เมียผมไม่ใช่สุนัขจิ้งจอก

ตอนที่ 8 จิงอิ๋งผู้บริสุทธิ์



ตอนที่ 8 จิงอิ๋งผู้บริสุทธิ์

“คุณหนู พ่อบ้านใหญ่คนนั้นของตระกูลซึ่งกวนมาอีกแล้ว ตอน นี้อยู่ในห้องโถงใหญ่ มาขอเข้าพบคุณหนูเจ้าค่ะ!”

จื่อหลัวพูดกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความ งุนงง ในขณะที่นางกำลังมองไปที่ใบจดรายการสิ่งของที่จอ หลัวตรวจนับอยู่ด้านนอก

“เขามาคนเดียวหรือ?” เยี่ยนเอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย วาง ใบรายการไว้ในมือ แต่คิดในใจว่า “เป็นไปได้ไหมว่าคนที่อยู่ บนหลังคาเมื่อคืนจะเป็นคนจากตระกูลซึ่งกวนจริงๆ?

“เปล่าเจ้าค่ะ เขาพาคนมาด้วยคนหนึ่ง บอกว่าเป็นสาวใช้ ใหญ่ที่รับใช้ประจำตัวฮูหยินชั่งกวน จะพามารับใช้คุณหนูสัก พักหนึ่ง ยังบอกอีกว่าประเด็นสำคัญคือต้องการจะเล่าเรื่องราว ของตระกูลซึ่งกวนให้คุณหนูฟัง ในระหว่างเดินทาง…แต่คุณหนู ทำไมข้ารู้สึกว่ามันผิดปกติอยู่สักหน่อย นี่มันช่างชั่วร้ายไป แล้ว” จื่อหลัวไม่เพียงสงบสติอารมณ์เมื่อเผชิญกับสิ่งต่างๆ เท่านั้น แต่ยังให้เหตุผลได้อีกด้วย และวิเคราะห์ได้เป็นกุ้งเป็นแคว

“เจ้าว่ามันผิดปกติตรงไหน?” แม้เขียนเอ๋อร์จะมีความ คิดของตัวเองอยู่ในใจ แต่นางมักจะเก็บความคิดไว้ในใจมา ตลอด จะไม่บอกคนอื่นง่ายๆ ถึงแม้จื่อหลัวจะเป็นคนที่นางไว้ใจ ได้ แต่ก็ยังไม่ได้พิเศษขนาดนั้น

“ก่อนอื่น หากอยากจะส่งใครสักคนมาบอกคุณหนูเกี่ยว กับกฎของตระกูลซึ่งกวนกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน สาวใช้ ใหญ่คนหนึ่งจะเข้าใจได้มากแค่ไหนกัน จะให้เหมาะสมยิ่งกว่า ต้องส่งคนในระดับแม่นมมา ถึงจะแสดงให้เห็นความเอาใจใส่ และสมศักดิ์ศรี อย่างที่สอง ถ้าเป็นเพราะกลัวว่าแม่นมที่มี ตำแหน่งเหล่านั้นจะมาวางมาก ทำให้คุณหนูไม่พอใจ กลับจะ ทำให้รู้สึกไม่ดีกับพ่อบ้านเสียมากกว่า จึงส่งสาวใช้ใหญ่มา แทน แล้วทำไมไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวานที่ได้พบคุณหนูกับ นายท่าน หลับไปคืนหนึ่งแล้วเพิ่งจะมาพูดเรื่องนี้หรือ? ถึง อย่างไรก็ตาม ข้าคิดว่าเรื่องนี้ค่อนข้างมีลับลมคมใน จื่อหลัว พูดอย่างจริงจัง

“เรื่องนี้ถูกตัดสินใจเร่งด่วนเป็นแน่” เยี่ยนเอ๋อร์จิบชาค หนึ่งพลางกล่าวว่า “พ่อบ้านใหญ่ของตระกูลซึ่งกวนผู้นั้น อาจ ถูกบังคับให้ทําเช่นนี้”

“ถูกบังคับให้ทำ? คุณหนูรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ?” ชื่อ หลัวมองไปที่เยี่ยนเอ๋อร์ที่ดูเยียบเย็นด้วยความประหลาดใจ

“อันที่จริงตระกูลซึ่งกวนหวังว่าเราจะรีบไปถึงโจวแต่ เนิ่นๆ ก็ด้วยจุดประสงค์อย่างหนึ่ง นั่นคือจะบอกข้าในหลายๆ เรื่องเกี่ยวกับตระกูลซึ่งกวนก่อนจะจัดงานแต่ง เพื่อที่ข้าจะได้ มั่นใจ และทำตัวได้เหมาะสมหลังจากเข้าประตูวิวาห์ไปแล้ว มี แม่นมชั้นยอดสองสามคนที่อยู่ประจำตัวฮูหยินชั่งกวนมาจัด เตรียมเรือนหอไว้ให้ข้า งานของพวกนางก็คือแจ้งให้ข้าทราบ เกี่ยวกับงานบ้านงานเรือนก่อนแต่งงาน แต่พ่อบ้านใหญ่ผู้นั้นมี คนคนหนึ่งที่ทำให้เขาปวดหัวไม่น้อย ตัวละครนี้เรียกว่าสาวใช้ ใหญ่ นางน่าจะเกิดความสนใจอะไรบางอย่างในตัวข้า ลองคิด เข้ามาอยู่ใกล้ๆ ข้าเพื่อดูสิว่าข้าเป็นคนแบบไหนสินะ!” เยี่ยน เออร์คิดออกในทันใดนั้น ซึ่งกวนเวียมีน้องสาวสองคน คน หนึ่งคือสั่งกวนหลิงหลงซึ่งมีอายุเท่ากับตัวเอง และก็อายุสิบเจ็ด ปีในปีนี้ มีชื่อเสียงเลื่องลือมาก ส่วนอีกคนหนึ่งคือสั่งกวนจึงยิ่ง ยังไม่ถึงสิบห้าปี ซึ่งกวนหลิงหลงเป็นไปตามชื่อ เป็นคนที่มีรูป ร่างงดงาม จะไม่ทำเรื่องเด็กๆ เช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นสาวใช้ใหญ่ คนนี้น่าจะเป็นชั่งกวนจิงยิ่งคนนั้นที่ได้รับการปกป้องอย่างดีจากตระกูล ซึ่งกวน โดยทั่วไปจะไม่มีข่าวลืออะไรเลย

“คุณหนู ท่านหมายความว่าสาวใช้ใหญ่คนนี้อาจเป็นผู้ที่ ชื่นชอบคุณชายซึ่งกวนงั้นหรือเจ้าคะ?” จื่อหลัวคิดแตกต่างจาก เยี่ยนมเอ๋อร์

“อาจเป็นไปได้ แต่สาวใช้ใหญ่คนนั้นอายุเท่าไร?” เยี่ย นมเอ๋อร์สะดุ้งแล้วรู้สึกว่าสิ่งที่จื่อหลัวพูดนั้นสมเหตุสมผลมาก

“ไม่รู้ ข้าได้ข่าวแล้วก็มารายงาน เลยไม่ได้เห็นสาวใช้

ใหญ่ที่ว่าคนนั้นเจ้าค่ะ!” จื่อหลัวสายศีรษะ

“จอหลัว คนคนนั้นอาจจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบคุณชายซึ่งกวน แต่ก็อาจจะเป็นคุณหนูคนใดคนหนึ่งจากตระกูลซึ่งกวนด้วย ก็ได้! เจ้าไปที่ห้องโถงใหญ่ แล้วบอกว่าข้าไม่สะดวกจะพบแขก ขอบคุณพ่อบ้านซึ่งกวนที่ตั้งใจดี จากนั้นพาสาวใช้ใหญ่คนนั้น มาก็พอแล้ว! จำไว้ว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามผู้นี้เป็นแขกสำคัญ เจ้าเตือนลู่หลัวและคนอื่นๆ ด้วย อย่ามองนางแตกต่างออกไป แต่ให้ความเคารพนางก็พอ!” เขียนเอ๋อร์กล่าวอธิบาย
“ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไรเจ้าค่ะ” จื่อหลัวพยักหน้าแล้วพูดว่า “ลู่หลัวไปกับแม่นมข้าวเพื่อรับสาวใช้ตัวน้อยสองสามคนนั้นที่ ป้าโม่เตรียมไว้ให้ท่าน ข้าจะกันพวกนางไว้ที่ลานหน้าบ้านแล้ว อธิบายอย่างละเอียด เพียงแต่ ไว้จริงๆ หรือเจ้าคะ?” คุณหนู ท่านจะเก็บชิงหลัวคนนั้น

“เก็บไว้ชั่วคราว หลังจากพรุ่งนี้เจ้าส่งนางไปให้แม่นมข้าว ฝึกอบรม แล้วให้แม่นมข้าวดูแล” เยี่ยนเอ๋อร์ไม่ได้ใส่ใจกับชิง หลัว มากสุดนางแค่ต้องการบางสิ่งบางอย่างจากตัวเองเท่านั้น

“งั้นข้าไปนะเจ้าคะ” จื่อหลัวรู้ว่าแม้เขียนเอ๋อร์จะดูนุ่ม นวลและอ่อนแอ แต่ก็เป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเองมาก จึงไม่ได้พูดอะไรที่ไม่พอใจ แล้วหันกลับไปทำสิ่งต่างๆ

“คุณหนู ผู้นี้ก็คือคนที่พ่อบ้านซึ่งกวนส่งมาเจ้าค่ะ!” ในไม่ ช้าจอหลัวก็น่าหญิงสาวที่ถักเปียเรียบๆ และสวมเสื้อนวมปุย ฝ้ายสีชมพูตัวเล็กเข้ามา นางหน้าตาน่าเอ็นดู คิ้วงามเหมือน หวงเยวี่ยเอ้อที่เคยเห็นมาก่อนมาก ริมฝีปากดูใหญ่ขึ้นเล็ก น้อย สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือดวงตากลมโตคู่นั้นของนาง เจ้าเล่ห์ ปราดเปรียวอย่างอธิบายไม่ถูก ทำให้ผู้คนรู้สึกดีตั้งแต่แรกเห็น
“อั้ม” เยี่ยนเอ๋อร์เพียงแค่ตอบกลับอย่างสบายๆ พลาง เอ่ยถามว่า “เจ้าชื่ออะไร? อายุเท่าไร? อยู่รับใช้ฮูหยินมานาน แค่ไหนแล้ว?”

“ข้าชื่อจึงอิ๋ง จึงยิ่งที่แปลว่าแวววาวพร่างพราว ปีนี้อายุสิบ ห้าปี อยู่รับใช้ฮูหยินมาหลายปีแล้ว” คุณหนูน้อยคนนี้ก็คือซึ่งก วนจึงยิ่งที่ทำให้สั่งกวนจนปวดหัวไม่หยุดหย่อน นางมีความคิด เรียบง่าย แม้อยากจะมาก่อกวนอยู่ใกล้ๆ ว่าที่พี่สะใภ้ก็ตาม มา เมียงมองดูอุปนิสัยใจคอของพี่สะใภ้ในอนาคตว่าเป็นอย่างไร แต่ไม่ได้คาดหวังว่าจะมาสร้างชื่อให้วุ่นวาย

เป็นคุณหนูรองจากตระกูลซึ่งกวนดังคาด! เยี่ยนเอ๋อร์ แอบยิ้มอยู่ในใจ แต่ปากกลับพูดขึ้นว่า “งั้นหรือ เจ้าติดตามมา กับพ่อบ้านใช่หรือไม่?”

“เจ้าค่ะ เรารีบเดินทางมาไกลมากเลย!” ซึ่งกวนจึงอึ้งผงก

ศีรษะ

“งั้นน่าจะเหนื่อยมาก ใช่หรือไม่?” เขียนเอ๋อร์กล่าวอย่าง เห็นใจว่า “วันมะรืนนี้ก็จะออกเดินทางอีกแล้ว วันนี้เจ้าก็พัก ผ่อนให้สบายสักหน่อยเถิด”

“ไม่เหนื่อยเลย!” ซึ่งกวนจึงวิ่งหัวเราะร่วนแล้วพูดว่า “ลุงจีนส่งข้ามาให้รับใช้คุณหนู คุณหนูมีงานอะไร โปรดสั่งการข้าได้อย่างเต็มที่

งาน? เขียนเออร์เหลือบมองมือเล็กๆ ที่นวลเนียนขาว ผ่องของชั่งกวนจึงวิ่งแวบหนึ่งอย่างไม่ให้เห็นพิรุธ คุณหนูรองผู้ สง่างามของตระกูลซึ่งกวนนางจะทำงานอะไรได้?

“จื่อหลัว วันนี้มีงานอะไรต้องทำ?” เยี่ยนเอ๋อร์กังวลว่า นางไม่เพียงจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ยังทำให้เกิดปัญหาอีกด้วย จึงโยนคำถามนี้ไปยังจื่อหลัวที่รออยู่ข้างๆ

“คุณหนู วันนี้ต้องไปสั่งขนมกับผลไม้ที่จะนำไปกินระหว่าง ทางเจ้าค่ะ” จื่อหลัวก็มองออกว่าจึงยิ่งนั้นแตกต่างออกไป จึงหา งานที่เหมาะสมให้ทำ

“จ๋งอิ๋ง เจ้าจะออกไปกับจื่อหลัวหรืออยู่ที่เรือนพูดคุยกับ ข้า?” เยี่ยนเอ๋อร์ให้ทางเลือกกับนางอย่างโอบอ้อมอารี

“ข้าจะอยู่พูดคุยกับคุณหนูเจ้าค่ะ นี่คืองานที่ลุงจีนมอบ หมายให้ข้า” จึงอึ้งกลอกตาอย่างเจ้าเล่ห์ และไม่มีใครอยู่ รอบๆ จึงสำรวจนิสัยใจคอของพี่สะใภ้ในอนาคตได้อย่าง ประจวบเหมาะ
“งั้นก็ดี คือหลัว เพิ่มเตาถ่านอีกเตาหนึ่ง คล้ายอากาศจะ เริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว แม้จะยังไม่มี หิมะตก แต่อากาศในอู่โจวก็หนาวกว่าโจว เขียนเอ๋อร์เองไม่ กลัวความหนาว แต่ว่า….ตอนที่จึงยิ่งเพิ่งเข้ามานั้นจมูกโด่งอัน งดงามก็เป็นสีแดง เห็นได้ชัดว่านางกลัวความหนาวเย็น

“เจ้าค่ะ คุณหนู” จื่อหลัวขานรับคำ และเชื่อมั่นอยู่ในใจ ดู ท่าคนคนนี้น่าจะเป็นคุณหนูจากตระกูลซึ่งกวน เพียงแต่ไม่ เข้าใจว่า ไฉนคุณหนูจากตระกูลงามสง่าจึงประมาทเช่นนี้ ถึง ต่อมาหาว่าที่ภรรยาของพี่ชายคนโตอย่างนุ่มบ่าม แล้วยังแอบ อ้างว่าเป็นสาวใช้อีกด้วย ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

“โจวหนาวหรือเปล่า?” เขียนเอ๋อร์เป็นฝ่ายเอ่ยถาม ก่อน นางเห็นในดวงตาของจึงวิ่งเต็มไปด้วยความอยากรู้อยาก เห็น แม้ตัวเองจะอายุมากกว่านางเพียงสองปี แต่นางไร้เดียง สามากจริงๆ นี่ก็คือเด็กที่ถูกบิดามารดาตามใจและปกป้องมา ตลอดสินะ

“ยังพอไหวเจ้าค่ะ แต่อากาศอบอุ่นกว่า โจวมาก โจวมี หิมะตกทุกปี แต่หิมะก็ตกเพียงสามสี่ครั้ง ทุกครั้งที่หิมะตกข้า ชอบเล่นปาหิมะใส่กัน มีบางครั้งที่พี่ชายก็มาเล่นด้วย แต่พี่สาวไม่เคยมาเล่นกับข้าเลย!” จึงยิ่งพยักหน้า เผยให้เห็นข้อมูลมาก มาย โดยไม่ได้ตั้งใจ

“เอา มารับไปสิ” เขียนเอ๋อร์ยื่นเตาองมือที่วางอยู่ข้างๆ ให้จิงอิ๋ง เมื่อเห็นว่านางรับโดยไม่ได้ปฏิเสธเลย จึงยิ้มเล็กน้อย พลางกล่าวว่า “อุ่นขึ้นอีกหน่อยสินะ! รอจื่อหลัวยกเตาถ่านเข้า มาอีกลูกก็จะอุ่นยิ่งขึ้น เจ้าจะได้ถอดเสื้อนวมปุยฝ้ายออก แล้ว ค่อยใส่ตอนออกไปข้างนอก

“เจ้ายิ้มแล้วดูสวยมากจริงๆ” ดวงตาที่เปล่งประกายของจิ งอิ๋งมองไปที่เยี่ยนเอ๋อร์แล้วเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเป็นคนที่สวยที่สุด เท่าที่ข้าเคยเห็นมาเลย! โอ้ สวยเหมือนพี่สาวซึ่งหวั่น เพียงแต่ พี่ชิงหวั่นดูจะไม่อ่อนโยนอย่างเจ้า

“เจ้าเคยเห็นหญิงงามมากมายงั้นหรือ?” เขียนเอ๋อร์ถาม ด้วยรอยยิ้ม ซึ่งหวั่น? คือทรงชิงหวั่นที่ได้ชื่อว่าเป็นหญิงงาม อันดับหนึ่งในยุทธภพสินะ หญิงงามผู้เลอโฉมคนนั้นซึ่งกล่าว กันว่าปฏิเสธการขอแต่งงานของรัชทายาทองค์ปัจจุบัน แต่กลับ ตกหลุมรักหนุ่มเจ้าสำราญของยุทธภพ? สตรีผู้น่าสงสารที่ถูก ตราหน้าว่าเป็นความรักอันน่าเศร้าคนนั้นหรือ?

“เจ้าค่ะ! เจ้าไม่รู้หรอกว่ามักจะมีหญิงงามมากมายเข้า นอกออกในบ้านอยู่บ่อยๆ พวกนางล้วนมาหาพี่ใหญ่…เอ่อ

พี่ใหญ่ที่ไปรอรับใช้คุณชายใหญ่! จอมยุทธ์หญิงนางฟ้า แบบไหน แต่พวกนางก็ไม่สวยเท่าเจ้า” จึงยิ่งกล่าวอย่างจริงจัง มากว่า “ยังมีคุณหนูของตระกูลเสียนหยางยิ่ง ตระกูลถั่วหยาง หลี่ ตระกูลไกหยางหวัง ตระกูลจือหยางซุย ตระกูลฝูโจวหวง ตระกูล

เหยียนโจวทั่วป่า และตระกูลโยวโจวมู่หรงก็ไปที่นั่นด้วย ในบางครั้ง พวกนางสวยทุกคนเลย!

“พวกนางล้วนไปหาคุณชายใหญ่งั้นหรือ?” เขียนเอ๋อร์ หน้านิ่วคิ้วขมวด ดูท่านั่งกวนเฉลี่ยจะเป็นหนุ่มเจ้าสำราญจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะคำสาบานที่เอ่ยไว้ต่อหน้าเตียงของท่านป้า นาง ก็อยากจะออกไปจากที่นี่เสียเดี๋ยวนี้ ทั้งความยุ่งเหยิงไว้ให้ ตระกูล

เยี่ยนคอยเก็บกวาด

“เปล่าหรอก มีเพียงคุณหนูสี่จากตระกูลทั่วป่ากับคุณหนู สามจากตระกูลฮุย…เอ่อ เจ้าไม่ต้องกังวลนะ พวกนางไม่สวย เท่าเจ้า และก็เป็นคนไม่ดี พี่ เอ้ย! คุณชายใหญ่ก็ไม่ชอบพวก นางเท่าไรนัก” ทันใดนั้นจึงอึ้งก็ตระหนักได้ว่าไม่ควรพูดสิ่ง เหล่านี้ จึงรีบพูดปลอบโยนว่า “เจ้าสวยขนาดนี้เมื่อพวกนางได้เห็นเจ้าก็จะละอายใจไปเอง ใช่แล้ว ก็จะละอาย ใจไปเอง และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพี่เอ้ยคุณชายใหญ่อีกต่อไป!

“จริงเหรอ? ตราบใดที่ยังสวยงามก็ดีเหรอ?” เขียนเอ๋อร์ มองไปที่จึงอึ้ง นางคงได้รับการปกป้องอย่างดีสินะ! เยี่ยนเอ อร์ไม่เคยคิดว่าสตรีจะได้ทุกอย่างมาจากความงาม สิ่งที่จะได้ รับจากความงามเป็นเพียงแวบแรกและโอกาสแรกเท่านั้นเอง หากต้องการจะได้จริงๆ งั้นต้องมีสติปัญญาและอุบายที่เพียง พอ และหากต้องการควบคุม สติปัญญา อุบาย วิธีการและ ความแข็งแกร่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ นางมีสิ่งเหล่านี้ แต่ยังไม่โต พอทว่าก็ไม่สำคัญ ต่อให้ตระกูลซึ่งกวนจะเป็นรังที่เต็มไปด้วย ภยันตรายก็ตาม นางก็จะบุกฝ่าทะลวงไปให้ได้

“เอ่อ…มันก็ไม่เชิง! คุณหนู เจ้าจะทำอะไร?” จึงอิ๋งมองไปที่ เขียนเอ๋อร์ซึ่งยืนขึ้น จากนั้นไปนั่งอยู่หน้าโครงเย็บปักถักร้อย แล้วเริ่มสนเข็มร้อยด้าย

“เจ้ามองไม่ออกหรือ?” เขียนเอ๋อร์ประหลาดใจเล็กน้อย เป็นไปได้ไหมว่าชั่งกวนจึงวิ่งไม่เคยเห็นคนเย็บปักถักร้อย

“เจ้ากำลังเย็บปักถักร้อยใช่ไหม?” ในดวงตาของชั่งกวนจิงอิ๋งเต็มไปด้วยความชื่นชมแล้วกล่าวว่า “ปักชุด ใหญ่ขนาดนี้! มันคือท่านบินคู่หนึ่ง ข้าเห็นแม่…เอ่อ ข้าเคยเห็น แต่ไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้ ภาพที่ปักก็ไม่ได้สวยสักเท่าไร! เจ้าปัก เสร็จไปครึ่ง หนึ่ง แล้วใช้มาทำอะไร?”

“นี่คือฉากกั้น จะวางไว้ในห้องของข้าหลังแต่งแล้ว!” เยี่ย นมเอ๋อร์พูดเบาๆ “เจ้าอยากปักอะไร? ข้าจะทำให้เจ้า

“เหอะๆ ข้าทำไม่เป็นหรอก” จึงยิ่งค่อนข้างหน้าแดงแล้ว เอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่เคยเห็นใครเย็บปักถักร้อย พี่สาวทำไม่เป็น ท่านแม่ก็ทำไม่เป็น สาวใช้รอบตัวข้าแค่กๆ พวกพี่สาวใช้ ทําไม่เป็น!”

ในทางตรงกันข้ามเยียนเอ๋อร์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย พลางกล่าวว่า “แล้วฮูหยิน คุณหนูกับสาวใช้ในตระกูลซึ่งกวน ยามปกติจะผ่อนคลายแบบไหนกัน?

“ข้า…เอ่อ ฮูหยินของเราในยามปกติชอบวาดรูป นางฝึก ดาบในตอนเช้า เมื่อมีเวลาในช่วงบ่ายก็วาดรูป เล่นพิณ อ่าน หนังสือทำนองนี้ คุณหนูใหญ่ชอบวางแผน ศึกษาการวางค่าย กล วาดแผนการตลอดทั้งวันอะไรอย่างนั้น คุณหนูรองคิดแต่ เรื่องเล่นทุกวัน พวกสาวใช้พอทำงานของตัวเองเสร็จ ก็จะฝึกยุทธ์และฝึกเขียนตัวอักษรในเวลาว่างอะไรทำนองนั้น ไม่เห็น พวกนางทำแบบนี้ แต่ข้าคิดว่าเจ้าทำเช่นนี้น่าสนุกจริงๆ!” จึง งมองเยี่ยนเอ๋อร์ที่สนเข็มราวกับบินเย็บด้ายราวกับเป็นอย่าง ชำนาญด้วยความอิจฉา

“เจ้าอยากเรียนหรือเปล่า?”

“อยากๆ!” จึงยิ่งพยักหน้าซ้ำๆ จากนั้นมองไปที่เขียนเอ อร์อย่างกระตือรือร้นแล้วพูดว่า “เรียนง่ายไหม? ข้าจะเรียนได้ หรือเปล่า? อยากเรียนเจ้าสิ่งนี้ต้องใช้อาจารย์พิเศษเหรอ? เมื่อ เรียนแล้วจะปักฉากกั้นนี้ได้ใช่ไหม?”

“ในตอนแรกจะปักสิ่งที่ใหญ่และซับซ้อนขนาดนี้ไม่ได้ เยี่ยนเอ๋อร์เริ่มชอบนางเล็กน้อย ในตัวนางมีสิ่งที่เขียนเอ๋อร์ ปรารถนามาตลอดแต่หาไม่ได้ เมื่อปักด้ายในมือจนเสร็จ สมบูรณ์ เก็บเข็มให้เรียบร้อย จากนั้นก็ปักเข็มเข้ากับผ้าปัก

“เจ้าลองทำดูสิ” เขียนเอ๋อร์ใช้ที่ยึดขึงผ้าแพรปักสีขาว บริสุทธิ์อย่างคล่องแคล่วเสร็จ แล้วยื่นให้จึงยิ่งที่มือไม้อ่อนไป หมดเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ภาพวาดบนผ้าคือดอกกล้วยไม้ ง่ายที่สุดเลย ใช้มาฝึกเรียนได้พอดี มาเร็ว เลือกเส้นไหมที่จะ ใช้ก่อน…


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ