เธอท่าให้ชีวิตฉันมีความหมาย

บทที่ 8 โดนรังแกอย่างน่าสงสาร



บทที่ 8 โดนรังแกอย่างน่าสงสาร

“แต่ผมชอบจูบ คุณก็ชอบให้ผมจูบ” เขาพูดอย่าง เอาแต่ใจ ไม่สนใจความต่อต้านของเธอ ก้มลงจูบปาก เธออีกครั้ง

เธอหันหัวหลบหนี ท่าทางจริงจัง

“ไม่ค่ะ”

“คนดี ให้ผมจูบนะ” เขาพูดอ้อนอย่างอ่อนหวาน พร้อม กับโอบเอวเธอมาแนบชิด

ว่องไว กะทันหันจนเธอมึน ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เขาก็ ประทับริมฝีปากจูบอีกครั้ง

“อย่าค่ะ….” เธออ้าปากปฏิเสธ

ปลายลิ้นของเขายิ่งรุกเร้าเอาแต่ใจ ไม่ให้เธอได้มี โอกาสหายใจ ดูดดื่มเธออย่างดื่มฉ่ำ เขาตั้งใจที่จะดูด ดื่มเธออย่างหมดสิ้น ไม่ให้เธอเหลือเรี่ยวแรงต่อต้าน

เธอก็ไม่ได้ทำให้เขาเสียความตั้งใจ แรงที่ต่อต้าน ค่อยๆอ่อนลง ร่างกายค่อยๆอ่อนระทวยดั่งปุยนุ่น

รู้สึกเหมือนจะขาดใจอีกครั้ง โดนเขาจูบจนร้อนผ่าว ไปทั้งร่าง

เขาจูบเธอ พร้อมกับก้าวเท้าพาเธอไปยังห้องนอน
เดินไปด้วย จูบไปด้วยแบบนี้ ทำให้เธอยิ่งมึนเมา ด้วย ความกลัวหล่นตกลงมา แขนของเธอโอบรัดคอเขา แล้ว เริ่มตอบสนองเขาอย่างเร่าร้อน

เมื่อถึงปลายเตียง เขาวางเธอลงอย่างแผ่วเบา โดยที่ ปากไม่ยอมละห่างจากเธอ

แล้ว ร่างเขาก็ทับตามลงมา ทิ้งทั้งร่างทับอยู่บนร่าง

บางของเธอ

สติบอกเธอว่า จะต้องผลักผู้ชายคนนี้ออก แต่ร่างกาย กลับอยากที่จะแนบชิดกับเขาลึกซึ้งกว่านี้

เธอต่อสู้กับความคิดของตัวเองอย่างหนัก จนเกือบที่ จะคล้อยตาม

“ไม่………..ไม่ได้” เธอร้องเรียก ขยับตัว อยากที่จะ

สลัดออกจากเขา แต่อีกใจก็ทำใจไม่ได้ที่จะสลัดออก

ในขณะที่เธอกำลังมีความสุขเคลิบเคลิ้มจนไม่อาจ ต้านทาน เสียงเพลงสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของเธอ ก็ดังขึ้น

เรียกสติเธอให้ตื่นขึ้นมา ดีที่โทรศัพท์สายนี้มาได้ทัน จังหวะ ไม่อย่างนั้น…

“ฉัน…ฉัน…..รับโทรศัพท์

เขาสุดที่จะเสียอารมณ์ แต่ก็ยอมคลายมือ ให้เธอได้ยืนขึ้น

เธอรัดเสื้อเชิ้ตแนบชิดตัว วิ่งไปเอาโทรศัพท์ที่วางอยู่ บนโซฟา เป็นสายแม่ยายโทรมา

เธอรู้สึกผิด จ้องมองโทรศัพท์อย่างไม่กล้ารับสาย กลัวว่าน้ำเสียงจะบ่งบอกถึงสิ่งที่เพิ่งกระทำไป

ไม่รู้ว่าเขามานั่งบนโซฟาด้านข้าง จ้องมองเธออยู่ ตั้งแต่เมื่อไหร่

“รับเถอะ ไม่ต้องกลัว ฟังไม่รู้หรอกครับ”

เขามักที่จะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่เสมอ เธอมอง หน้าเขา แล้วกดรับสายอย่างกล้าๆกลัวๆ

“เธอทำไมยังไม่กลับมา? ไม่กลับมาทำกับข้าวก็ แล้วไป ลูกของตัวเองแท้ๆก็จะให้ฉันดูแลหรือไง?” เมื่อ รับสาย ยังไม่ทันเรียกแม่ แม่ยายก็ด่าทอเธอมาเป็นชุด

เสียงนั้นดังฟังชัด ดู๋หยุนฮุยได้ยินอย่างชัดเจน เขา ขมวดคิ้วมองดูท่าทางเธอที่เปลี่ยนเป็นเซื่องซึมนั้น

เดาก็รู้ว่าเป็นแม่ยายโทรมา ผู้หญิงคนนี้ช่างดูน่า สงสารที่โดนเอาเปรียบ

“ขอโทษค่ะคุณแม่ หนูหาที่ชาร์จแบตรถอยู่ค่ะ” เป็น เพราะเมื่อกี้เพิ่งกระทำเรื่องที่ไม่ให้เกียรติสามีไป เธอ จึงรู้สึกผิด น้ำเสียงที่พูดกับแม่ยายจึงอ่อนลงกว่าปกติ
“ยังมีเวลาชาร์จแบตอีกหรือ? อีกนานแค่ไหน เข็น กลับมาเลยก็ได้ไม่ใช่หรือ?” ยังไงแม่ยายก็ยังไม่ยอม ลดลา

“ข้างนอกฝนยังตกหนักด้วยค่ะ” เธออธิบายต่ออย่าง อ่อนน้อม

“ฝนตกแล้วยังไง? ตากฝนแค่นั้นจะเปียกตายไหม?

ยิ่งอยู่ยิ่งทำเป็นบอบบาง เคยบอกเธอแต่แรกแล้วว่า

เมื่อเข้ามาเป็นสะใภ้บ้านนี้ นิสัยคุณหนูผู้ดีให้สลัดทิ้งไป

ดู๋หยุนฮุยทนฟังต่อไปไม่ไหว แย่งโทรศัพท์มา กดวาง สายแล้วปิดเครื่องทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ