ใจร้าย ซีรีส์ชุดเมียที่(ไม่)รัก ลำดับที่

๑.๑ เอมจองพี่อิสร์แล้วนะ



๑.๑ เอมจองพี่อิสร์แล้วนะ

เอมจอง อิส แล้วนะ

สภาพการจราจรยามพลบค่ำยังคงแออัดเช่นเดียวกับทุกวัน อากาศช่วงปลายเดือนเมษายนซึ่งเป็นฤดูร้อน ยิ่งทำให้เมืองที่ แออัดไปด้วยผู้คนและตึกรามบ้านช่อง ทวีความร้อนอบอ้าวมาก ขึ้นไปเป็นเท่าตัว ผู้คนที่อยู่บนยวดยานและสัญจรไปมาบนท้อง ถนน สีหน้าล้วนแต่ปราศจากรอยยิ้ม หากทว่ากลับเป็นข้อยกเว้น สำหรับชายหนุ่มในชุดกางเกงยีนเสื้อช็อปสีแดงเลือดหมูที่ปัก ตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยชื่อดัง โครงหน้าคมคร้ามหล่อ เหลาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเปล่งประกายแห่งความสุขออก มาอย่างน่าอิจฉา เหมือนดั่งว่าสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายเหล่านั้น ไม่สามารถทําอะไรเขาได้

ร่างสูงเกือบหกฟุตก้าวลงจากรถเมล์ แล้วตรงไปยังร้านบะหมี่ ข้างทาง ที่มีหญิงวัยกลางคนกำลังจัดวางเก้าอี้อยู่ หนังสือในมือ สองสามเล่มกับถุงพลาสติกที่มีต้นไม้ชนิดหนึ่งอยู่ข้างในถูกวาง ไว้ใกล้ๆ กับรถเข็น ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบกระวีกระวาดไปช่วย ท่าทางการหยิบจับโต๊ะอะลูมิเนียมสีแดงขณะนำมันมากางเป็น ไปอย่างคล่องแคล่วและกระตือรือร้น ปราศจากอาการเก้กัง เคอะเขินโดยสิ้นเชิง และในอีกไม่กี่นาทีต่อมา โต๊ะสี่ห้าตัวกับเก้าอี้พลาสติกเข้าชุด ก็พร้อมให้ลูกค้าที่เป็นขาประจำและขาจร ได้นั่งกินบะหมี่ริมทาง

“สอบวิชาลูก ทําไมวันนี้กลับค่ำจัง” กรองทองถามลูกชาย ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่ได้มีท่าที่เคลือบแคลงระแวงสงสัยหรือ ตำหนิติเตียนใดๆ เพราะลูกชายของตนเป็นเด็กดีตลอด ไม่เคย ทำตัวเหลวไหล เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กกระทั่งเรียนอยู่ปีสาม แม้ พฤติกรรมบางอย่างจะมีเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามวัย แต่ก็ไม่เคย ออกนอกลู่นอกทาง เหมือนดั่งคนบนฟ้าส่งลูกชายคนนี้มาเป็น ของขวัญ ช่วยเยียวยาความเจ็บปวดในชีวิตของเธอ

“สอบสองวิชาครับแม่ สอบเช้าวิชาหนึ่ง บ่ายวิชาหนึ่ง จริงๆ อิสร์สอบเสร็จตั้งแต่บ่ายสี่โมงแล้วละ แต่ที่ไม่ได้กลับบ้านเลยก็ เพราะอิสรไปเอาต้นไม้ที่สั่งไว้

“ต้นอะไรเหรอลูก”

“ต้นไม้ของขวัญวันเกิดน้องเอมน่ะครับ พรุ่งนี้วันเกิดน้องเอม

“จริงสินะแม่ลืมไปเลย งั้นพรุ่งนี้พาน้องมากินข้าวที่บ้านนะลูก เดี๋ยวแม่จะทำเค้กส้มของโปรดหนูเอมไว้รอ

“ครับ”

เป็นคำตอบรับสั้นๆ แต่กรองทองรู้ดีว่าลูกชายของตนจะทำ ตามที่พูด กวินภพกับเอมมาลินคบหากันด้วยความรักแบบ บริสุทธิ์และอยู่ในสายตาเธอมาตลอดหลายปี มันเริ่มจากความ สัมพันธ์แบบพี่ชายกับน้องสาว ก่อนจะพัฒนาเป็นความรู้สึกลึก ซึ้งที่มากกว่าความผูกพัน แม้ตนจะรู้อยู่แก่ใจดีว่าสักวันความรักของลูกต้องมีอุปสรรค เพราะฐานะทางครอบครัวที่แตกต่างกัน ราวฟ้ากับเหว แต่กรองทองก็ไม่ได้คิดจะห้ามปรามใดๆ ด้วยเห็น แก่ความสุขของเด็กสองคน และเชื่ออยู่ลึกๆ ว่าลูกชายของตน เป็นคนดีและเป็นคนเก่งมากพอ ที่จะฝ่าฟันขวากหนามซึ่งอาจ เกิดขึ้นในวันข้างหน้าไปได้

ร้านบะหมี่ข้างทางเริ่มคึกคักเมื่อเวลาล่วงผ่านไปเรื่อยๆ หนุ่ม วัยยี่สิบเอ็ดทำหน้าที่เสิร์ฟบะหมี่ให้โต๊ะนั้นโต๊ะนี้อย่างแข็งขัน โดยไม่มีความเขินอายเลยแม้แต่น้อย ทำให้สายตาของลูกค้า หลายคนต่างมองเขาอย่างชื่นชมและภูมิใจแทนคนเป็นแม่

เวลาผ่านไปจนถึงสามทุ่ม รถสปอร์ตราคาหลายล้านแล่นมา จอดที่หน้าร้านบะหมี่ ดึงสายตาคนทั้งร้านให้หันไปมองด้วย ความสนใจ เพราะนอกจากความสวยและราคาของรถแล้ว เด็ก หนุ่มสองคนที่ลงมาจากรถคันนั้นก็น่าสนใจไม่แพ้กัน คนหนึ่ง หล่อเหลาดูดีสะอาดสะอ้าน อีกคนแม้จะเซอร์ๆ แต่ก็เท่และหล่อ เข้มชวนมอง ซึ่งจากองค์ประกอบภายนอก ทั้งรถและบุคลิกของ ทั้งสอง ก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่าทั้งคู่คงเป็นทายาทของมหาเศรษฐี เพียงแต่คนมองยังไม่แน่ใจว่าเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาทั้งสอง คนนั้น มาทำอะไรที่ร้านบะหมี่ข้างทางแบบนี้

กระทั่งสองหนุ่มตรงเข้าไปหาแม่ค้าและยกมือขึ้นไหว้ ก่อนจะ ขยับมาทักทายชายหนุ่มวัยเดียวกัน คนที่แอบเฝ้ามองดูอยู่ เงียบๆ จึงรู้คําตอบ

“มาทำอะไรวะตะวัน ปรัชญ์” กวินภพเอ่ยถามเพื่อนสนิททั้ง สองคน หลังจากยกชามบะหมี่ไปเสิร์ฟให้ลูกค้าเสร็จแล้ว
“มาหาแกน่ะสิ จะชวนไปนั่งชิล” คนที่ตอบคือรังสิมันต์ซึ่งเป็น เจ้าของรถหรูที่จอดอยู่ริมฟุตบาท

“ไม่ว่างวะ ช่วยแม่ขายบะหมี่อยู่ วันนี้คนเยอะด้วย

“ก็กะอยู่ว่าแกจะตอบแบบนี้ ฉันกับไอ้ปรัชญ์ก็เลยจะมาช่วยแก ขาย ขายหมดแล้วเราค่อยไปกัน” รังสิมันต์กับปรัชญ์พยักพเยิด อย่างกระตือรือร้น บ่งบอกว่าเตรียมตัวล่วงหน้ามาอย่างดี ความ จริงเขาหรือปรัชญ์สามารถเหมาบะหมี่หมดร้านได้สบายๆ แต่ก็ ไม่ทำ เพราะรู้นิสัยของกวินภพดีว่าเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรีมากแค่ ไหน หากเขากับปรัชญ์ทำแบบนั้น กวินภพคงโกรธจนไม่มอง หน้าแน่ๆ

“เฮ้ย…ไม่ต้องเลย พวกแกสองคนไปนั่งรอ เดี๋ยวฉันกับแม่ขาย เอง”

“เหอะน่า แกอยู่เฉยๆ ให้ฉันกับไอ้ปรัชญ์ช่วย รับรองว่าบะหมี่

ร้านแกหมดภายในครึ่งชั่วโมง”

“พวกแกจะอะไรนักหนาวะ ไปเที่ยวกันสองคนก็ได้นี่หว่า” กวิน ภพอดจะบ่นเพื่อนไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรนัก แม้เขาจะมีวิถี ชีวิตที่แตกต่างจากเพื่อนสนิท ทว่าก็ไม่ได้ตัดขาดกิจกรรมที่ควร จะมีร่วมกับเพื่อนฝูงเป็นบางครั้งบางคราว ซึ่งแม่เขาเองก็เข้าใจ

“ไอ้ไปนะไปได้ แต่ขาดแกมันก็ไม่ครบแก๊งดิวะ อีกอย่างวัน มะรืนฉันกับไอ้ปรัชญ์ก็ต้องไปฝึกงานแล้วนะเว้ย ใจคอแกจะไม่ ไปเลี้ยงฉลองสั่งลาฉันสองคนหน่อยเหรอวะ”
ไปฝึกงานไม่ใช่เหรอ ต้องสั่งลาอะไรกันนักหนา หรือว่าพวก แกจะไม่กลับมา”

“กลับดิวะ ไม่ได้ตายนี่หว่า แต่มันนานไง ตั้งสามเดือนเลยนะ เว้ย”

“โอเคๆ ไปก็ไป แต่ขอช่วยแม่ขายบะหมี่กับเก็บร้านก่อน

“มีฉันสองคนช่วย รับรองว่าแป๊บเดียว”

พูดจบรังสิมันต์กับปรัชญ์ก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ โดยรังสิมันต์ เป็นคนเรียกลูกค้าเข้าร้าน ส่วนปรัชญ์ช่วยเสิร์ฟและเก็บซามที่ ลูกค้ากินเสร็จแล้ว ไม่นานร้านก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คนจนโต๊ะไม่มี ที่ว่าง

ดวงตาเข้มขรึมมองเพื่อนทั้งสองคนแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ รังสิมัน ต์กับปรัชญ์ดูสนุกสนานกับสิ่งที่กำลังทำ เพราะนั่นคือความ แปลกใหม่สำหรับพวกเขา คงไม่บ่อยนักหรอกที่ลูกมหาเศรษฐีจะ ได้มาทําอะไรแบบนี้

คิดแล้วเขาก็นึกตลกกับโชคชะตาของตัวเองเหมือนกัน เขามี ชีวิตที่ลำบากและจนแสนจน ทว่ารอบตัวกลับมีแต่เหล่าบรรดา ทายาทมหาเศรษฐี มิตรภาพเหล่านี้คงเกิดจากการที่เขาได้มี โอกาสได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับประเทศกระมัง จึง นำพาให้เขาได้รู้จักกับเพื่อนอย่างรังสิมันต์ซึ่งเรียนภาควิชา อุตสาหการเช่นเดียวกับเขา และรังสิมันต์ก็ทำให้เขาได้รู้จักกับ ปรัชญ์ ที่แม้ว่าจะเรียนภาควิชาโยธา ทว่าปรัชญ์ก็เป็นเพื่อนสนิท ของรังสิมันต์ที่มาจากเชียงใหม่ด้วยกัน เขากับปรัชญ์พลอยสนิทสนมกันไปโดยปริยาย

นอกจากนี้ยังมีรุ่นพี่อีกสองคนที่เขารู้จักตอนเข้าเรียนปีหนึ่ง คือปราณ พี่ชายของปรัชญ์กับศาสตราเพื่อนของปราณต์ซึ่งว จากคณะอื่นมาเรียนวิศวอุตสาหการ ทำให้ศาสตรากลายมาเป็น รุ่นพี่สาขาที่เขาเรียน ตอนนี้ปราณ เรียนจบและบรรจุเป็นหมอที่ โรงพยาบาล ในเชียงใหม่ ส่วนศาสตรากำลังเรียนต่อปริญญาโท ด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมการเกษตรอยู่ต่างประเทศ ขณะที่ รังสิมันต์และปรัชญ์เองก็มีแผนจะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ หลังจากจบปริญญาตรี เพราะทั้งคู่ต้องทำหน้าที่บริหารกิจการ ของครอบครัวเช่นเดียวกับศาสตรา

กวินภพไม่เคยอิจฉาพี่หรือเพื่อนคนไหน ด้วยเขาเข้าใจดีว่า โชคชะตาไม่ได้กำหนดมาให้ทุกคนมีเส้นทางชีวิตที่เหมือนกัน เขาพอใจกับความสุขที่เป็นอยู่ตอนนี้ ได้อยู่กับแม่ ได้ดูแลแม่ และมีแสงสว่างดวงเล็กๆ แสนอบอุ่นที่เขาแอบเก็บไว้ในหัวใจ โดยไม่เคยบอกใครให้รู้

อาจจะด้วยคืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ หรือด้วยเพราะมีเด็กเสิร์ฟวีไอ พีหน้าตาดีระดับเดือนมหาวิทยาลัยมาช่วย บะหมี่ที่ร้านกรอง ทองจึงหมดไวกว่าปกติ กวินภพเข็นรถไปส่งแม่ที่บ้าน จากนั้นจึง ออกไปนั่งดื่มกับเพื่อนๆ ซึ่งกว่าจะแยกย้ายกันกลับก็ดึกพอ สมควร เพราะวันพรุ่งนี้เป็นวันหยุด และทั้งหมดสอบปลายภาค เสร็จทุกวิชาแล้ว ที่เหลือหลังจากนี้ก็คือต่างคนต่างไปฝึกงาน รัง สมันต์เลือกไปฝึกงานที่เชียงใหม่ ปรัชญ์ลงใต้ตามประสาคน ขวางโลกและไม่ลงรอยกับแม่ ยามใดที่แม่บอกให้ไปขวา ปรัชญ์จะต้องไปซ้าย แม่บอกให้ไปเหนือ ปรัชญ์ก็จะสวนทางลงใต้ ส่วน ตัวเขาฝึกงานในกรุงเทพฯ เพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆ และช่วยแม่ขาย บะหมี่ในตอนเย็นเหมือนเดิมด้วย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ