ตอนที่ 1 คู่รักกำมะลอ
ภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมดังระดับห้าดาวใจกลางเมือง หลวง ถูกจัดให้เป็นสถานที่รับรองแขกผู้มีเกียรติระดับไฮโซและ ผู้มีชื่อเสียงในแวดวงสังคมชั้นสูง ที่มาร่วมในงานมงคลสมรส ของนักธุรกิจหนุ่มด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นทายาทของนักการ เมืองชื่อดังกับสาวไฮโซที่มีดีกรีเป็นถึงลูกสาวคุณหญิง งานนี้จึง เป็นงานใหญ่ระดับเมืองเลยก็ว่าได้
การตรถึงกับลอบถอนใจออกมาเบาๆ เพราะวงสังคมชั้น สูงแบบนี้มันไม่เหมาะกับสาวสลัมอย่างเธอเอาเสียเลย หญิงสาว หยิบแก้วน้ำเย็นๆ จากบริกรหนุ่มที่เดินเสิร์ฟอยู่ในงานมาถือเอา ไว้ แล้วเดินเลี่ยงมายังมุมห้องซึ่งมีชายหนุ่มลูกครึ่งในชุดสูท สากลสีเทา นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้ม ผมสีดำ นั่งเอนหลังพิงกับพนัก เก้าอี้อยู่ใบหน้าคมหล่อเหลาแดงก่ำด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
“เป็นไงบ้างวิน” การตรวีนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าของชายหนุ่ม พร้อมกับยื่นแก้วน้ำเย็นส่งให้ สีหน้าของหญิงสาวแสดงถึงความ ห่วงใยต่ออีกฝ่าย เธอกับเขาสนิทกันมาตั้งแต่ตอนที่เธอเข้าเรียน มหาวิทยาลัยปี 1 ตอนนั้นเธอสอบชิงทุนของ มหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อแห่งหนึ่งได้ แต่เพราะฐานะที่ด้อยกว่า คนอื่นทำให้เธอถูกมองเหมือนตัวประหลาดในวงสังคม มีแต่คำ พูดและสายตาที่ดูถูกดูหมิ่น มีเพียงวินเซลล์เท่านั้นที่แสดงความ เป็นมิตรต่อเธอ
แต่ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทกัน เธอก็ไม่เคยรู้เลยว่าครอบครัวของ เพื่อนหนุ่มจะมีฐานะร่ำรวยมากขนาดนี้ แถมยังมีหน้าตาในวง สังคมอีกด้วย หญิงสาวนั้นเป็นคนที่ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น อยู่แล้วจึงไม่ได้สนใจว่าฐานะทางบ้านของเพื่อนสนิทเป็นอย่างไร พอมาเห็นเข้ากับตาก็ถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน
“ขอบใจมากนะ” วินเซลล์รับแก้วน้ำเย็นมาแล้วยกขึ้นดื่ม จนหมด ก่อนจะวางแก้วลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ และหันมาคลี่ยิ้มให้ หญิงสาวตรงหน้า
“จะไหวไหมเนี่ย? ไหนบอกว่าจะแค่ย้อมใจไงล่ะ แต่เนี่ยมัน
เมาแล้วนะ” การตรวีเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม เพราะตั้งแต่พาเธอ เดินเข้ามาในงาน ชายหนุ่มก็ดื่มบรั่นดีไปเกือบจะ 10 แก้วอยู่ แล้ว หญิงสาวลอบถอนใจพลางส่ายหน้าไปมาอย่างช้าๆ
“ไหวสิ” วินเซลล์ยืดตัวตรง แล้วดึงมือเรียวมากุมเอาไว้ ก่อนจะพูดต่อ “ขอบใจมากนะที่ยอมทำตามที่เราขอร้อง “ไม่เป็นไร แต่เหมือนกับรวยมาผิดที่ผิดทางยังไงก็ไม่รู้ ไม่คิดเลยว่างานนี้มันจะใหญ่โตหรูหราแบบนี้” การตรวมองไป รอบๆ ตัวอีกครั้ง ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ
“ลูกพี่ลูกน้องของวินเขาชอบโอ้อวดความร่ำรวยน่ะ แต่ว่า วันนี้ดูสวยมากเลยนะ ถ้าวันไปเจอข้างนอกคงจำไม่ได้แน่ๆ ชายหนุ่มบอกยิ้มๆ ทำให้แก้มนวลเปล่งปลั่งแดงระเรื่อขึ้นด้วย ความขวยเขิน
“เป็นเพราะชุดสวยๆ กับช่างแต่งหน้าที่วินส่งให้ไปช่วยร แต่งตัวที่บ้านมากกว่าที่ทำให้ลูกเป็ดขี้
เหร่อย่างรวดูเหมือนกับลูกเป็ดตัวอื่น” หญิงสาวคลี่ยิ้มให้อีก ฝ่าย และนึกย้อนไปถึงเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ที่ชายหนุ่มลูกครึ่ง คนนี้ได้ส่งช่างแต่งตัวแต่งหน้าพร้อมทั้งชุดสวยๆ มาให้ที่บ้าน เธอเลือกชุดที่ดูเรียบๆ ที่สุด นั่นก็คือชุดแซกยาว สายเดี่ยว สีน้ำเงินเข้ม ประดับด้วยดิ้นทองทั้งชุด ส่วนตรงสายก็มีพลอยสี ขาวเม็ดเล็กๆ ประดับเอาไว้ตลอดสายไล่มาจนถึงช่วงคอที่ปาด ลีกอวดผิวขาวเนียนให้หน้าชวนมอง
“อย่างรวนะไม่ใช่แค่ลูกเป็ดหรอกนะ แต่เป็นหงส์ต่างหาก วินเซลล์หัวเราะอย่างชอบใจ “พอเถอะ วินน่ะชมรวจนจะตัวลอยอยู่แล้ว ว่าแต่วันแน่ใจนะ ว่าจะทำแบบนี้จริงๆ ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ของวินรู้เข้าจะไม่เป็น เรื่องใหญ่ขึ้นมาเหรอ ว่าวันน่าจะบอกความจริงกับท่านทั้งสอง ไปจะดีกว่านะ” การตรวมองหน้าชายหนุ่มอย่างวิตกกังวล เพราะ งานนี้เธอได้ถูกเพื่อนหนุ่มขอร้องให้ช่วยมาเป็นคนรักปลอมๆ ให้ ซึ่งเธอเองก็รู้สึกผิดที่ต้องโกหกผู้อื่น
“วันทำแบบนั้นไม่ได้หรอกรวี” เขารู้ตัวว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดที่ หลอกลวงบิดามารดาของตนเอง แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น เพราะ ถ้าเขาไม่มีคนรักมาปรากฏตัวในวันนี้ มารดาของเขาก็จะจับคู่ให้ กับเขาเอง ซึ่งเขายังไม่พร้อมที่จะมีใครในตอนนี้ จึงจำเป็นต้อง ให้เพื่อนสาวอย่างการตรวีมาเป็นคู่รักจอมปลอมให้เพื่อตบตา บิดามารดา
“ถึงวินไม่บอกในตอนนี้ สักวันท่านก็ต้องรู้นะ แล้ววินคิดว่า จะหลอกท่านได้ตลอดเหรอ” การตรวีเองก็เห็นใจเพื่อนหนุ่ม แต่ก็ ไม่อยากให้ชายหนุ่มหนีปัญหาด้วยการใช้วิธีหลอกลวง
“วิน…วินไม่กล้าพอที่จะบอกความจริง” วินเซลล์บอกเสียง อ่อยและมองสบสายตาหญิงสาวนิ่ง “ความจริงอะไร?!” จู่ๆ น้ำ เสียงเข้มๆ แต่แฝงเอาไว้ด้วยความดุดันก็ดังขึ้นทางเบื้องหลังขอ งการตรวี ทําให้ วินเซลล์เงยหน้าขึ้นมอง หัวใจของเขากระตุกวูบเมื่อเห็นพี่ชาย ของตนกำลังยืนจ้องมาที่เขากับเพื่อนสาวด้วยแววตาขึงขัง
การตรวิหันไปมองและได้สบกับสายตาสีน้ำเงินเข้มเย็นชา นั้นเข้าพอดี ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวเธอเหมือนกับจะหยุดนิ่งลง ทันที ใบหน้าคมหล่อเหลาราวกับดาราหนังต่างประเทศเปรียบ เสมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดสายตาของหญิงสาวให้จับจ้องอยู่กับที่ หญิงสาวยอมรับกับตัวเองเลยว่าผู้ชายคนนี้สมบูรณ์แบบใน ความหมายของคำว่าผู้ชายจริงๆ
“ว่าไงล่ะวินเซลล์ ความจริงอะไร?” โจซิสถามขึ้นอีกครั้ง
พร้อมกับขยับเดินเข้าไปใกล้คนทั้งคู่ สายตาคมของเขาจับจ้อง อยู่ที่ใบหน้าเนียนพลางคิดในใจ ผู้หญิงคนนี้นะเหรอที่วินเซลล์บอกว่าเป็นคนรัก สวยไม่เบา ทีเดียว แต่สายตาของเจ้าหล่อนดูเชิญชวนเกินไป คงไม่ใช่ผู้หญิง
ธรรมดาๆ แน่ ชายหนุ่มขบกรามเข้าหากันแล้วหรี่ดวงตาลงนิด
หนึ่ง ก่อนจะเบนสายตาไปทางน้องชาย
“ก็ไม่มีอะไรนี่ แค่คุยกันตามประสาคนรักกัน” วินเซลล์ลอบ กลืนน้ำลายก่อนจะยักไหล่ทำเป็นไม่มีอะไร “ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว คุณพ่อกับคุณแม่ถามหานายอยู่ รีบพา คนรักของนายไปแนะนำตัวซะ” พูดจบโจซิสก็หันมามองทา งการตรที่ยังนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นอย่างหมิ่นๆ แล้วพูดขึ้น
“ใส่ชุดสวยๆ แล้วลงไปนั่งคลุกกับพื้นแบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้ หญิงชั้นสูงเขาทำกันหรอกนะครับ ผมว่าลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้จะ เหมาะสมกว่ามั้งครับ” ถึงคำพูดนั้นจะเป็นคำพูดที่ราบเรียบ แต่ สายตาและความนัยที่แฝงเอาไว้ด้วยการดูหมิ่นก็ทำให้การตรว ถึงกับหน้าร้อนผ่าว ความชื่นชมในตัวของบุรุษตรงหน้าลดฮวบ ลงทันที เธออยากจะสวนกลับอีกฝ่าย แต่ก็เกรงใจเพื่อนหนุ่ม
“พี่โจ พูดอะไรเกรงใจผมบ้างนะ ถึงยังไงก็เป็นคนรักของ ผม จะชั้นสูงหรือชั้นผมก็ไม่สนใจเพราะเราสองคนรักกันด้วย หัวใจไม่ใช่เงินทอง” วินเซลล์ลุกขึ้นยืนพร้อมกับจ้องหน้าพี่ชาย อย่างไม่พอใจ ที่อีกฝ่ายพูดในทำนองเหยียดหยามเพื่อนสาว
“ไปกันเถอะ” เขาหันมาดึงมือเพื่อนสาวที่รับสมอ้างเป็น คู่รักให้ลุกขึ้น แล้วพาเดินเข้าไปหาบิดากับมารดาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ ด้านหน้าห้อง
การตรวีหันกลับมามองชายหนุ่มทางด้านหลังนิดหนึ่งด้วย สายตาขุ่นเคืองก่อนจะตวัดกลับมามองตรง ไปด้านหน้า แล้วเม้มริมฝีปากแน่น นี่แค่ยังไม่ทันรู้จักกันเลย พี่ ขายของเพื่อนหนุ่ม ตั้งท่ารังเกียจเธอแล้ว ถ้าเกิดว่าเธอได้เข้า มาเป็นสะใภ้ของบ้านนี้จริงๆ มีหวังได้กระอักเลือดตายเพราะค่า พูดดูหมิ่นดูแคลนของคนในบ้านนี้แน่ๆ
โจ สมองตามแผ่นหลังเนียนขาวของหญิงสาวไปพร้อมกับขบ กราม ก่อนจะหันไปพยักหน้าเรียกลูกน้องที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง ให้เข้ามาหา
“ไปสืบประวัติของผู้หญิงคนนั้นมาให้ฉันภายใน 30 นาที เป็นคำสั่งที่เรียบง่ายแต่หนักแน่นและดุดัน
“ครับ” ฝ่ายลูกน้องก้มศีรษะรับคำสั่งก่อนจะเดินจากไป
“อย่าคิดว่าจะเป็นหนูตกถังข้าวสารได้ง่ายๆ นะ” ชายหนุ่ม พิมพ์ออกมาเบาๆ ก่อนจะยกแก้วบรั่นดีในมือขึ้นจิบ ส่วนอีกมือ ก็ยัดลงไปในกระเป๋ากางเกง และทำท่าจะก้าวตามน้องชายไป แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นร่างบางในชุดรัดรูปสีเหลืองเข้มยาว แค่เขาเดินตรงเข้ามาหาตน
“มาแอบยืนจิบอยู่คนเดียวที่นี่เองหรือคะ ทิพมองหาคุณจนทั่ว งานแน่ะ” ทิพย์สุดาคลี่ยิ้มหวานส่งให้ชายหนุ่มลูกครึ่งที่ตนเอง หลงรักมานาน ก่อน จะวางมือลงบนหน้าอกแกร่งเมื่อเดินมาหยุดยืนตรงหน้าของเขา
“มีธุระอะไรกับผมเหรอ?” โจซิสถามเสียงเรียบพร้อมกับจับมือ เรียวออกจากหน้าอก เขารู้ดีว่าทิพย์สุดาคิดยังไงกับเขา แต่เขา ไม่เคยคิดเกินเลยมากไปกว่าเพื่อนร่วมธุรกิจ
ทิพย์สุดารู้สึกขุ่นๆ อยู่ในใจกับท่าทางปฏิเสธของนักธุรกิจ หนุ่ม เธอรู้จักกับโจซิสเมื่อ 5 ปีก่อน ตอนที่เขามาติดต่อเช่าเรือ ขนส่งสินค้าไปต่างประเทศ และติดต่อกันเรื่อยมา จนมีคนในวง สังคมคิดว่าเธอกับเขาเป็นคู่รักกัน ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ทิพย์สุดา ต้องการ แต่ท่าทางที่นั่งเฉยของโจซิสทำให้หญิงสาวต้องนิ่งตาม เพราะถึงยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงที่ถูกอบรมมาอย่างดี มีการศึกษา สูงจะแสดงออกมากเกินไปก็ไม่เหมาะสม
“สำหรับฉันต้องมีธุระด้วยหรือคะถึงจะคุยกับคุณได้” หญิงสาว เข้ม ใบหน้าสวยงอนิดหนึ่ง
“เปล่า” โจซิสตอบเสียงห้วนๆ อย่างไม่ค่อยสนใจหนัก ก่อนจะ หันไปมองทางโต๊ะที่บิดากับมารดานั่งอยู่ ซึ่งในตอนนี้น้องชาย ของเขากำลังแนะนำหญิงคนรักให้ทุกคนรู้จัก ทิพย์สุตามองตาม สายตาของชายหนุ่มไป แล้วหันกลับมาขมวดคิ้วถามด้วยความ สงสัย “ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ กับวินเซลล์เป็นใครหรือคะ ทิพไม่เคย เห็นหน้าเลย?”
“คนรักของวินเซลล์” เขาตอบ โดยไม่ได้หันมามองอีกฝ่ายเลย ด้วยซ้ำ ทําให้คิ้วเรียวของหญิงสาวต้องขมวดเข้าหากันอย่าง เคืองๆ เมื่อคิดว่าชายหนุ่มกำลังสนใจหญิงสาวในชุดสีน้ำเงินคน
“สวยดีนะคะ” ทิพย์สุดาบอกอย่างประชด พร้อมกับลอบมอง ค้อนหญิงสาวที่กำลังพูดถึงอย่างไม่พอใจ
“ใช่ ก็สวยดี แต่ความสวยที่เห็นมันอาจจะซ่อนอะไรไว้ ภายในก็ได้” พูดจบร่างสูงก็เดินตรงไปที่โต๊ะของบิดา ทิพย์สุดา เม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างชัดใจเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยชมหญิงอื่นต่อ หน้า แถมยังเดินหนีไปเฉยๆ ร่างบางยืนนิ่งเพื่อเก็บกักอารมณ์ ขุ่นมัวของตัวเองเอาไว้ภายใน ก่อนจะปั้นหน้ายิ้มเดินตามชาย หนุ่มไป
การตรวีเหลือบสายตามองไปทางผู้ที่มาใหม่แวบหนึ่ง ซึ่ง เธอก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายก็จ้องมองเธออยู่เช่นกัน หญิงสาวยอมรับ ว่ารู้สึกใจเต้นแรงและอึดอัดขึ้นมาทันทีอย่างบอกไม่ถูก เมื่อสบ เข้ากับนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเย็นซาคู่นั้น คงมีเพียงเขาเท่านั้นที่ มองเธอด้วยสายตาเหยียดหยาม ส่วนบิดากับมารดาของเพื่อน หนุ่มนั้นมีท่าทางที่เป็นมิตรไมตรีต่อเธออย่างมาก “จะไม่แนะนำคนรักให้พี่รู้จักหน่อยหรือเป็นเซลล์” ทิพย์ สุดาเอ่ยทักชายหนุ่มรุ่นน้องพลางคลี่ยิ้ม ก่อนจะเป็นสายตามอง ไปทางการตรวีอย่างขวางๆ นิดหนึ่ง
วินเซลล์ลอบถอนใจออกมาอย่างเบื่อๆ กับหญิงสาวที่นั่งอยู่ ข้างๆ กับพี่ชาย เพราะเขาไม่ค่อยชอบทิพย์สุดาสักเท่าไร แต่ก็ ต้องฝืนแนะนำเพื่อนสาวให้อีกฝ่ายรู้จัก ก็เจ้าหล่อนเล่นออกตัว มาแบบนั้นแล้วจะไม่แนะนำเดี๋ยวก็จะเป็นการเสียมารยาททาง สังคม
“คุณทิพย์ครับ… การตรวี คนรักของผม” วินเซลล์หยุดนิด หนึ่งเพื่อหันมาทางเพื่อนสาว ก่อนจะแนะนำต่อ “วี…นี่คุณทิพย์ สุดาเป็นเพื่อนของพี่โจ แล้วก็เป็นเจ้าของบริษัทเดินเรือที่ใหญ่ ที่สุดในเมืองไทย” ค่าแนะนำนั่นเหมือนกับแฝงแววประชดเอาไว้ นัยที แต่ทิพย์สุดาก็ไม่สนใจ
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” หญิงสาวคลี่ยิ้มให้หญิงสาวที่อายุอ่อน กว่าว่าบางๆ อย่างไว้เชิง
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” การตรวีคลี่ยิ้มตอบรับ และอดที่ จะเหลือบหางตาไปมองทางชายหนุ่มอีกคนไม่ได้ ยิ่งนั่งอยู่นาน เธอก็เริ่มอึดอัดมากขึ้นทุกที สายตาที่เขามองเธอนั้นมันเหมือน กับการจ้องจับผิดยังไงก็ไม่รู้ ศึกษานิสัยใจคอกันมาแล้วแน่เหรอนายวิน ระวังจะเจอพวก 18 มงกุฎหลอกลวงเอาได้นะ ฉันขอเตือนเอาไว้ก่อนด้วยความ หวังดี” โจซิสเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ ก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุม ปากนิดหนึ่งอย่างเหยียดๆ
“ขอบคุณที่เตือนนะพี่โจ แต่เอาไว้เตือนตัวเองดีกว่าไหมพี่ วิน เซลล์เสียงแข็งขึ้นอย่างไม่พอใจ แต่ก่อนที่สงครามระหว่างพี่น้อง จะเริ่มขึ้น เสียงของมารดาก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน
“หยุดทั้งคู่เลย พูดกันไปเถียงกันมาเดี๋ยวก็ได้ทะเลาะกันอีก หรอก ไม่อายหนูรกับหนูทิพย์เขาบ้างหรือไงนะ ลูกสองคนนี้ สโรชาส่งสายตาดุๆ ไปให้กับบุตรชายทั้งสอง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวพารวีไปหาอะไรทานก่อนนะครับ คุณพ่อคุณแม่” วินเซลล์เอ่ยตัดบทพร้อมกับลุกขึ้น ก่อนจะหันมา ประคองร่างบางของการตรแล้วพาเดินออกมาจากโต๊ะ โดยมี สายตาขุ่นขวางของ โจ สมองตามหลังของทั้งสองไป
การตรวีผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่างโล่งอก เมื่อวัน เชลล์พาเธอเดินออกมายืนรับลมเย็นๆ ที่ระเบียงด้านนอกห้องจัด เลี้ยง
“เป็นไงบ้างร?” ชายหนุ่มเอ่ยถามยิ้มๆ เมื่อ เห็นท่าทางที่อ่อนล้าของเพื่อนสาว
“แทบแย่” การตรวีเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ ก่อนจะเงยหน้า
ขึ้นมองเพื่อหนุ่มแล้วพูดต่อ
“ท่าทางพี่ชายของวินจะไม่ชอบหน้าเราเท่าไรเลยนะ มอง ตาขวางเชียว”
“พี่โจก็เป็นแบบนี้แหละ มองคนอื่น ในแง่ร้ายตลอด ไม่มีใครดี เท่าตัวเอง ถึงไม่มีเมียไงเพราะความเรื่องมากของเขานั่นแหละ” ชายหนุ่มเดินมานั่งลงข้างๆ กับหญิงสาว ก่อนจะหงายคอไปทาง ด้านหลังเพราะยังรู้สึกมึนๆ อยู่
“ยังยืนอยู่หรือวิน?” หญิงสาวเอียงหน้ามามองเพื่อนหนุ่ม อย่างเป็นห่วง
“อืม…” หนุ่มลูกครึ่งรับคำในลำคอก่อนจะผงกศีรษะตั้งตรง “เดี๋ยววันขอตัวไปลูบหน้าในห้องน้ำก่อนนะ แล้วจะหาของกินมา ให้ นั่งรออยู่ตรงนี้นะ” เขาหันมาสั่งเพื่อนสาวพร้อมกับยิ้มให้ ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไป
การตรวีมองตามหลังเพื่อนหนุ่มไป ก่อนจะลุกเดินไปยืนเกาะ ลูกกรงเหล็กสีเงินที่สูงประมาณหน้าอกซึ่งทำเป็นที่กั้นระเบียงเอา ไว้ ดวงตากลมโตมองไปยังแสงไฟหลากสีตามอาคารและตึกสูง
เบื้องหน้า แล้วผ่อนลมหายใจออกมาแรงๆ “ถอนใจทำไม?” จู่ๆ เสียงดๆ ของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นทางด้าน หลัง ทำให้ร่างบางสะดุ้งสุดตัวเพราะกำลังคิดอะไรต่ออะไรอยู่เพ ล่นๆ
“คุณโจซิส” การตรวีหันมามอง ก่อนจะอุทานชื่ออีกฝ่ายออก มา
“เธอน่าจะดีใจนะที่กำลังจะเป็นหนูที่ตกลงไปในถังข้าวสาร อย่างน้องชายของฉัน แต่อย่าคิดนะว่าฉันจะยอมให้เธอเข้ามา ผลาญสมบัติในตระกูลของฉันได้ง่ายๆ” ร่างสูงก้าวยาวๆ เข้าไป ยืนประชิดร่างบางเอาไว้ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้หลีกหนีไปทางไหน
“ดิฉันไม่เคยคิดที่จะเป็นหนู และไม่เคยคิดที่จะผลาญสมบัติ ของใครด้วย ถ้าดิฉันจะแต่งงานกับวินเซลล์ก็เพราะความรัก เท่านั้น ไม่ใช่เป็นเพราะอย่างอื่น” การตรวีเชิดหน้าขึ้นมองสบ นัยน์ตาสีไพลินเข้มนั่น ทั้งๆ ที่ตอนนี้ในหัวใจสั่นระรัวด้วยความ หวาดหวั่น มือไม้เย็นเฉียบราวกับแช่อยู่ในน้ำแข็ง แถมขา เหมือนกับจะหมดแรงเอาดื้อๆ
“! ! ฉันไม่ใช่นายวินนะที่จะเชื่อคำพูดโป้ปดของเธอ ฉันให้ คนไปสืบประวัติของเธอมาแล้ว ตอนนี้บ้านเธอมีหนี้สินทั้งหลาย แสน ส่วนย่าของเธอก็ติดการพนันจนเป็นหนี้เงินกู้นอกระบบอีก ตั้งหลายหมื่น ที่เธอมาคบกับน้องชายของฉันก็เพื่อจะรีดไถเงิน จากเขาไปปลดหนี้ให้ตัวเองน่ะสิ อย่าคิด ว่าคนอย่างฉันรู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมมารยาสารพัดพิษอย่างเธอน่ะ โจซิสจองร่างบางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอคะคุณ โจซิส ที่เข้ามายุ่งวุ่นวาย กับเรื่องส่วนตัวของคนอื่นเขาแบบนี้ ดิฉันสามารถฟ้องร้องได้นะ คะ” การรบอกเสียงแข็งพร้อมกับถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจ ใบหน้าสวยวิ่งตึงขึ้นมาฉับพลัน
“ก็ลองดูสิ อยากจะฟ้องร้องอะไรก็เชิญ คนอย่างฉันไม่เคย กลัวอยู่แล้ว และฉันขอเตือนเธอเอาไว้ว่า อย่ามายุ่งกับน้องชาย ของฉันอีก ไม่งั้นครอบครัวเธอเดือดร้อนแน่ๆ” เขาเน้นเสียงลอด ไรฟันอย่างน่ากลัว
“ทำไมฉันจะต้องเชื่อคุณด้วย ในเมื่อฉันคบกับวินอย่าง บริสุทธิ์ใจ ไม่เคยคิดร้ายอย่างที่คุณเข้าใจอยู่ และวันเขาก็โต แล้ว มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะคบกับดิฉันหรือไม่? เขา เป็นคนไม่ใช่ควายนะคะที่จะให้คุณจูงจมูกได้” หญิงสาวมองสบ ดวงตาชายหนุ่มเขม็ง
“เธอท้าทายฉันอย่างนั้นเหรอ!” มือหนาคว้าหมับเข้าที่ต้น แขนเรียวอย่างแรง ก่อนจะกระชากร่างบางเข้ามาใกล้ “ปล่อยนะคุณโจสฉันเจ็บ!” การตรวินิวหน้าด้วยความเจ็บ และพยายามใช้มือเรียวแกะมือแกร่งที่ราวกับเหล็กนั้นออก แต่ก็ ไม่สําเร็จ
“ถ้าคุณไม่ยอมเลิกรากับนายวินละก็ คุณจะเจ็บมากกว่านี้ หลายเท่าตัว!” เขาตะคอก ใส่เธออีกครั้ง
“คุณก็ต้องไปห้ามน้องชายของคุณเอง ไม่ใช่มาห้ามฉัน หญิงสาวตะคอกกลับ ดีที่บริเวณที่ทั้งคู่ยืนอยู่ไม่มีใครเดินผ่านไป มา ไม่งั้นคงได้หยุดยืนดูกันเป็นแถวๆ แน่
โจสกัดกรามกรอด สันแก้มนูนขึ้นจนเห็นเส้นเลือด สายตา ดุดันหลงพร้อมกับจ้องหน้าหญิงสาวเขม็ง บ่งบอกได้ถึงอารมณ์ โกรธที่มีอย่างมากมายของเขา ส่งผลให้มือแกร่งที่จับอยู่ที่ต้น แขนขาวนวลบีบแรงขึ้นอย่างลืมตัว
การตรวีเจ็บร้าวไปทั้งแขน แต่ก็กัดฟันทนเอาไว้ เพราะไม่ อยากจะแสดงความอ่อนแอให้ผู้ชายหยาบกระด้างตรงหน้าได้
เห็น
“กรุณาปล่อยดิฉันได้แล้ว! คุณคงไม่อยากขึ้นชื่อว่ารังแกผู้ หญิงหรอกนะ….คุณโจซิส!” หญิงสาวเน้นเสียงแข็งเพื่อแสดงให้ อีกฝ่ายเห็นว่าเธอไม่เคยกลัวคำขู่ของเขา เพราะเธอไม่ได้ทํา อะไรผิดเลย และหลังจากงานเลี้ยง ในคืนนี้จบลง เธอกับเขาก็จะ ออก
มา
ของ ไม่ได้พบหน้ากันอีกแล้ว
เธอแน่มากการตรว!” หนุ่มลูกครึ่งกัดฟันเน้นเสียงออกมา เบาๆ พร้อมๆ กับที่มือใหญ่ค่อยๆ คลายออกจากต้นแขนของ หญิงสาว
“ฉันจะถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกัน” การบอกเสียงเรียบ ก่อนจะผลักอกแกร่งออกห่าง แล้วรีบเดินหนีออกมาจากบริเวณ นั้นอย่างรวดเร็ว ความโกรธได้เปลี่ยนเป็นความกล้า ทำให้เธอ กล้าที่จะเถียงและสวนคำพูดเขากลับไปบ้าง เธอไม่ใช่ผู้หญิง อ่อนแอที่จะให้ใครมายืนด่าได้ฉอดๆ เหมือนกับนางเอกในละคร ชีวิต
“ถ้าเธออยากลองของกับคนอย่างฉันก็ย่อมได้ เธอจะได้รู้จัก คนอย่างนายโจซิส พอแน่ๆ…การตรวี” ฟันกรามของชายหนุ่ม ขบเข้าหากันจนเป็นสันนูน ก่อนที่ร่างสูงนั้นจะเดินย้อนกลับ เข้าไปในห้องจัดงานเลี้ยงอีกครั้งด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ