บทที่4 ความเกลียดสามารถเปลี่ยนคนคนนึงได้
“ตกลงนายจะทำอะไรกันแน่?”
พอรับสาย รินรดาก็ตหวาดใส่คนในสาย
“นี่เธอ ผมบอกแล้วว่าจะช่วยเธอ ก็จะช่วยให้ถึงที่ สุด!”
เสียงในโทรศัพท์เบามาก แต่กลับมีความรู้สึกที่เชื่อ มั่นโดยไม่สงสัย
“ถ้านายจะเอาฉันเป็นมรดกสิ่งของ ฉันคิดว่าคุณเลือก ผิดคนแล้ว ถ้าเกิดว่าคุณมีแผนกับสศิชา ก็ขอให้คุณ ใจดียอมปล่อยฉันไป ฉันแย่มากแล้ว คงจะแพ้ต่ออีกไม่ ไหวแล้ว!”รินรดาพูดอย่างเหน็ดเหนื่อย
“ผู้หญิง นี่เธอคิดจะยอมแพ้ง่ายแบบนี้เลยหรอ?”
ถึงแม้ว่าจะห่างกัน รินรดาก็รับรู้ถึงสิ่งที่เขาเก็บกดไว้ แล้วตัวเธอเองก็คงไม่ปล่อยคนที่ทำร้ายเธอไป
แต่ว่า เขาบอกจะช่วยเธอ อย่างนั้นก็คงจะไม่สามารถ ยืนยันได้ว่าจะไม่ใช่หลุมพรางของเขา?
เรื่องเลวร้ายที่เธอเคยเจอมาก็เยอะมากพอแล้ว ต้องเตรียมตัวรับมือไว้
“สิ่งที่นายทําอยู่ตอนนี้ ทําให้ฉันไม่สามารถเชื่อใจนายได้!”
เหมือนรินรดาจะหมดแรงลงแล้ว จนยอมพูดคำนั้น ออกมา
“อย่าพึ่งพูดอย่างเด็ดเดี่ยวขนาดนั้น ในเมื่อเธอก็พูด แล้ว ว่าแพ้อย่างราบคาบแล้ว ทำไมไม่เหลือความหวัง สุดท้ายให้ตัวเองด้วย?”
คำพูดของเขามันเป็นแบบนี้ ดูเหมือนจะเรียบนิ่ง แต่ มักจะฉุดใจเธอในเวลาที่ไม่ได้สนใจ
“นายเป็นใครกันแน่?” รินรดาถามขึ้นอีกครั้ง
“ผู้หญิง อย่าพึ่งใส่ใจเรื่องพวกนี้ พอถึงเวลาที่ควรให้ เธอรู้ ผมก็จะบอกเธอเอง หลายวันมานี้ผมไปจัดการ เรื่องต่างๆที่ต่างจังหวัดมานิดหน่อย เธอวางใจไว้ก่อน ดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง อย่าให้ผมเป็นห่วง”
“นาย”
รินดายังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ฝ่ายตรงข้าม กลับตัดสายก่อน การกระทำที่เย็นชาของผู้ชาย แต่ กลับมีความห่วงใยอยู่ ทำให้เธอสับสน
ถึงแม้จะไม่แน่ใจว่าผู้ชายคนนี้จะตั้งใจที่จะช่วยเธอ เปล่า แต่ว่าเห็นอาหารเช้าที่เขาจัดให้ รินรดาก็เหมือน จะไม่โมโหแล้ว
รินรดาก็คิดเข้าใจแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอเองก็ คงต้องดูแลสุขภาพของตัวเอง
เพราะถ้ารักษาสุขภาพดี เธอเองถึงจะมีแรงสู้กับคน คนอื่น
พอกินข้าวเช้าได้ครึ่งนึง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก รินรดาลุกไปเปิดประตู
พอประตูถูกเปิดออก เห็นหน้าของสศิชา ความโกรธ ในใจก็เริ่มปะทุขึ้นมาอีก
เผชิญหน้ากับรินรดา สศิซาก็ทำเป็นพูดอย่างตกใจ “นี่พี่คะ เมื่อคืนคงร้องไห้ทั้งคืนสินะ?”
“สศิชา เธอมาหาฉันเพราะอยากมีปัญหาหรอ?” รินร ดาดักเธอไว้ที่หน้าประตู
สศิชาไม่ได้รีบตอบอะไร แต่กลับหันไปมองสังเกตห้อ งอันแคบและเล็กของรินรดา แสดงใบหน้าที่สมเพช
ถึงแม้จะเป็นลูกสาวของตระกูลบวรพลทั้งสองคน แต่ถ้าเทียบกับสถานการณ์ของรินรดาในตอนนี้แล้ว สำหรับพวกเธอสามารถพูดได้ว่าคนนึงคือบนฟ้า อีกคน คือบนดิน
แต่นี้ก็ไม่พอ แค่เธอยังอยู่ ก็คือสิ่งที่คอยกดขี่แม่ของ เธอมากที่สุด
“พี่คะ งั้นพวกเราก็อย่าพูดอะไรที่ไร้สาระ ที่ฉันมาหา พี่ ก็เพื่อมาจัดการเอกสารใบหย่าของพี่กับชฎายุ!”
รินรดาค่อยนึกขึ้นได้ ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับชฎา ยุก่อนหน้านั้นหลายวันเธอไปจดทะเบียนสมรสกับ เขามาแล้ว พอถึงตอนนี้ ทะเบียนสมรสนี้ก็เป็นพิธีการ เท่านั้น
แต่ว่า ถ้าเธอตอบตกลงหย่าให้ง่ายขนาดนี้ ก็คงจะ ใจดีกับสองคนนี้เกินไป?
“รินรดา นี่เธอขอร้องฉันแบบนี้หรอ?” สศิชาตั้งใจพูด ช้าลง
“พี่คะ ฉันว่าในเมื่อชฎายุก็ประกาศยกเลิกงานแต่ง ต่อหน้าทุกคนแล้ว เขาไม่ได้รักพี่แล้ว พี่ก็ไม่ควรต้อง พยายามต่อแล้ว?” ในตาของสศิชาฉายแววของความ ร้ายออกมา
“จะพยายามหรือไม่พยายามต่อมันก็ไม่ใช่เรื่อง ของเธอ แค่ฉันไม่หย่า เธอก็จะเป็นได้แค่นังเมียน้อย เท่านั้น!”
รินรดารู้ดีว่าเธอกับชฎายุควรหย่ากันอยู่แล้ว แต่ว่า ต้องไม่ใช่วิธีนี้
“รินรดา เธออย่ามาพูดดีด้วยแล้วไม่เห็นค่านะ ตอนนี้ ฉันคุยกับเธอดีๆ เธอไม่รับปาก พอฉันสุดจะทน เธอก็มี จุดจบเหมือนกับแม่ของเธอ!” สศิชากัดฟันพูด
เพีย—-
สศิซายังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถูกรินรดาตบ บนหน้าของ เธอแดงและแสบร้อน
ไม่พูดถึงแม่ของตัวเองค่อยดีหน่อย เวลานี้สศิชาพูด ถึงแม่ของเธอ ก็ทำให้เธอโมโหเลย
นึกถึงแม่ของตัวเอง เพราะพูดง่ายเกินไป อ่อนแอเกิน ไป แต่ก็แลกกับความเห็นใจของสองแม่ลูกนั้นไม่ได้
เพราะว่ามีประวัติเก่า เธอเลยไม่ยอมเดินเส้นทางเก่า ของแม่เธอแน่นอน ยังไงสุดท้ายแล้วเธอก็จะเอาคืน แก้แค้นสองแม่ลูกนั้นแน่นอน
“รินรดา เธอนี่กล้าจริงๆ! ถึงกับกล้าตบฉัน?!”
รินรดาคนเก่าที่นิสัยอ่อนหวาน แต่ทันใดนั้นก็เปลี่ยน มาแข็งแรงขึ้น ทำให้สศิชาถึงกับตกใจไปเลย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ