เลขาบนเตียง

ตอนที่ 9



ตอนที่ 9

EP 9: เลขาบนเตียง

“กุ้งก็ไม่รู้หรอกค่ะ เขาว่ามาอย่างนั้น กุ้งก็เลยมาเม้าให้พี่แก้ว ฟังอีกทีหนึ่ง”

“ขอบใจจ้ะ อ้อ แล้วนี่คุณสุพจน์ออกจากงานไปแล้วเหรอกุ้ง”

“ใช่ค่ะ แต่เมื่อเช้าเห็นเข้ามาเก็บของที่โต๊ะทำงานน่ะค่ะ เดี๋ยว ก็คงจะไปแล้ว”

หล่อนฝืนยิ้มน้อยๆ ให้กับกุ้ง ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน ของตนเอง

“พี่แก้วจะไปไหนคะ”

“พี่จะไปลาคุณสุพจน์หน่อยน่ะ

“อ๋อ งั้นกุ้งไปห้องทำงานก่อนนะพี่แก้ว

คู่สนทนาเดินจากไปแล้ว หล่อนจึงเดินไปยังแผนกออกแบบ ผลิตภัณฑ์ เพื่อล่ำลาสุพจน์

“เสียใจด้วยนะคะคุณพจน์”

หล่อนเอ่ยขึ้นเมื่อมาหยุดอยู่ข้างๆ ร่างสูงที่กำลังเก็บข้าวเก็บ ของใส่กล่องใหญ่อยู่
ชายหนุ่มหันมาระบายยิ้มบางๆ ให้กับหล่อน

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมได้ค่าตกใจตั้งปีหนึ่งแน่ะ” หล่อนยิ้มให้กับคู่สนทนา ก่อนจะพูดให้กำลังใจ “คนเก่งๆ อย่างคุณพจน์จะต้องหางานที่ดีได้อย่างแน่นอนค่ะ” “ขอบคุณครับคุณแก้ว”

เขายิ้มให้กับหล่อน

“ถ้าผมไม่ได้ทำงานที่นี่แล้ว เรายังเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม ไหมครับ เออ… ผมหมายถึงเรายังโทรหากัน และนัดกินข้าวได้ ไหม”

“ได้สิคะ ถ้าแก้วมีเวลานะ”

เขาระบายยิ้มกว้าง

“ผมจะรอจนกว่าคุณแก้วจะมีเวลาให้ผมครับ

หล่อนฝืนระบายยิ้มออกมา และช่วยสุพจน์เก็บข้าวเก็บของ จากนั้นก็เดินไปส่งชายหนุ่มที่รถยนต์ของเขา ซึ่งก็เป็นจังหวะ เดียวกันทีภาคขับรถเข้ามาในบริษัทพอดี เขามองหล่อนผ่าน กระจกรถออกมา ก่อนจะขับเลยเข้าไปยังลานจอดรถ จากนั้นก็ เดินหายไป

หล่อนมองตามเขาไปตาระห้อย ก่อนจะรีบเรียกสติเมื่อได้ยิน

เสียงกระแอมของสุพจน์

“บอสไม่ชอบให้ผมคุยกับคุณแก้วครับ”
“เอ่อ… ว่าอะไรนะคะ” หล่อนฟังไม่ถนัดนัก

“ผมบอกว่า บอสไม่ชอบให้ผมคุย หรือว่าใกล้ชิดกับคุณแก้ วน่ะครับ”

หล่อนส่ายหน้าติก ก่อนจะฝืนหัวเราะ

“ไม่จริงหรอกค่ะ”

“จริงสิครับ”

คู่สนทนายืนยันหนักแน่น

“เพราะบอสเรียกผมไปหา และพูดเรื่องของคุณแก้วครับ” หล่อนนิ่งงันไป ใช้เวลานานเลยทีเดียวกว่าจะเอ่ยถามออกมา

ได้

“คุย… เรื่องอะไรเหรอคะ”

“ก็เรื่องที่เราสนิทสนมกัน และไปกินข้าวกันนะครับ” หล่อนไม่อยากจะเชื่อว่าภาคจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวขอหล่อน ด้วย ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเขาไม่เคยทำเลย

“และบอสยังบอกให้ผมเลิกยุ่งเกี่ยวกับคุณแก้วด้วยครับ แต่ ผมไม่รับปาก บอสก็เลยเชิญให้ผมออกครับ”

“เรื่องแค่นี้จริงเหรอคะ”

“จริงครับ โดยบอสให้เหตุผลกับผมว่า เขาไม่ต้องการให้เลขาดีเด่นของตัวเองเอาเวลา”

นี่สิคือเหตุผลของภาค…

คนเห็น

ความน้อยใจทำให้หล่อนน้ำตาเงี่ยนสะกดกลั้นเอาไว้

“บอสคงต้องการ

“เกี่ยวกับคุณแก้วหรอกครับ ผมผิดเองยอมหาก

แล้วเขาคว้าเล็กไปกุมเอาบีบแผ่วเบา

“ถ้าคุณแก้วไม่รังเกียจ คบหา

ค้างเติ่ง ดวงตาโตใต้หนาแทบ

จากเบ้า

“คุณพจน์?

จากใจจริงๆ นะครับ ผมชอบคุณแก้ว ผมชอบผู้หญิง แว่นแบบนี้แหละ

หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรง และพจน์ทันที

“แก้ว… แก้วไม่คิดเรื่องเลยค่ะ ขอโทษนะคะ
สีหน้าของสุพจน์มีความผิดหวัง แต่เขาก็ระบายยิ้มยอมรับ ความจริงออกมา

“ถ้าวันไดคุณแก้วอยากมีคนรักดีๆ สักคน ได้โปรดคิดถึงผม

เป็นคนแรกนะครับ มันไม่มีทางมีวันนั้นได้หรอก เพราะหัวใจทั้งดวงของหล่อนเป็น

ของภาคไปตั้งนานแล้ว

“อย่ารอแก้วเลยค่ะ”

“งั้นก็แสดงว่าคุณแก้วมีคนที่แอบรักอยู่แล้ว”

สุพจน์สรุปเสียงแผ่วเบา แต่ก็ยังฝืนยิ้ม

“และถ้าผมคาดเดาไม่ผิดก็คือ…”

หล่อนรู้ว่าเขาจะพูดถึงใคร หล่อนจึงรีบหยุดเขาเอาไว้ด้วยคำ พูดเจ็บปวด

“อย่าพูดออกมาค่ะ ได้โปรดเถอะค่ะ”

“ครับ”

“แก้ว… ขอให้คุณพจน์เจอคนที่ดีนะคะ มีชีวิตการงานที่มั่นคง รุ่งเรือง ถ้าวันไหนว่าง เรานัดดื่มกาแฟกันค่ะ”

“ได้ครับ”

สุพจน์มองหน้ากนกแก้ว ก่อนจะพูดขึ้นอย่างตัดใจ “ผมก็ขอให้คุณแก้ว… สมหวังในความรักนะครับ”
หล่อนทําได้แค่ยิ้มเศร้าหมอง เพราะรู้ดีว่าต่อให้ฟ้าถล่มลงมา ทั้งผืน ความรักของตนเองก็ไม่มีทางสมหวัง

“ขอบคุณค่ะ เดินทางดีๆ นะคะ”

“ลาก่อนครับ”

“ลาก่อนค่ะ

หล่อน โบกมือลา ให้กับสุพจน์ มองเขาก้าวขึ้นรถยนต์ และขับ ออกไปจนลับตา

“ขอให้คุณพจน์โชคดีนะคะ

หล่อนพิมพ์ออกมาเศร้าๆ ก่อนจะตัดสินใจหมุนตัวเดินกลับ เข้าไปในบริษัทอีกครั้ง

“ทำไมจะต้องไปส่งหมอนั่นด้วย อาลัยอาวรณ์มันนักหรือไง” “บอส?”

หล่อนแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายที่ยืนพิงสะโพกอยู่กับ โต๊ะทำงานของหล่อน จะเป็นเจ้าของวาจาดุร้ายไม่มีเหตุผลแบบ

“ตอบผมมาสิ ว่าทำไมถึงต้องไปส่งมันถึงรถด้วย”

หล่อนมองเขาน้ำตาซึม แต่เขาคงไม่เห็นหรอก เพราะแว่นหนาบดบังอยู่

“แก้ว…ก็แค่ไปส่งเพื่อนน่ะค่ะ
“แค่เพื่อน?”

เขาทําหน้าเหยียดหยาม ใช้สองมือท้าวกับโต๊ะไม้เอาไว้ และ ชะโงก ใบหน้าหล่อๆ เข้ามาหา กลิ่นลมหายใจอบอุ่นของเขา ทำให้หล่อนปั่นป่วนยิ่งนัก

“ผมไม่เชื่อหรอก”

หล่อนสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ เพื่อสะกดกลั้นความน้อยใจ ของตนเอง ก่อนจะเค้นเสียงแผ่วเบาไม่ต่างจากลมหายใจตอบ ออกไป

“แก้ว…คงบังคับให้บอสเชื่อไม่ได้หรอกค่ะ

หญิงสาวก้มหน้าหลบสายตาคมกริบ และหย่อนตัวลงนั่งบน

เก้าอี้

“แก้ว… ทํางานก่อนนะคะ”

ภาคยืนกัดกันแน่น เมื่อถูกแม่เลขาเพิ่มตรงหน้าตัดบทอย่างไม่

ไว้หน้า

“ตามผมเข้าไปในห้อง

“แก้ว…”

“ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ

หล่อนซ้อนตาขึ้นมองเขา ก่อนจะต้องเสลงมองพื้นโต๊ะทำงานแทน

“ค่ะ”
“อย่าช้าล่ะ ผมไม่ชอบรอ

แล้วคนตัวโตก็ก้าวยาวๆ เดินหายเข้าไปในห้องทำงาน ใน ขณะที่หล่อนมองตามไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจ

ภาคเปลี่ยนแปลงไปราวกับคนละคน เขาไม่ใช่คนเจ้าอารมณ์ แบบนี้ หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรง ก่อนจะลุกขึ้นยืน และเดินตามเขา

เข้าไปในห้องทำงานอย่างไม่มีทางเลือก

“บอส… มีเรื่องอะไรจะคุยกับแก้วเหรอคะ”

หล่อนเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานไม้ของเขา หัวใจสั่น เทา แข้งขาก็อ่อนแรงยิ่งนัก

“ล็อกประตูหรือยัง”

“ต้อง… ล็อกประตูด้วยเหรอคะ”

“ใช่ ผมไม่ต้องการให้ใครเข้ามาขัดจังหวะ ตอนที่เรากำลังคุย เรื่องสําคัญกันอยู่”

“Usi…”

หล่อนทําท่าเลิ่กลั่ก จนเขาเอ่ยเยาะ

“คุณคงไม่คิดว่าผมจะก่อเรื่องไม่ดีหรอก ใช่ไหม กนกแก้ว”

“เอ่อ… ไม่ค่ะ แก้วไม่บังอาจคิดแบบนั้นหรอกค่ะ” หล่อนจะคิดแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อรู้จักนิสัยของภาคดีอยู่แล้ว เขาไม่มีทางยุ่งกับคนของตนเอง ซึ่งเป็นเลขาเริ่มเชย แบบหล่อนด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีทางเป็นได้

“งั้นก็ไปล็อกประตูซะ”

“เอ่อ ค่ะ”

หล่อนจําต้องตอบรับคําสั่ง เดินไปกดล็อกประตูห้องทำงาน

ของเขา และเดินกลับมาหยุดที่เดิมอีกครั้ง

“เรียบร้อยแล้วค่ะบอส”

จบคำพูดของหล่อน ภาคก็ปรายตามองหล่อน มองด้วย สายตามืดลึก ที่หล่อนอ่านความรู้สึกไม่ออก

“เมื่อวานที่คุณไม่ได้มาทำงาน เจสสิกามาหาผมที่นี่

“คะ?”

หล่อนตกใจแทบช็อก ดวงตากลมโตใต้แว่นหนาเบิกกว้างจน แทบจะถลนออกมา

“คุณเจสสิกามา… มาที่นี่เหรอคะ”

ภาคยิ้มเยาะที่มุมปาก ดวงตาคมกริบมองหน้าหล่อนตลอด เวลาคล้ายกับคาดโทษ

กนกแก้วสั่นระริกไปทั้งตัว หล่อนภาวนาให้เจสสิกาแค่แวะมา หาเฉยๆ และไม่ได้พูดถึงเรื่องในค่ำคืนนั้น ภาค… ภาคจะรู้ไม่ได้ ว่าผู้หญิงที่เขานอนด้วยอย่างดุเดือดคือหล่อน
“ทำไมต้องทําหน้าซีดด้วยล่ะแก้ว”

“แก้ว… คือแก้ว…

“คุณปิดบังอะไรผมอยู่สินะ”

“ปละ เปล่านะคะบอส… ไม่มี… แก้วไม่มีอะไรปิดบังบอสเลย

ค่ะ ไม่มีค่ะ” หล่อนอยากตาย อยากกลั้นใจตาย หรือไม่ก็หายไปจากโลกใบนี้ซะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ