แค้น มิอาจซ่อนรัก

บทที่ 6



บทที่ 6

“ไม่ต้องไปช่วยหรอกปล่อยให้มันทำเอง แค่นั้นทำไม่ได้ก็ไม่รู้ จะไปทำมาหากินอะไรแล้ว อีกอย่างฉันกลัวว่ามันจะทำร้ายเหนือ น่ะสิ” โอภาสไม่เห็นด้วยกับความคิดภรรยา

“แต่เหนือคือคนที่สนิทกับคุณคนที่สุดนะคะ เขาคงไม่ทำ อย่างนั้นหรอกน่า ตอนนี้คงจะมีแค่เหนือที่พอจะคุยกับคุณคินได้” น้ำจันทร์พยายามคิดในแง่ดีเอาไว้ก่อน เพราะรู้ดีว่าทั้งสอง เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก สนิทสนมราวกับพี่น้องก็ไม่ปาน

“แต่…” โอภาสพยายามจะแย้ง แต่น้ำเหนือกลับตัดสินใจ ปุบปับ ยอมทำตามคำร้องขอของมารดา เพราะไม่อยากให้ท่าน ทั้งสองไม่สบายใจไปมากกว่านี้

“ผมจะไปครับ พ่อเลี้ยงไม่ต้องห่วงนะครับ พี่คนไม่ทำร้ายผม

แน่นอนครับ”

“ถ้างั้นฉันฝากมันด้วยนะ มีแต่เหนือนี่ละที่พอจะคุยกับมันได้ แต่ถ้ามันทําพฤติกรรมไม่ดีใส่รีบมาบอกฉันทันทีเลยนะ จะไป จัดการมันให้เอง”

“ครับพ่อเลี้ยง งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ
น้ำเหนือส่งยิ้มให้คนทั้งสองเป็นการทิ้งท้าย จากนั้นก็ลุกขึ้น จากโซฟาเดินขึ้นไปชั้นสองอีกครั้ง แม้ว่าในใจยังคงรู้สึกหวาด กลัวเขาคนนั้นไม่น้อย แต่ทว่าเขาต้องอดทนเข้าไว้ให้มาก ๆ

เดินมาถึงหน้าประตูห้องแล้วน้ำเหนือก็ถอนหายใจเฮือก ใหญ่ เขาจะพยายามเข้มแข็งเอาไว้ไม่ว่าจะโดนอะไรอีกก็ตาม เพื่อให้มารดาและพ่อเลี้ยง โอภาสสบายใจ นั่นคือสิ่งที่พอจะทำ เพื่อตอบแทนบุญคุณท่านได้

ก็อก! ก๊อก! ก๊อก!

น้ำเหนือเคาะประตูห้องแล้วยืนรออยู่อย่างนั้นพักใหญ่ แต่ อีกฝ่ายกลับไม่ยอมส่งเสียงหรือเปิดประตูให้ จึงถือวิสาสะเปิด ประตูแล้วชะโงกหน้าเข้าไปดู ทว่ากลับไม่เจอเจ้าของห้อง จึงเดิน เข้าไปอย่างไม่ทันระวังตัว

ปัง!

เมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้นมาใหม่จึงหันกลับไปมอง ก็เห็น ภาคินยืนยิ้มมุมปาก ทำสีหน้ากวน ๆ อย่างน่าหมั่นไส้ แต่ทว่า เมื่อเห็นดวงตาเขาแดงราวกับผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ก็ ทำให้น้ำเหนือรู้สึกเห็นใจขึ้นมาทันที

“เข้ามาทำไมหรือว่าติดใจพี่เข้าให้แล้ว” คนพูดยืนเท้า สะเอวมองหน้าราวกับนักเลงกำลังหาเรื่อง

“หยุดพูดถึงเรื่องนั้นสักที ผมจะถือว่าทำทานให้หมูให้หมา ไปละกัน” เขาพยายามข่มอารมณ์ขุ่นมัวเอาไว้ เพราะไม่อยากต่อ ปากต่อคําให้ต้องเปลืองน้ำลาย
“ทําทานให้หมูให้หมางั้นเหรอ” เมื่อโดนด่ากลาย ๆ ภาค นก็เดินย่างสามขุมเข้ามาหา คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนเรียว ออกแรงบีบตั้งใจให้อีกฝ่ายได้รับความเจ็บปวด

“ใช่! ก็มีแค่สัตว์เท่านั้นที่เอาไม่เลือก พี่มันก็ไม่ต่างจากสัตว์ พวกนั้นเลยสักนิด” ภาคนจ้องหน้าอย่างไม่ลดละ เขาพร้อมจะต่อ ปากต่อคำ หากอีกฝ่ายยังไม่ยอมหยุดพูดจาถูกหมิ่นดูแคลน

“พูดอย่างนี้ต้องการยั่วให้พี่โมโห แล้วท่าอย่างเมื่อคืนอีกล่ะ สิท่า” กล่าวจบชายหนุ่มก็แสยะยิ้ม เหลือบตามองใบหน้าหวาน อย่างมีเลศนัย

“แค่ครั้งเดียวมันก็เกินพอแล้ว คนอย่างพี่มันหน้าตัวเมีย รังแกคนไม่มีทางสู้ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลยสักนิดเดียว ถ้า แม่ไม่สั่งให้มาช่วยเก็บของ ผมจะไม่มีวันเข้ามาเหยียบในห้องนี้ อีกแน่”

“โถ ๆ ถึงขนาดส่งลูกชายมาบรรณาการให้ถึงที่เลยเหรอ แม่นายนี่ก็เก่งเนอะเรื่องวางแผนจับผู้ชายเนี่ย

เมื่อทนฟังไม่ได้เหนือก็ง้างมือเรียวฟาดที่ใบหน้าหล่อ อย่างเต็มแรง

เจี๊ยะ!

“พี่ไม่มีสิทธิ์มาว่าแม่ผม ถ้าคุยไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องคุยกันแล้ว รีบเก็บของแล้วย้ายไปอยู่ในไร่ซะ อยู่ที่นี่มีแต่จะทำให้คนอื่น อึดอัดซะเปล่า”
“กล้าตบหน้า งั้นเหรอ!” ภาคินจับไหล่บางทั้งสองข้างล็อก ตัวไว้ จากนั้นโน้มใบหน้าเข้าไปประกบจูบริมฝีปากหยักได้รูป อย่างหนักหน่วง ชายหนุ่มตักตวงความหอมหวานอย่างไม่ลดละ แทบไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสหายใจหายคอเลยสักวินาที

กำปั้นน้อย ๆ ทุบเข้าที่แผงอกแกร่งระรัว แต่ทว่ากลับไม่ สามารถทำให้อีกฝ่ายรู้สึกรู้สา ในวินาทีนั้นภาคนเลื้อยมือไปวาง ไว้บนแผ่นหลังหนุ่มน้อย กระชับกอดเรือนร่างบอบบางไว้แน่น ส่ง ลิ้นสากเข้าไปในโพรงปาก ตวัดระรัวราวกับต้องการควานหา อะไรบางอย่าง

“อื้อ…

ภาคินบดจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยง่าย ๆ เมื่อสมใจแล้วเจ้าตัวก็ผละใบหน้าออกมา ส่งสายตาอันหยาด เยิ้มจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสวย ราวกับต้องการสะกดให้ยอม ศิโรราบ น้ำเหนือก้มหน้าลงไม่ยอมสบตาเขา ใบหน้าขาวใส เปลี่ยนสีปานลูกตำลึงสุก

“มองหน้าพี่” เขาออกคำสั่งแต่ทว่าอีกฝ่ายยังคงไม่ยอมทํา

ตาม

“พี่บอกให้เงยหน้าขึ้นมาแล้วมองหน้าพี่ ถ้ายังดื้อไม่โดนแค่

นี้แน่”

เมื่อโดนขู่จึงเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ ได้สบตากันความเป็น อายก็บังเกิดขึ้น เขาเอาแต่จ้องมองปานจะกลืนกิน แถมมือหนากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก

ถ้าไม่อยากให้ช่วยก็ปล่อย ผมจะได้ทํางานอย่างอื่น ต่อ

ถ้าปากนายหวานอย่างจูบตั้งนานแล้วล่ะ ถ้ารู้สึกผิดเรื่องนี้จริง ๆ ก็ย้าย เข้าในกับน้ำหนุ่มเริ่มความนุ่มนวล มากขึ้น ราวกับกำลังเกลี้ยกล่อมให้กับ

ไม่ผม

“ถ้าไม่ไปอีกฝ่ายกระตุกยิ้มร้ายเมื่อเป็นต่อ

ทำไมทําอย่างนี้ คนคนเดิมของผมหายไปไหนแล้ว ฮึกพี่คนไม่ไม่เป็นห่วงเหนือคนแล้วเหรอ ได้รังแก แล้วเล่าอย่าง” ความรู้สึกต่างประดังประเดเข้ามาจน ทําให้ดวงตาสวยหยาดแต่ก็ห้ามตัวเองไม่ได้

แต่ที่

“หมายความว่ายังไง พี่ทําอะไรแม่ผม

ไม่จะแกล้งเล่น ๆ หรืออาจจะเล่นใหญ่จน….เลยก็มั้งคนพูดลอยหน้าลอยอย่างน่าหมั่นไส้ น้ำเหนือไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปมากถึงขนาดนี้ หากย้อนเวลากลับ ไปได้เขาจะห้ามไม่ให้มารดาแต่งงานกับพ่อเลี้ยง โอภาส ไม่งั้น เรื่องบ้า ๆ มันคงไม่เกิดขึ้นอย่างนี้

“ทำไมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ผมเสียใจที่เคยรักคน อย่างพี่” สายตาที่มองเขาราวกับความรักและความศรัทธามันได้ หายไปจากใจแล้ว

“จะดีใจหรือเสียใจมันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะนายกับแม่ เป็นคนเริ่มมันก่อน สรุปว่าจะเอายังไงไปหรือไม่ไป” น้ำเสียงของ ชายหนุ่มเริ่มจริงจังขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เจ้าหล่อนรีบตัดสินใจ

“ถ้าผมยอมไป พี่จะไม่ยุ่งกับแม่ใช่ไหม”

“ใช่!” ในเมื่อทำอะไรแม่ไม่ได้ เขาก็จะมาลงกับลูกชายแทน มันสะใจกว่าเป็นไหน ๆ

“ถ้างั้นผมจะไป

“ดี! งั้นก็ไปเก็บของตอนนี้เลย จะได้ไปพร้อมกัน” ภาคิน เผลอยิ้มออกมา โดยไม่รู้เลยว่ายิ้มเพราะดีใจหรือสะใจกันแน่ “ปล่อยครับ ผมจะได้รีบไป

ก่อนจะคลายอ้อมกอดภาคินไม่ลืมที่จะหากำไรจากแก้มขาว นวลทั้งสองข้าง ตบท้ายด้วยการจุมพิตที่ริมฝีปากหยักได้รูป หลายครั้งติดต่อกัน

“หวังว่านายคงไม่หักหลังพี่นะ” เขาเอ่ยหลังจากคลายอ้อม กอดจนอีกฝ่ายเป็นอิสระแล้ว
“พี่เองก็ต้องรักษาคำพูดเหมือนกัน”

“ลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว รีบไปเดี๋ยวจะค่ำมืดซะ ก่อน แล้วเจอกันหี ๆ

น้ำเหนือรีบเดินออกไปจากห้องโดยเร็ว ส่วนภาคนยืน กอดอกมองตามหลัง ยิ้มมุมปากด้วยความพอใจที่น้ำเหนือ หลงกลเข้าให้แล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ