๑.๒ เอมจองพี่อิสร์แล้วนะ
คฤหาสน์หรูสไตล์ฝรั่งเศสบนพื้นที่กว้างขวาง ตั้งตระหง่าน สวยเด่นอยู่ริมถนนใหญ่ ช่างต่างกันลิบลับกับบ้านหลังเล็กๆ ใน หมู่บ้านจัดสรร ที่ปลูกเรียงรายกันจนแทบไม่มีอาณาเขตบ้านให้ ใช้สอย กาลเวลากว่ายี่สิบปีทำให้บ้านหลายหลังในหมู่บ้านแห่ง นี้ทรุดโทรมไปตามลำดับ ทว่าสิ่งที่ไม่ได้ทรุดโทรมไปตามกาล เวลา และทำให้หมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้โชคดีกว่าหมู่บ้านอื่นๆ ที่ ปลูกกันดาษดื่นอยู่ทั่วกรุงเทพฯ นั่นก็คือการที่หมู่บ้านตั้งอยู่แถบ ชานเมืองฝั่งตะวันออก ด้านหลังของหมู่บ้านยังมีทุ่งหญ้าและนา ข้าวสีเขียวขจีให้เห็นอยู่มากมาย ซึ่งสำหรับบางคนอาจจะมองว่า มันเป็นเพียงแค่ธรรมชาติปกติธรรมดา แต่ไม่ใช่สำหรับเด็กสาว วัยสิบเจ็ดที่กำลังยืนพิงต้นไม้ทอดมองความเขียวขจีเหล่านั้นอยู่ ในตอนนี้
เสื้อยืดขนาดพอดีตัวกับกางเกงห้าส่วนสีเขียวขี้ม้าที่เจ้าตัว สวมอยู่ ไม่ได้ทำให้ความโดดเด่นของเธอลดน้อยลงแต่อย่างใด ผิวพรรณผุดผาด ดวงหน้ารูปไข่ที่เนียนสะอาดหมดจดงดงาม ผม ดำขลับนุ่มสลวยอย่างเป็นธรรมชาติ บ่งบอกชัดว่าเธอผู้นี้ไม่ใช่ ลูกสาวชาวบ้านธรรมดาทั่วไป
ไอดินกลิ่นหญ้าถูกลมพัดโชย พร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของ ดอกลีลาวดี ที่ร่วงกราวจนพื้นหญ้าทั้งแถบถูกแซมด้วยสีขาว คือ บรรยากาศสุดตราตรึงและเย็นใจ มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัว เองถูกปลดปล่อยและเป็นอิสระจากทุกสิ่ง เอมมาลินจึงชอบที่นี่มากเป็นพิเศษ
การเป็นคุณหนู ในคฤหาสน์หลังใหญ่ ไม่ได้ทำให้เธอมีความ สุขเท่ากับการได้มายืนที่แห่งนี้ ความอบอุ่นที่ขาดหายตั้งแต่แม่ จากไป ถูกเติมเต็มจากคนที่เธอกำลังรอ และตอนนี้เขาก็ได้ก้าว มายืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
ตากลมโตคู่สวยส่งประกายพราวระยับ พร้อมยิ้มอย่างสดใส อวดไรฟันขาวสะอาดที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบราวกับไข่มุก นางาม ขณะที่ดวงตาคมกล้าก็จ้องมองใบหน้าหมดจดด้วย สายตาลุ่มลึกอบอุ่น อะไรบางอย่างในดวงตาคู่นั้นฉายชัดว่าเธอ คือคนพิเศษของเขา
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ครับ รอพี่นานไหม
น้ำเสียงยามเอื้อนเอ่ยประโยคนั้นฟังดูอบอุ่นนุ่มลึกเช่นเดียว กับสายตา และความอบอุ่นนั้นก็ซึมลึกเข้าไปในหัวใจของคนฟัง จนต้องยิ้มกว้างกว่าเดิม
“ไม่นานค่ะ แต่ถึงจะรอนานกว่านี้เอมก็รอพี่อิสร์ได้ ว่าแต่ติด
งานอะไรหรือเปล่าคะ
“เปล่า….แค่ช่วยแม่ทำเค้ก
“ทําเค้ก?”
“เค้กวันเกิดเอมไง แม่เตรียมไว้ให้เอม
“จริงเหรอคะ”
ตาคู่สวยที่กำลังเปล่งประกายแห่งความสุขเหมือนจะมีน้ำใสๆ รื้นขึ้นมาเล็กน้อย กับความใส่ใจที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอจาก คนนอกครอบครัว
“จริงสิ ปกติแม่ก็ทำให้เอมทุกปีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
“ใช่ค่ะน้ากรองทำเค้กให้เอมทุกปี…รักน้ากรองจัง
“รักแต่แม่พี่เหรอ แล้วพี่ล่ะ”
เป็นคำถามเรียบๆ ง่ายๆ แต่แฝงไว้ด้วยการเกี้ยวพา ตาคม จ้องมองใบหน้าเนียนสะอาดหมดจดด้วยประกายอบอุ่นอ่อนโยน พลางบอกตัวเองว่า เธอคือสิ่งสวยงามของชีวิต เขาจะไม่มีวัน ทําให้เธอต่างพร้อยก่อนถึงเวลาอันควรเด็ดขาด
“คนนี้รักมากกว่าใครเลย แล้วพี่อิสล่ะคะเมื่อไหร่จะบอกรัก เอมเสียที”
“บอกผ่านการกระทำอยู่ทุกๆ วัน ไม่รู้สึกบ้างเหรอ”
“อยากได้ยินจากปากบ้างน
“พี่จะบอกเมื่อถึงเวลา”
“เมื่อไหร่คะ เมื่อไหร่ที่พี่อิสร์จะบอกรักเอมบ้าง
สีหน้าอันสดใสง่างอลงเล็กน้อย แววตากับวาจาตัดพ้อแกม ประท้วงแค่พอน่าเอ็นดู ด้วยเพราะเห็นด้วยว่าการกระทำที่ผ่าน มาของเขามันสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด เหมือนอย่างที่เขาว่าจริงๆ ทว่าเธอแค่อยากได้ยินถ้อยคำบอกรักตามประสาผู้หญิงบ้างก็เท่านั้น
“เมื่อเอมโตพอจะรับรู้ว่าความรักที่แท้จริงมันคืออะไร
“เอม โตแล้ว เรียนจบม.ปลายแล้วด้วย นี่ยังไม่เรียกว่าโตเหรอ
คะ” “ยังไม่โตหรอก เพิ่งจะสิบเจ็ดปีเต็มวันนี้เอง ยังไม่บรรลุ นิติภาวะเลย”
“ถึงเอมจะยังเด็กในสายตาของพี่อิสร์ หรือพี่อิสร์คิดว่าเอมยัง ไม่เข้าใจความรักจริงๆ แต่ขอให้รู้ไว้นะคะว่าพี่อิสร์คือรักแท้ของ เอม พี่อิสรคือผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตของเอม เอมจะไม่รักใครอีก นอกจากพี่อิสร้คนเดียว”
คําบอกรักช่างหวานซึ้งและแสนซื่อ สายตาก็ฉายชัดว่ามันคือ คำพูดที่ออกมาจากใจทุกคำ ตาคมไม่ละไปจากดวงหน้าหมดจด แม้แต่เสี้ยววินาที ดวงหน้าแสนหวานนั้นล้อมกรอบด้วยผมดำ ขลับ สายลมที่พัดเพียงแค่เรื่อยๆ แต่ทำให้ผมยาวด่าขลับพลิ้ว ไหวไปตามแรงลม จนเขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปทัดผมบนใบหู ของเธอ
“ไว้พี่จะรอดู”
“รอดูได้เลยค่ะ รับรองว่าเอมจะไม่ทำให้ผิดหวัง แต่ตอนนี้เอม อยากเห็นของขวัญแล้ว ไหนคะของขวัญวันเกิดเอม”
มือเล็กยกขึ้นแบในระดับอก เป็นกิริยาที่บ่งบอกว่ากำลังรอให้ เขาส่งของขวัญให้ แต่กวินภพกลับไม่ได้วางกล่องหรืออะไรบนมือของเธอ เขาพาเธอไปยังต้นไม้ต้นหนึ่งที่สูงประมาณเอว ร่อง รอยของดินที่เพิ่งถูกกลบใหม่ๆ บ่งบอกชัดว่า มันเพิ่งจะถูกปลูก เมื่อไม่นานมานี้
“ชมพูพันธุ์ทิพย์?”
“ต้นไม้ที่เอมชอบ”
“อย่าบอกนะว่านี่เป็นของขวัญวันเกิดของเอม”
“ไม่อยากบอก แต่ก็ใช่ ต้นไม้ต้นนี้เป็นของขวัญวันเกิดของ เอม”
“นึกว่าจะซื้อแหวนให้ซะอีก” ปากบอกว่าอยากได้แหวน แต่ ตากลับหลุบมองต้นไม้ต้นนั้นอย่างรักมากที่สุด ราคาของมันไม่ ได้มากมายอะไร ทว่ามันมีค่าทางใจต่อเธอมากเหลือเกิน เธอ ชอบต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ชอบเวลาที่มันออกดอกบานสะพรั่งเป็น สีชมพูเต็มต้น และมักจะบอกกับพี่อิสร์เสมอว่าสักวันเธอจะเอา มันมาปลูกไว้หน้าบ้าน บ้านที่เป็นบ้านของเธอกับเขา
“ถ้าอยากได้ต้องรอ
“เอมบอกแล้วไงคะว่าเอมรอพี่อิสร์ได้เสมอ แต่สำหรับเอมจะ ไม่ยอมให้พี่อิส ต้องรอ
“ยังไง”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างไม่เข้าใจในคำพูดของสาวน้อยนัก เอมมา ลินไม่ได้อธิบายในทันที แต่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจาก กระเป๋าสะพายข้าง แล้วเขย่งปลายเท้าขึ้น จรดริมฝีปากนุ่มจับเบาๆ ที่แก้มของเขา พร้อมกับกดชัตเตอร์ถ่ายรูป จากนั้นก็กดส่ง เข้าไปในกล่องสนทนาทันที
“เอมจองพี่อิสร์แล้วนะ หลังจากนี้ไม่อนุญาตให้รักใคร และไม่ อนุญาตให้ใครรัก”
“อย่าทําแบบนี้อีกนะ
เสียงขรึมๆ ดังขึ้นหลังจากนั่งอยู่พักหนึ่ง ทว่าใบหน้ากลับแดง ซาน บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังเป็นจัด ทำให้เอมมาลินยิ้มยวน
“ทําไมคะ”
กวินภพไม่ตอบแต่มองเธอด้วยสายตานิ่งๆ เอมมาลินจึงยื่น หน้าเข้าไปใกล้ ชอบที่เห็นพี่อิสร์ของเธอหน้าแดงเพราะความ เขิน เธอจึงแกล้งยั่วเขาอีก
“เอมถามว่าทำไม”
“เพราะพี่อาจจะทำแบบนี้หรือมากกว่านี้”
เสียงเขาเข้มขรึม ก่อนที่จะตวัดร่างบางเข้ามากอด แล้ว ประกบปากจูบกลีบปากนุ่มช่างเจรจา มันไม่ใช่แค่การเอาปาก แตะปาก และไม่ใช่การจูบเบาๆ ทว่าเป็นการจูบแบบชายหญิง อย่างแท้จริง เรียวปากหยักบดคลึง เรียวลิ้นแทรกผ่านไรฟัน เข้าไปข้างในโพรงปากนุ่มชื้น ทำให้สาวน้อยตกตะลึงเพราะไม่ ได้ตั้งตัว ไม่คิดว่าคนที่ดำรงตัวเป็นสุภาพบุรุษมาตลอดจะกล้าทำ แบบนี้ ทว่าเพราะนี่เป็นพี่อิสร์ เธอจึงไม่ตื่นกลัว ไม่ดิ้นรนขัดขืนตาคู่สวยหลับพริ้มลงรับการจุมพิตนั้นอย่างอ่อนหวาน ปล่อยให้ พี่อิสรจูบและจูบตอบเขาเท่าที่สัญชาตญาณจะสอน
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ