บทที่ 1. เกลียดแรกพบหรือรักแรกพบ
โรมิโอหน้าเมื่อต้องขับรถมารับ คู่หมั้น ที่เขาเพิ่งจะมีเมื่อไม่ กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา จากคำขอร้องแบบบังคับจิตใจที่เต็มไปด้วย เล่ห์เหลี่ยมของมารดา ทำให้เขาต้องเดินทางมาเมืองไทยเพื่อมา รับผู้หญิงชื่อแปลกประหลาดผู้เป็นคู่หมั้นของตนกลับไปแต่งงาน ที่บ้านของเขาในเคปทาวน์ แอฟริกาใต้ หรือบางทีเขาก็คิดว่า แต่งงานที่นี่ก็ไม่เป็นไร
เรือใบไม้ มิลเลอร์ คนอะไรชื่อแปลกประหลาด คนตายใน สุสานมีเยอะแยะกลับมาตั้งชื่อนี้เขาล่ะอยากเห็นหน้าของคู่หมั้น ณ ปัจจุบันจริงๆ ว่าเธอจะแตกต่างจากรูปที่มารดาให้มาไม่ เด็ก ผู้หญิงที่ดูอย่างไรก็ไม่ใช่ผู้หญิง แถมยังตัวยิ้มยิงฟันขาวจั๊วะ อีกต่างหาก ท่าทางราวกับเด็กผู้ชาย มีสิ่งที่โดดเด่นน่ามอง หน่อยก็คงเป็นดวงตากลมโตสุกใสที่เขาคิดว่ามันโตมากเกินไป จนมันเด่นหราอยู่บนใบหน้ามอมแมมที่กำลังยิ้มยิงฟันคู่กับม้าซึ่ง ก็กำลังแยกเขี้ยวยิ้มกว้างเหมือนกันกับเจ้าหล่อน ดูเผินๆ เขาคิด ว่าเธอกับม้าหน้าที่เหมือนกันอย่างกับแกะ ตลกชะมัด… ชาย หนุ่มถอนหายใจแรงๆ ด้วยความหงุดหงิดไม่รู้รอบที่เท่าไหร่แล้ว ในวันนี้แต่มองใบหน้าของคนกับม้า ในรูปทีไรก็อดหัวเราะไม่ได้ เช่นกัน
“คุณแม่นะคุณแม่ สงสัยจะไม่ได้ดูหน้าตายายคนนี้ให้ดี นึกว่า ม้าเป็นยัยนี่รึเปล่าก็ไม่รู้ ดูเหมือนกันจนแยกไม่ออกแต่ดูม้าจะ น่ารักกว่าหลายเท่าเลย ฮ่าๆ แต่จะว่าไปทำไมขายใบไม้นี่หน้าตาคุ้นๆ หว่าเหมือนเคยเห็นที่ไหน ชื่อก็เหมือนเคยได้ยินแต่โลก คงไม่กลมขนาดนั้นหรอกมั้ง
ไม่วายที่โรมิโอจะแอบค่อนขอดคนในรูป ดูไปดูมาก็น่าขันอยู่ ไม่น้อย โรมิโอหัวเราะก๊ากพูดเออออกับตัวเองอยู่คนเดียวขณะที่ รถคันงามเลี้ยวเข้าสู่เขต ฟาร์มม้ามิลเลอร์
ชายหนุ่มลงจากรถแล้วมองไปรอบๆ ทุ่งหญ้าเขียวขจีมองเห็น เนินเขาอยู่ไกลๆ ไม่ไกลจากทางโรยกรวดทอดยาวไปยังตัวบ้าน ไม้ชั้นเดียวดกะทัดรัดซึ่งออกแบบได้น่ารักงดงามมีดอกไม้หลาก สีปลูกอยู่หน้าบ้านซึ่งร่มรื่นด้วยแมกไม้ดูน่าอยู่อย่างไม่น่าเชื่อ โร มิโอเดินเรื่อยๆ ไปตามทางที่แยกไปยังคอกม้าตามป้ายบนเสา ไม้ทาสีสดใสที่มีป้ายบอกทางไปตามที่ต่างๆ ในฟาร์ม และเมื่อ เขาเห็นหนุ่มน้อยคนหนึ่งกำลังอาบน้ำแปรงขนให้ม้าแข่งตัวใหญ่ ที่ดูเหมือนว่ามาจะตัวใหญ่กว่าคนที่กำลังอาบน้ำให้มันเกินครึ่ง อย่างแข็งขัน โรมิโอเดินเข้าไปหาเพื่อสอบถามทันที
“นี่ไอ้หนู เจ้าของฟาร์มชื่อแปลกประหลาดที่หน้าตาเหมือนม้า ยิงฟันที่นายกำลังแปรงขนอยู่นี่เขาอยู่ไหน ฉันมีธุระกับเขาน่ะ” คนที่กำลังแปรงขนม้าไม่ได้หันมาพูดด้วยแต่ส่ายศีรษะเชิงไม่รู้ไม่ เห็น
“นี่ไอ้หนู ฉันมีธุระจริงๆ เขาอยู่ไหนเจ้านายเธอนะ เอาล่ะไม่ อยากตอบก็ไม่ต้องตอบว่าแต่ฟาร์มที่ใกล้จะเจ๊งแบบนี้คิดว่าเจ้า นายของนายจะไปมุดหัวอยู่ที่ไหนได้มั่งวะ”
เขาทําเสียงหงุดหงิดเมื่อแดดเริ่มร้อนและคนที่นี่ไม่ให้ความร่วมมืออีกด้วย ยายเรือใบไม้แห้งเหี่ยวนั่นไปอยู่ตรงไหนของ ฟาร์มนะ…
“ปกติแล้วคุณใบไม้จะอยู่ที่ลำธารพาม้าตัวโปรดไปเล็มหญ้า แถวนั้นฮะ เพราะที่นั่นอากาศดีไม่มีมลพิษทางเสียงและทาง อากาศ บางทีก็มีคนแปลกหน้าเข้ามาในฟาร์มแต่ทำตัวเหม็น เหมือนขยะที่แม้แต่แมลงวันยังไม่ตอม และคุณใบไม้บอกว่าหาก เจอคนแบบนี้ให้ไล่กลับไปอย่าให้มาเหยียบที่นี่อีก” เสียงใสๆ ของเด็กคอกม้าดังขึ้นทำให้โรมิโอหันมามองอย่างไม่พอใจ เพราะรู้สึกเหมือนถูกหลอกด่าชอบกล
“นายหลอกด่าฉันรึเปล่าวะไอ้หนู….
“คุณเป็นใครล่ะคร้าบ ผมถึงจะต้องไปหลอกด่าคุณ
เด็กหนุ่มตอบโดยไม่ได้หันหน้ามาคุยกับเขาเช่นเดิม แต่ยัง ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรเสียงเด็กเจี๊ยวจ๊าวก็ดังขึ้นมาพร้อมกับ ร่างเด็กชายหญิงสี่คนวิ่งมายังเขา
“อาโรมๆ อาโรมมา อาโรมๆ”
เด็กหญิงมานิต้า เกรย์ หนูน้อยวัยสามขวบผมหยิกหยอยแก้ม แดงปลั่งวิ่งมาหาเขาแล้วโถมเข้ากอดอย่างยินดีชายหนุ่มเองก็ อุ้มร่างอ้วนกลมนั้นขึ้นมาแล้วหอมแก้มแดงๆ นั้นอย่างมันเขี้ยว
“นิต้ามากับใคร คุณพ่อหรือคะ”
“ใช่ครับมากับพวกเราด้วย ป้อง ต้นกล้า และภีม” เด็กชายวัย เดียวกันสามคนต่างแย่งกันตอบเขา โรมิโอมองหน้าเด็กๆ ซึ่งต่างก็เป็นหลานๆ ของเขาเองอย่างเริ่มจะปวดหัวไว้รอ คนที่พา ลิงทโมนสามตัวนี้มาอยู่ไหนนะแล้วมาที่นี่ได้อย่างไร…
“แกกำลังแอบตาฉัน ในใจรึเปล่าวะไอ้โรม แอนโทนี่ เกรย์ สัตวแพทย์หนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมร่างสูงไม่แพ้กัน
เดินออกจากคอกม้าด้านใน
“ไอ้โทนี่ นายมาได้ไงวะ
“อ้าวก็ฉันเป็นสัตวแพทย์ ฉันก็อยู่ทุกที่ที่มีสัตว์ป่วยหรือบาด เจ็บอยู่แล้ว ว่าแต่นายเถอะมาทำไม
“ฉันไม่ยักรู้ว่านายมาอยู่ที่เมืองไทยเป็นการถาวรแล้ว” ไม่ ตอบคำถามแต่เลี่ยงไปคุยอีกเรื่องหน้าตาเฉย
“ก็นายจะได้รู้อะไรเกี่ยวกับฉันบ้างวะ วันๆ เอาแต่เที่ยวควง
สาวไปทั่ว
“นี่หลอกด่าฉันเหมือนไอ้เด็กคอกม้านั่นรึเปล่าวะ อ้าว… หาย ไปไหนแล้ว” โรมิโอจะหันมาหาคนที่เขาเพิ่งจะได้พูดคุยไปเมื่อ ครูแต่ปรากฏว่าไอ้หนุ่มน้อยคนนั้นหายไปแล้วพร้อมกับม้าตัว ใหญ่
“ใครวะ… แอนโทนี่ถามงงๆ เพราะตรงนี้เขาไม่เห็นว่าจะมี ใครนอกจากโรมิโอแม้ก่อนหน้านี้เขาเห็นหลังไวๆ ของใครคน หนึ่งซึ่งค่อนข้างคุ้นตา
“ช่างเถอะคงเป็นคนงานเลี้ยงม้าแถวๆ นี้ล่ะ”
“แล้วตกลงนายมาที่นี่ทำไม อย่าบอกนะว่ามาหาสาวๆ แถวนี้ บอกไว้ก่อนนะว่าม้าแม่พันธุ์ของที่นี่ต้องได้พ่อพันธุ์ที่ดีที่สุด เท่านั้นซึ่งนายไม่ใช่
“ฉันไม่ใช่พ่อพันธุ์เว้ย นายอย่ามั่ว นี่หลอกด่าฉันอีกแล้วใช่ ไหมเนี่ย..” โรมิโอเริ่มหน้าหงิกท่าทางดูหงุดหงิดของเขาทำให้
แอนโทนี่หัวเราะเบาๆ
“แล้วนี่นายรู้จักยายใบไม้แห้งนั่นใช่มั้ย เขาอยู่ไหนล่ะฉันมี ธุระกับเขาหน่อย
“รู้จักดีทีเดียว แต่อย่างนายนี่นะมีธุระกับน้องใบไม้ ฉันไม่ อยากเชื่อ..”
“ทำไมวะ คนอย่างฉันถึงจะมีธุระกับยายใบไม้แห้งนั่นไม่ได้
แล้วท่าทางฉันไม่น่าเชื่อตรงไหนวะ
“ก็คนอย่างนายจะมามีธุระอะไรกับคนที่นี่วะมันคนละทาง คนละสาย อีกอย่างน้องเขาชื่อเรือใบไม้ หรือน้องเรือใบหรือนาย จะเรียก ใบไม้ก็ได้ แต่คนที่นี่เรียกเธอว่า คุณหนูใบไม้” แอนโทนี่ ส่ายหน้ากับความปากร้ายของเพื่อนรักแล้วอธิบายให้เขาฟัง คร่าวๆ
“แล้วตกลงยายนั่นอยู่ไหนเนี่ย ฉันร้อนและเหนื่อยมาก
“ไปรอที่ที่สำนักงานก่อนสิ ตามฉันมาก็แล้วกัน เด็กๆ ครับ พ่อ จะไปแล้วนะ มาขึ้นรถเร็ว”
แอนโทนี่บอกเพื่อนรักแล้วเรียกเด็กๆ ที่พากันไปวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ ออกมาอย่างสนุกสนานมาขึ้นรถ ไม่นานเด็กๆ ก็วิ่งกรูกัน ขึ้นรถเรียบร้อยแล้วยังกวักมือเรียกโรมิโอกันให้แซด ชายหนุ่ม จึงเดินขึ้นไปนั่งกับเด็กๆ และแน่นอนว่าคำถามมากกมายก็พรั่ง พรูจากปากเด็กๆ จนโรมิตอบคำถามของหลานๆ ไม่ทัน…
เด็กแก่แดด เด็กพวกนี้ได้ความแก่แดดแก่ลมมาจากไหนนะ โรมิโอส่ายหน้าอย่างระอาแกมขบขันและเอ็นดูเด็กน้อยที่สรรหา คำถามมากมายมาถาม ซึ่งแต่ละคำถามโรมิโอไม่อยากเชื่อเลย ว่าเด็กวัยสี่ห้าขวบจะถามมาได้
“อาโรมจะมาท้าแข่งขี่ม้ากับอาใบไม้หราคา
เด็กหญิงมานิต้าถามอาหนุ่มอย่างสงสัยแก้มแดงๆ และแวว ตาพราวระยับสดใสนั้นมองเขาอย่างรอคอยค่าตอบ
“หรืออาโรมจะมาขออาใบไม้เป็นแฟน อาใบไม้ขี่ม้าเก่งที่สุด
ในโลกเลยนะครับ”
“ใช่ๆ อาโรมเคยพูดว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนชนะคนอย่างโรมิโอ ได้หรอก ใครขี่ม้าชนะอาโรม อาโรมจะแต่งงานด้วย
คราวนี้น้องภีมลูกชายราเชนทร์กับพิมพ์อักษรพูดและทำท่า เลียนแบบเขาแล้วหัวเราะชอบใจ เด็กๆ ทั้งสี่คนหัวเราะคิกคักๆ น่าหมั่นไส้ โรมิโอทำหน้าไม่ถูกเมื่อหันไปเห็นว่าแอนโทนี่ก็ หัวเราะเหมือนกัน
“จำได้มั้ยปีก่อนโน้นอาโรมแพ้อาใบไม้
แล้วความทรงจําของโรมิโอก็กลับคืนมาพลางนึกถึงภาพยายทอมบอยคนนั้นกับภาพเด็กสาวในรูปที่มารดาให้มา ถึงว่าเขา คุ้นหน้าเจ้าหล่อนแต่นึกไม่ออกว่าที่ไหน แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้ขี่ม้า แข่งกับเธอที่ฟาร์มนี้แต่เป็นสนามของฟาร์มแห่งหนึ่ง โป๊ะเชะ เขาจำได้แล้ว ถึงว่าชื่อคุ้นๆ แต่หน้าตาในรูปกับคนที่เขาเคยเจอ นั้นแตกต่างกันอยู่ไม่น้อยอาจจะเพราะรูปที่แม่ให้มานั้นมันเก่าไป นั่นเองแต่ก็มีเค้าว่าคล้ายกัน
“ใช่ๆ จริงด้วย” เด็กขานรับกันเสียงดังลั่นโรมิโอรู้สึกเสีย ความมั่นใจอย่างแรง
“เอาล่ะเด็กๆ เลิกพูดถึงเรื่องนี้ดีกว่าไหม ถ้าเป็นเด็กดีอาโรม จะพาไปสวนสนุก”
“ได้ค่า / ได้ครับ เพียงเท่านั้นเด็กๆ ก็นั่งเป็นระเบียบและเลิก ล้อเลียนเขา
“เออ จริงสิ คุณแม่บอกฉันว่าแกจะมาหาน้องใบไม้ ให้ฉันดูแล แกด้วย กลัวว่าแกจะปากไม่ดีแล้วทำให้น้องใบไม้ไม่ตกลงกลับ ไปเคปทาวน์ด้วย
“คนอย่างฉันไม่ต้องอ้อนวอนให้แกมาช่วยขนาดนั้นหรอกน่า
“จริงเหรอ.. ฉันว่าแกต้องพึ่งพาฉันแน่งานนี้เพราะถ้าหากแก คุยกับน้องใบไม้เองไม่มีทางที่น้องใบไม้จะไปกับแก แล้วคุณแม่ ก็จะโกรธมากด้วย
“นี่หุบปากหมาๆ ของแกไปเลยนะไอ้โทนี่ฉันไม่ไร้น้ำยาขนาด นั้นหรอก คนอย่างโรมิโอสาวๆ เห็นกระทวยกันทั้งนั้น” โรมิโอ หน้าเพื่อนรัก
“อาโรมขา อาโรมพูดไม่เพราะค่า” เด็กหญิงท้วงขึ้นแล้วทำนิ้ว ชี้ส่ายไปมา แล้วยังส่ายหน้าทตาขึงขังใส่ผู้เป็นคุณอาสุดหล่อ
“อาขอโทษค่ะนิต้า เอาล่ะเอาเป็นว่าอาจะพาไปเที่ยวสวนสัตว์ เป็นการไถ่โทษดีไหมคะ”
“ดีค่า / ดีค้าบบ” เด็กชายทั้งสี่ที่มีแววความสวยงาม หล่อ เหลาและร้ายกาจตอบขึ้นพร้อมกันแล้วนั่งเรียบร้อย น้องป้อง หลานรักเข้ามากอดอาของตนอย่างออดอ้อน
“ป้องว่าอาโรมสุดหล่อของป้องนี่ขี่ม้าเก่งที่สุดในโลกแล้วยัง หล่อมากๆ ด้วยอาใบไม้จะต้องหลงรักอาโรมของป้องต้องแต่ แรกเห็นแน่แน่นอนเลยค้าบ
“อยู่เป็นนะเรา” โรมิโอขยี้เรือนผมของหลานชายเบาๆ อย่าง เอ็นดูแกมหมั่นไส้ในความขี้ประจบของน้องป้องเสียนัก
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ