เพลิงสิเน่หาลวง

ตอนที่ 1



ตอนที่ 1

เมื่อเจ็ดปีก่อน

“ไอ้ป้องมึงเห็นผู้หญิงผมสั้นๆ ใส่แว่นหนาๆ ตรงนั้นเปล่าวะ เรย์ชี้ชวนสะกิดไหล่ของป้องณวัฒน์ให้ดูตามมือ ป้องเห็นหญิง สาวรูปร่างสูงโปร่งไว้ผมสั้น สวมแว่นตากลมหนาเตอะ แถมยัง ดัดฟันด้วยยางจัดฟันหลากสีสด เธอกำลังตั้งหน้าตั้งตาแบก ผู้ชายตัวโตกว่าเอาไว้บนหลังหมดสภาพเมาแย่ออกไปตรง ประตูทางออก

“อ้อ ทำไม…” ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มหรี่มองใบหน้าของ เพื่อนอย่างสงสัย

“ถ้ามึงได้ฟันผู้หญิงคนนั้นได้ กู… นายเกริกเกียรติจะยอมแต่ง

หญิงเดินรอบมหาลัยเลย” เขาพูดขึ้นมาส่งสายตาท้าทาย

“เฮ้ย… มึงเอาจริงนะไอ้เรย์” แมนตบบ่าของเรย์ขอค่ามั่น

“เออสิวะ บุรุษพูดแล้วไม่คืนคำ วันก่อนแม่งมึง ผู้หญิงคนนั้น ปารองเท้าแตะมากลางวงพวกกูเลย โอ้โห… แถมด่าพวกกูไฟ แลบ ปากร้ายโคตรๆ” เรย์ทำท่าขยาด

“เอาด… หรือถึงป๊อด…” อ้นยุป้อง

“ก็ได้… คอยดูผลงานกูก็แล้วกัน ระดับเดือน…มีแต่สาวๆ วิ่ง หากู ไอ้เรย์จึงเตรียมแต่งหญิงเอาไว้ได้เลย เพราะการท้าทาย และไม่อยากเสียหน้า และหาว่าป๊อด ป้องจึงตกปากรับคำพวกนั้นไป

วันพุธที่ผ่านมา หลังมหาวิทยาลัย….. หน้าร้านขายข้าวของ ยายวันเพ็ญ

รินดาเดินมาจากมินิมาร์ตหน้าปากซอยกำลังจะกลับเข้าไปใน บ้านที่อยู่ยังท้ายซอย และต้องผ่านร้านขายวันเพ็ญอยู่แล้ว

“ป้า กะเพราหมูกรอบราดข้าวหนึ่งกล่อง” รินดาตะโกนสั่งข้าว อยู่ที่หน้าร้าน สายตาของกลุ่มบุรุษหลายหน่อที่เข้าชมรมหมาป่า ล่าเนื้อ แต่จริงๆ น่าจะชื่อปากหมาซะมากกว่า

“ทำไปได้ว่าไหมถึง ขาสั้นสีเหลือง รองเท้าแตะสีแดง ถ้าเป็น แถวๆ บ้านนะมึง หมาเห่านึกว่าเห็นสัตว์ประหลาด”

“กูว่าน้องเขาก็สวยอยู่นะ” เสียงหนึ่งดังสนับสนุนขึ้น

“สวยอยู่คนเดียว สวยไม่ปรึกษาใคร สวยแบบทำไปได้” เหล่า บรรดากระชายเหล่านั้นก็ส่งเสียงหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

“รูปร่างก็สูงยาวเข่าดีนะมึง ถ้าไว้ผมยาวกว่าก็น่าเอาอยู่นะ” อีกคนหนึ่งบอก

“อ๋ย… ไอ้เชี่ย… มึงไม่เห็นยางจัดฟันที่น้องเขาใส่เหรอวะ แม่ง…สี… โอ้โห…เห็นมาตั้งกะไฟแดงหน้ารถไม่กล้าชนนะมึง

ต้องเบรกตัวโก่ง เพราะแสงสะท้อนมันเข้าตา” เสียงฮาดังกันขึ้น อีกตรีม

“สี่สิบห้าบาท” ยายวันเพ็ญส่งข้าวกล่องให้กับรินดา เธอรับ มันมาถือไว้ ก่อนจะจ่ายเงินในจำนวนที่พอดี
“ขอบใจ…” ยายวันเพ็ญหันหลังให้เดินกลับเข้าไปที่หลังร้าน

“ดริ้ว…” เสียงผิวปากดังขึ้น ตอนที่เธอจะหันหลังกลับ “น้องสาวผมสั้นครับ ให้พวกพี่ไปส่งข้างในไหมครับ พี่กลัว หมามันจะไล่จับขาน้องนะครับ” คนในกลุ่มนั้นตะโกนแซวขึ้นมา

“ไอ้… เซีย…กูได้ยินนะว่าพวกมึงนินทากอยู่ ไม่มีอะไรทำกัน หรือไง กลับไปนั่งวิจารณ์แม่กับน้องถึงที่บ้านไป ไอ้

เพลง… ตุ๊บ…

เธอถอนรองเท้าของตัวเอง โยนเข้าไปกลางวงทั้งสองข้าง ชาย หนุ่มสี่ห้าคนนั้นกระโดดแยกกันไปคนละทิศละทาง เธอยังไม่ ยอมลดละ เดินตรงเข้าไปยังชายหนุ่มปากดีเหล่านั้น

พวกผู้ชายหน้าหม้อตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนภายในร้าน

รินดาไม่พูดอะไรอีก เธอส่งสายตาระร้ายมองผ่านแว่นกลมๆ หนาเตอะไปยังใบหน้าของหนุ่มๆ ทุกคน เธอหยิบแล้วสะบัดเอา น้ำแกงออกจากรองเท้าของตัวเอง และป้ายไปที่กระเป๋าผ้าของ เรย์ที่วางใกล้ที่สุด ก่อนจะเอามันมาใส่ที่เท้าแล้วเดินกลับไปแบบ ไม่หันกลับมามอง

“เวรแล้ว กระเป๋าน้องเฟิร์นซื้อให้กู” เรย์โอดครวญ ตอนนี้ กระเป๋าของเขาเต็มไปด้วยน้ำต้มแซ่บ

“ฝากเอาไว้ก่อนนะยายแว่น” เรย์ยืนมองตามหลังผู้หญิงคน นั้นไป คิดเอาคืน
“เจ้าป้องมันรู้ตัวหรือยังแม่” คุณเปรมถามภรรยาขึ้นมา ตอนนี้ เธอยังก้มๆ เงยๆ อยู่กับมือถือของตัวเอง

“ฉันไม่ชอบบังคับลูก พ่อก็รู้” คุณอ่อนตอบออกมา โดยไม่มอง หน้าของสามี

“คุณอ่อน” สามีทําเสียงเข้มเข้าใส่ “พ่อไม่ได้พูดเล่นนะ ไปปลุกมัน พ่อจะให้มันบินไปเย็นนี้เลย

“อะไรกัน อย่ามาหยอกกันแรงขนาดนี้นะ” ภรรยามือถือแทบ

ร่วง

“พ่อจะส่งลูกไปเรียนถึงอังกฤษ จะไม่ให้แม่ทำใจเลยหรือไง คะ” เธอหน้าตาตกใจ ไม่คิดว่าสามีจะทำอะไรรวดเร็วอย่างนี้

ทั้งๆ ที่ปรึกษากันได้ไม่นาน และเธอไม่คิดว่าเขาจะเอาจริง ทำให้เธอไม่ทันได้ตั้งตัว

“ถ้าแม่ยังเห็นเจ้าป้องมันเป็นเด็กอยู่อย่างนี้ พ่อว่าให้อยู่เมือง

ไทย คงเสียคนในไม่ช้า

“คุณเปรมจะพูดเกินไปแล้วนะคะ” เธอเริ่มบีบน้ำตา เรียกชื่อ

สามีเต็มยศ

“ให้ลูกไปเรียนนะแม่ พ่อไม่ได้ให้มันไปตาย

“คุณ…” เธอเห็นสายตาที่เอาจริง และไม่ได้ล้อเล่น

“เวียนไปปลุกคุณป้อง และกระเป๋าที่ให้จัดเมื่อวาน เวียนให้ หวังขึ้นไปเอาลงมา แล้วเอาขึ้นท้ายรถ ฉันจะไปส่งเจ้าป้องมันขึ้นเครื่องเอง” เขาหันไปส่งคนใช้

คุณเปรมศักดิ์ที่เผด็จการที่สุดในบ้าน และทำอะไรตามใจตัว เองอยู่แล้ว เขาใช้วิธีบังคับให้ลูกชายคนเดียวไปเรียนที่อังกฤษ โดยไม่ได้ถามความสมัครใจของเจ้าตัว

“คุณ…” คุณภคมนถึงกลับเข่าอ่อน “จะไปส่งลูกกับพ่อไหม” เขานั่งลงใกล้ๆ ภรรยา จับมือของ

เธอขึ้นมาบีบเบาๆ เธอทำน้ำตาร่วง

“ให้ลูกไปเถอะ จะได้โตซะที เรามีความหวังเดียวอยู่ที่มันนะ ยังไงก็อยากให้ลูกได้ไปผจญภัยดูบ้าง

“เดี๋ยวฮะพ่อ นี่มันอะไรกัน ผมไม่ไปเด็ดขาด หัวเด็ดตีนขาด ผมก็ไม่ไป

ป้องณวัฒน์ตะโกนโวยวายดังมาจากข้างบน เมื่อมาถึงตรง

หน้าพ่อ สายตาที่ดุดันและเอาเรื่องเป็นที่สุด ทำให้เขาหันหลัง

กลับขึ้นไปข้างบนบ้านอย่างรวดเร็ว

“เร็วๆ นะโว้ย เครื่องจะออก ฉันจะต้องให้แกไปในวันนี้ให้ได้

“เผด็จการ” ภคมนทำปากมุบมิบ ก่อนจะวิ่งปรัดขึ้นชั้นสอง ตามหลังลูกชายไปติดๆ

ทุกอย่างถูกนำมาขึ้นรถ รวมทั้งลูกชายที่นั่งหน้าเหม็น เขาถูก ยึดโทรศัพท์เอาไว้เรียบร้อย โดยไม่ให้ได้บอกและร่ำลาเพื่อนๆ ป้องณวัฒน์ทำตัวไม่ถูกเอาเหมือนกัน ตอนนี้มีแม่ที่ร้องไห้กระซิกๆ อยู่ข้างๆ
“ตั้งใจเรียน ฉันเสียเงินไปเยอะนะกับแก เรื่องที่จะส่งไปเรียนที่ อังกฤษ และต้องทำตัวให้ดีๆ ฉันจะให้เงินแกแค่พอใช้ ดัดนิสัย ใช้เงินมือเติบ อยากได้อะไรเป็นพิเศษต้องทำงานเอาเอง และฉัน ยึดบัตรทุกอย่างของแกคืน และใช้ได้แค่บัตรนี้บัตรเดียว” คุณ พ่อยื่นบัตรสีทองให้ป้องหันไปกอดแม่

“อย่าทําตัวเหลวไหลนะลูก” เธอสอนเหมือนป้องณวัฒน์เป็น เด็กเล็กๆ

“แล้วห้ามมีเมียแหม่ม มีลูก” คุณเปรมศักดิ์กำชับ

คำว่าเมียทำให้เขานึกไปถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาทำมิดีมิร้าย กับเธอเมื่อคืนนี้ แล้วสัญญาที่ว่าจะไปรับไปเรียนในเช้าวันจันทร์

ริน’ เขาเอ่ยชื่อเธอในใจ ตอนนี้เรื่องตัวเองก็เอาไม่รอด แล้ว จะจัดการกับเรื่องอื่นๆ ได้อย่างไร

“มือถือของผม” เขายังหวงและรู้สึกห่วงใย

“เดี๋ยวไปถึงที่โน่นจะมีคนมารับ ทุกอย่างได้ถูกเตรียมไว้ให้แก

เรียบร้อยแล้ว”

“แต่พ่อครับ ในมือถือของผมมีเบอร์ของเพื่อนๆ

“ไอ้ป้อง… พ่อทำเสียงเข้ม และลากเสียงเรียกชื่อลูกชาย

“ครับ” เขาก้มหน้าโดยดุษณี พ่อพูดคำไหนก็คำนั้น

“รักษาตัวนะลูก” แม่จุ๊บแก้ม จับหน้าผากเขาไม่รู้จักเบื่อ

“ร่ำลากันซะให้พอ พ่อไม่อนุญาตให้กลับมาเมืองไทยนะจนกว่าแกจะเรียนจบ พ่อกับแม่จะบินไปเยี่ยมแกเอง”

“หา!” เขาทำเสียงตกใจ

“ไม่ต้องมาหา… หรือแกอยากมีปัญหากับพ่อ” คุณเปรม เสียงขู่ แค่นี้สองแม่ลูกก็หัวหดแล้ว

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นไปตามใจคุณพ่อ ป้อง วัฒน์เดินทางไปเรียบร้อยแล้ว คุณพ่อยิ้มร่า ส่วนคุณแม่น้ำตาน องหน้า

เช้าวันนั้น

(“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก”) รินตามอง มือถือในมือ ตอนนี้น้ำตาเริ่มคลอเต็มหน่วย

อะไรกัน ทำไมทำแบบนี้ เอ๊ะ…หรือว่าเข้าไป เธอคิดเข้าข้าง ตัวเอง ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา สายๆ ค่อยโทรอีกทีนะ ถ้ายังไม่เปิด ก็เที่ยง หรือค่ำๆ ไปเลย

เธอสั่งตัวเองไว้ และก็กดโทรศัพท์หาป้องณวัฒน์เป็นสิบๆ ครั้ง

ก็ยังได้รับค่าตอบเดิม

แล้วเขาก็หายไปไม่ติดต่อกลับมา

เช้าวันจันทร์ รินดารีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วเพื่อไป มหาวิทยาลัย ตั้งใจจะไปลุยป้องณวัฒน์ และถามให้รู้เรื่องว่าเขา ฟันเธอแล้วทิ้งใช่ไหม

รินดาก้าวฉับๆ ไปยังคณะบริหาร เห็นหนุ่มๆ ที่คุ้นตาที่เธอเคยเห็นเดินด้วยกันกับป้องณวัฒน์ เธอตรงดิ่งเข้าไปในทันที แต่บท สนทนาที่ได้ยินทำให้เธอต้องหยุดฝีเท้า

“ไอ้เซี่ย แม่งไอ้ป้องไม่ได้เห็นถึงวิ่งรอบมหาลัยอะดี มันแน่ จริงๆ ว่ะ มันเจาะไข่แดงยายเหล็กดัดฟันนั้นจริงๆ” แมนพูดขึ้นมา ก่อน

“เฮ้ย…ต้องแต่งนะโว้ย สัญญาลูกผู้ชาย ตระบัดสัตย์แล้วไม่

คืนค่า” อันพูดขึ้น

“แม่งมันฟันแล้วทิ้งได้สะใจจริงๆ ค่ะ มันตั้งใจไหมเนี่ย มันรู้ ไหมว่าพ่อมันจะให้มันไปอังกฤษ เรย์ถามดัง

“ไอ้ป้องมันไม่เคยพูดถึงเลยนะโว้ย”

“นั้นอะ หรือว่า… โอ๊ย…คิดไม่ออก แล้วแม่ง…เชีย…ติดต่อ มันก็ไม่ได้ ใครกล้าไปถามพ่อกับแม่มันที่บ้านบ้างวะ

“โอ๊ะๆ กูคนหนึ่งละไม่ไป” เรย์ปฏิเสธก่อนใคร

“พ่อดุอย่างกับหมา”

“ไอ้ห่าเรย์ปากมึงนะหมากว่า พ่อไอ้ป้องคนนะโว้ยไม่ใช่หมา แมนทำท่าจะตบปากเพื่อน

“ไม่รู้ล่ะ ว่าแต่กูไม่แต่งหญิงก็ได้มั้ง ไอ้ป้องมันไม่รู้หรอก

“มึงไปท้ามันเอง มันฟันหลอกกินไข่แดงยายเหล็กดัดนั่นได้ จึงต้องแต่งหญิงตามสัญญา กูจะเป็นพยานให้ไอ้ป้องมันเอง

“ใช่ๆ กูเห็นด้วย” อ้นสนับสนุน
“พวกมึงสองคนเป็นเพื่อนหรือเปล่าเนี่ย

“ก็เป็นเพื่อนถึงทั้งสองคนนั่นแหละ สัญญาต้องเป็นสัญญา โว้ย” แล้วทั้งสองหนุ่มก็หัวเราะขึ้น

สิ่งที่รินดาได้ยินมันทำร้ายจิตใจเธอมาก ผู้ชายพวกนี้เห็นเธอ เป็นตัวอะไร เห็นเป็นของเล่นเอามาท้ากันก็ได้เหรอ หญิงสาวก หมัดแน่น ไม่ขยับเคลื่อนไหวตัว น้ำตาไหลพรากๆ

กริ๊ง เสียงกริ่งบนอาคารดังลั่น ทั้งสามจึงลุกขึ้นในทันที ได้ยินแค่บทสนทนาที่ว่าใครไปถึงช้าก่อนคนนั้นเลี้ยงข้าว แล้ว สามหนุ่มก็แข่งกันวิ่งขึ้นไปบนอาคารเรียนทันที

รินดาทรุดตัวลงไปนั่งร้องไห้โฮอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเข้มๆ ของ ป้องณวัฒน์ลอยมาเต็มหัวสมอง ฉันจะเกลียดนายให้มากที่สุด ฉันถือว่าสิ่งที่เสียไปฉันถวาย

ให้นาย ชาติ ขออย่าให้พบเจอกันอีกเลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ