่มี ทักษะที่ไร้ประโยชน์ พวกเขาเคยโดนดูถูกว่า “อาวุธที่ได้ จากสนามรบดีกว่าอาวุธห่วยๆ ที่พวกเขาทำซะอีก” คำพูดนั้นคงทำให้พวกเขาเสียใจมากแน่ๆ
“พวกนั้นคงรอท่านอยู่ที่สนามฝึกแล้วล่ะ จากนี้ท่านต้อง ไปเองแล้ว ข้าจะให้ไมนด์ตามดูแลท่านเพราะข้าต้องไป ทำงานของข้าเช่นกัน จากนี้ท่านจะต้องคิดถึงวิธีการเอา ตัวรอดให้ได้ ทั้งท่านและคนของท่านด้วย ต่อจากนี้คน พวกนั้นจะเป็นของท่านแล้ว”
“ของผมเหรอ?
ปู่ท๊อปเดินห่างออกไปโดยไม่อธิบายให้ผมฟัง แม้เขาจะ ทำหน้าหนักใจอยู่ก็ตาม
หลังจากที่ผมแยกจากปู่บ๊อป ผมกับไมนด์ก็ตรงมาที่ สนามฝึก วันนี้เป็นวันที่เผ่าออร์คเกิดใหม่จะได้ฝึกเพื่อเพิ่ม เลเวลของตนเอง แต่จากที่ผมเห็นไม่ได้มีแค่ออร์ค แต่ยัง มีโทรลล์ ก๊อบลิน และไททันตัวใหญ่ ท่าทางดุดันที่พวก นั้นแสดงออกมาทำเอาตัวผมลีบไปเลย
“อยู่นั่นไงเจ้าคะ ท่านซาชิ”
ผมหันไปทางที่ไมนด์ชี้ไป ผมจึงได้เห็นกลุ่มปีศาจที่ดู หดหู่หมดอาลัยตายอยาก ทำเอาผมอยากถอนหายใจ
“คนพวกนี้…พวกที่จะมาเป็นคนของผมเหรอ?”
“คงจะใช่…เจ้าค่ะ”
ไมนด์เองยังไม่แน่ใจ ซึ่งคนที่เห็นเท่านั้นจึงจะอธิบาย บรรยากาศมืดมนนี้ได้
“ผมขอไปทักทายพวกเขาก่อนนะ”
“เจ้าค่ะ ดิฉันไม่อยากให้เป็นอย่างที่ดิฉันคิดเลยเจ้าค่ะ”
ผมไม่ได้ถามว่าไมนด์คิดอะไร ผมเริ่มเดินเข้าไปหาก่อน ในกลุ่มนั้นมีเด็กผู้หญิงฝาแฝดผมสั้นสีฟ้าอ่อนที่มีเกล็ด สีน้ำเงินอยู่ที่ตาซ้ายของคนแรก และที่ตาขวาของอีกคน ลักษณะของเกล็ดดูคล้ายกับกงเล็บของจอมมารต่างกัน ที่สีเท่านั้น มันเหมือนกับเครื่องประดับจริงๆ ต่อมาก็เป็น เด็กผู้หญิงที่ดูอายุมากกว่าฝาแฝดอยู่นิดหน่อย มีผมเป็น เถาวัลย์ยาวกับรอยสีดำคล้ายรอยสักตามไหล่ลงถึงข้อ มือทั้งสองข้าง ต่อมาเป็นออร์คตัวเขียวที่ตัวเล็กกว่ากลุ่ม ที่กำลังฝึกเพิ่มเลเวล ถ้าพูดให้ถูกก็ตัวเท่ากับผมนี่น่า และ คนสุดท้ายเป็นสเกเลตันที่มีแต่กระดูก…ก็มีแต่กระดูก จริงๆ ทั้งหมดอยู่ในชุดทหารฝึกหัดเหมือนกับของผม ผม จึงเริ่มเอ่ยปากทักทายก่อน
“เอิ่ม…สวัสดี ผมชื่อซาชิ พวกนายเป็นคนที่ถูกมอบ หมายให้มาอยู่กลุ่มเดียวกับผมใช่ไหม?”
“ค่ะ/ค่ะ/อืม/ใช่/ขอรับ” (เสียงเอื่อยๆ)
“เอ่อ…เริ่มจากแนะนำตัวก่อนดีนะ เพราะยังไงเราก็ต้อง ทำภารกิจด้วยกันนี่นา”
เด็กสาวฝาแฝดเป็นคนเริ่มก่อน
“พวกเราเป็นแวมไพร์ค่ะ”
* “เท่านี้เหรอ? พอจะบอกชื่อกับผมได้ไหม?” พูด พร้อมกันด้วยแฮะ
“พวกเราไม่มีชื่อหรอกค่ะ…”
“ว่าแล้วเจ้าค่ะ ที่ดิฉันคิดไว้ไม่มีผิด”
“หมายความว่ายังไงเหรอไมนด์?”
“คนพวกนี้คือพวกที่ไม่ถูกรับเข้าเผ่าเจ้าค่ะ อย่างที่ดิฉัน เคยเล่าให้ท่านซาชิฟัง ปีศาจไร้เผ่าย่อมไร้ชื่อ หากไร้ชื่อ ย่อมไร้ซึ่งทักษะและเวทมนต์เจ้าค่ะ”
“เป็นปัญหาแล้วสินะ!”
เรื่องนี้เองที่ทำให้ปู่ท๊อปเป็นห่วง เพราะว่ากลุ่มคนพวกนี้ได้ถูกเผ่าต่างๆ ทอดทิ้ง แต่การที่ส่งกลุ่มที่ไม่มีความ สามารถอะไรเลยมาให้ เหมือนกับส่งไปตายก็ไม่ปาน พวกนี้คงเข้าใจสถานการณ์ดี ก็เลยนั่งหดหู่กันแบบนี้สินะ
“ไม่เป็นไร ยังไงช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อยจะได้ไหม? เผื่อ ว่าจะมีเรื่องที่ผมพอจะช่วยได้ เริ่มจากฝาแฝดก่อนแล้ว กัน”
“พวกเราเป็นแวมไพร์ค่ะ พวกเราไม่แข็งแกร่ง ร่ายเวทก็ ลำบาก และไม่มีทักษะ บลัดเดรน] ด้วยค่ะ”
“ไมนด์ ฝาแฝดคู่นี้หมายความว่ายังไง?”
“เผ่าแวมไพร์จะรับผู้ที่มีสมรรถภาพด้านร่างกายสูง จะ เป็นพวกที่โจมตีได้รวดเร็ว เวทมนต์ที่ใช้กันส่วนใหญ่จะ เป็นเวทเสริมพลังของตัวเอง และที่สำคัญแวมไพร์ทุกคน จะมีทักษะ (บลัดเดรน] ใช้ดูดเลือดศัตรูเพื่อเพิ่มพลังชีวิต ให้กับตัวเองได้เจ้าค่ะ”
“อ๋อ…แล้ว… ที่พวกเธอสองคนบอกว่าร่ายเวทลําบาก หมายความว่ายังไงเหรอ?”
““พวกเราขอทำให้ดูได้ไหมคะ?’
“ได้สิ”
หลังจากที่ผมตอบ พวกเธอจึงเดินไปที่ต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ พร้อมกับยกแผ่นหนังขึ้นและเอ่ยออกมาว่า
“(ไฟเออร์บอล]”
“(วินด์แอร์โรว์”
ผมคิดว่าคงเป็นบอลไฟกับศรลม แต่หลังจากจบการร่าย เวทสิ่งที่ออกมากลับเป็นบอลน้ำพร้อมกับพื้นดินที่ยกตัว สูงขึ้นมาขวางการโจมตี แน่นอนว่าบอลน้ำไม่โดนต้นไม้ที่ เล็งไว้ด้วยซ้ำ ทำเอาผมพูดอะไรไม่ออก
“ไม่ใช่แล้ว! ออกมาคนละเรื่องเลยนี่!”
““อย่างที่เห็น พวกเราไม่สามารถควบคุมเวทมนต์ที่ตัว เองใช้ได้ค่ะ””
“ท่านซาชิเจ้าคะ ท่านพอจะมีวิธีแก้ไหมเจ้าคะ?”
สายตาไมนด์ที่เหมือนจะขอร้องได้ส่งมาทางผม ผมเอง ก็พอเข้าใจความรู้สึกไมนด์ที่ได้เห็นคนที่เคยเป็นแบบ เดียวกัน นั่นอาจจะทำให้เข้าใจซึ่งกันและกันได้เป็นอย่าง ดี แต่การที่ไม่มีสิ่งที่ตนพอจะช่วยได้ คงจะน่าเศร้ายิ่งกว่า สินะ
“งั้นผมขอลองอะไรสักหน่อยแล้วกัน”
ผมใช้ [ประเมิน] ตรวจสอบดู ผมได้เห็นสถานะผิดปกติ จากเธอทั้งสองคน แต่แปลกที่ทั้งสองไม่มีท่าทีแสดงออก ว่าติดสถานะผิดปกติอยู่ ผมลองกดเข้าไปอ่านคําอธิบาย จึงได้รู้ทันที
[สถานะผิดปกติ: สับสนระดับต่ำกว่า 1]
[ผลพิเศษ: ทำให้ไม่สามารถควบคุมทักษะและเวทมนต์ ได้
ผมยิ้มและยื่นขวดยาแก้อาการสับสนที่ผมทำขึ้นให้กับ พวกเธอ พวกเธอก็ทำหน้างงไม่เข้าใจสิ่งที่ผมกำลังทำ
“พวกเธอลองดื่มยาในขวดก่อนนะ แล้วลองไปร่ายเวท
อีกครั้งหนึ่งสิ”
ทั้งสองคนมองหน้ากัน และมองกลับไปหาไมนด์ ไมนด์ พยักหน้าให้พร้อมกับรอยยิ้ม ทั้งสองคนจึงดื่มพร้อมกัน
พวกเธอสองคนเดินไปที่ต้นไม้ต้นเดิม ยกแผ่นหนังขึ้น และเอ่ยออกมาว่า
“[ไฟเออร์บอล]”
“วินด์แอร์โรว์”
มีบอลไฟหนึ่งลูก และศรลมถูกยิงออกไปโดนต้นไม้ ถึง เวทจะไม่แรงพอที่จะโค่นต้นไม้ แต่ทั้งสองคนกลับตื่นเต้น ดีใจกันใหญ่
“ท่านซาชิ ทำไมท่านถึงให้ยานั้นกับเด็กสองคนนั่นหรือ เจ้าคะ?”
“ก็ทั้งสองคนติดสถานะผิดปกตินะสิ แต่มันแปลกหน่อยๆ ที่ระดับมันต่ำกว่าหนึ่ง
“สงสัยจะป่วยมาตั้งแต่เกิดสึนะเจ้าคะ”
“ป่วยมาตั้งแต่เกิดเหรอ?”
“เจ้าค่ะ คนที่ป่วยมาตั้งแต่เกิด จะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับ ร่างกาย หากลูกแก้วพยากรณ์ในสุสานปีศาจไม่สามารถ แสดงออกมาได้ ก็ไม่ทราบหรอกเจ้าค่ะว่าคนๆ นั้นป่วย เป็นอะไร”
“แบบนี้เอง”
“ขอบคุณมากเลยค่ะ!!’
“ไม่เป็นไรหรอก ผมก็แค่ให้ยาแก้พิษเท่านั้นเอง”
สายตาของสาวน้อย ช่างน่ารักจนผมนั้นหวั่นไหว ต้องใจ เย็นๆ ก่อน ท่องไว้ๆ ผมไม่ใช่โลลิค่อน ผมไม่ใช่โลลิค่อน
“ถึงจะไม่มีทักษะ (บลัดเดรน) แต่ทั้งสองคนใช้เวทมนต์ ได้คนละสองธาตุ แถมยังไม่ซ้ำกันอีก แบบนี้ถือว่าเยี่ยม ไปเลยไม่ใช่เหรอ
“”อย่างนั้น…พวกเราสามารถสู้ได้แล้วสินะคะ? ได้สินะ คะ?””
“ได้สิ รับรองได้เลย!”
หลังจากที่ผมตอบรับคำถามของทั้งสองคน ทั้งสองถึง กับร้องไห้กอดกันด้วยความยินดี และรอยยิ้มที่อ่อนโยนข องไมนด์ก็ถูกส่งไปให้กับพวกเธอด้วย
“เอาละต่อไปก็เธอสินะ?”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ