บทที่ 2 ผมชื่อ ดู๋หยุนฮุย
หลังตื่นจากความฝัน เธอก็รู้สึกละอายใจมาก เธอ หดหู่ใจและโทษตัวเองจนไม่ได้นอนทั้งคืน
ท้องฟ้าสว่างแล้ว วันเวลายังคงเดินต่อไป เธอยังต้อง รวบรวมสติเพื่อที่จะดูแลคนในครอบครัวนี้
หาอาหารเช้าเสร็จแล้ว ส่งสามีเสร็จแล้ว และยังต้อง รีบไปส่งลูกที่โรงเรียน เธอถึงจะขี่รถมอเตอร์ไซค์รีบไป ทํางาน
ท้องฟ้าที่นี่แปรปรวนเร็วเหลือเกิน เมื่อวานหิมะยังตก ราวกับขนนก วันนี้อุณหภูมิกลับสูงขึ้น บรรยากาศก็อึม ครึมเหมือนฝนจะตก เธอนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เอาเสื้อกันฝน และร่มมาด้วย ถ้าฝนตกขึ้นมาก็ต้องเปียกงั้นหรอ
อยากจะกลับไปเอา แต่เพราะเมื่อวานนอนไม่ค่อย หลับ เลยไม่ค่อยอยากจะขยับเท่าไหร่ งั้นก็เลยไป บริษัทเลยละกัน
ได้ยินมาว่าช่วงนี้บริษัทกำลังพูดถึงเรื่องจะซื้อกิจการ เพื่อทำให้เจ้านายใหม่ประทับใจ ทุกคนเลยทำงานอย่าง ขยันขันแข็ง
“ผู้จัดการเหอ ผมมีลูกค้าเก่าคนนึงกลับกลอกเก่ง มาก ตอนแรกบอกว่าจะรับสินค้า ตอนนี้มาเปลี่ยนแปลง กะทันหัน ผมไม่รู้จะทำยังไงกับเขาแล้วจริงๆ
อย่ามองว่าเหอมั้นซินจะเป็นคนที่ดูอ่อนแอเหมือนตอน อยู่ที่บ้าน เธอมีความสามารถในการทำธุรกิจมากๆ อยู่ ที่บริษัทเธอเปรียบเหมือนดังมีดที่เฉียบคม ไม่ว่าลูกค้า จะเล่ห์เหลี่ยมเรื่องมากเยอะแค่ไหน ถ้ามาอยู่ในมือเธอ เธอสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
น่าเสียดายที่เจ้านายบริษัทนี้ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งตาม ความสามารถ เธอเลยได้เป็นแค่ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจที่มี ลูกน้องจํานวนน้อย และความสามารถน้อย
เธอเป็นเสาหลักของลูกน้องพวกนี้ ถ้ามีลูกค้าคนไหน ที่รับมือไม่ไหว พวกเขาก็จะให้เธอออกหน้า แต่เธอก็ไม่ เคยไม่มีเคสไหนที่จัดการไม่ได้เลยสักครั้ง
“ลูกค้าที่พูดถึงใช่หลิวโจเฮ่าหรือเปล่า” เธอยิ้มเล็ก น้อย และมองไปที่ส่งฮัวหย่าที่อายุน้อยกว่าเธอสองปี
“ใช่ใช่ใช่ ผู้จัดการรู้เห็นอย่างกับมีตาทิพย์ งั้นคุณคิด ว่าจะจัดการกับเขายังไงดี
“ลูบก่อนแล้วค่อยตี ตีเสร็จแล้วลูบอีก ลูบเสร็จค่อย ตีอีก ทำแบบนี้สามรอบก็โอเคละ” จะจัดการกับคน ประเภทนี้ก็ต้องแบบนี้แหละ รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
“แต่ว่าจะลูบยังไง จะตียังไงหรอพี่ พี่สาวที่แสนดีของ ผม เอางี้พี่ช่วยโทรให้ผมนะ” ส้งฮัวหย่าทำหน้าออดอ้อน เธอเคยสงสัยว่าเธอไม่ได้มาทำงานเกี่ยวกับธุรกิจ แต่ ทำกับดักการขายต่างหาก ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธอที่แก่ กว่าเธอสามปีก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่ทำไมเธอถึงได้เก่งขนาดนั้น ทั้งผู้หญิงผู้ชายก็ดูเหมือนว่าจะเคารพเธอ เป็นพิเศษ อิจฉาจริงๆ
“เหอะเหอะ ไม่ได้สิ แต่ว่าพี่เชื่อเธอ ถ้าเธอจัดการได้ เธอจะเก่งกว่าฉันแน่นอน”
นี่คือหลักการของเธอ ชี้นำได้ แต่จะไม่ทำให้เด็ด ขาด ไม่อย่างนั้นลูกน้องเธอก็จะไม่มีการพัฒนาความ สามารถเลย
สองสามปีที่ผ่านมานี้ เธอฝึกสอนลูกน้องของเธอจน กลายเป็นผู้มีฝีมือ นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นเพราะเธอ ค่อยๆ บ่มสอนมาล้วนๆ
มองดูเธอทำปากแบน เหอมั้นซินก็ทนใจแข็งต่อไปไม่ ไหว ช่างเถอะ จะชำนาญได้มันก็ใช่ว่าจะทำกันได้ในวัน สองวัน งั้นจะแนะนำอย่างละเอียดอีกนิดละกัน
“ลูกค้าของเธอคนนี้เป็นคนที่กล้าได้กล้าเสีย ลูบเขา ก็คือชมเขาว่าเขาน่าสนใจมาก พูดเรื่องศีลธรรม ตีเขา ก็คือจุดเด่นของนักธุรกิจทุกคนคืออยากจะหาเงิน เขา คิดว่าของเราขายไม่ออกเลยอยากจะยัดของให้กับเขา เธอสามารถพูดเป็นนัยๆ ให้เขารู้ถึงความแข็งแกร่งของ คู่แข่งของเขา สร้างแรงกดดันให้กับเขา แน่นอนว่าวิธี การของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน จุดแข็งของแต่ละคน ก็ไม่เหมือนกัน เธอสามารถดึงข้อดีของเธอและข้อเสีย ของเขาออกมาพูด”
“อั้ม พี่ สุดยอดมาก ครั้งนี้ฉันเข้าใจแล้ว” หลังจากส้งฮัวหย่าได้รับคำแนะนำที่ดี ก็ขอบคุณและเดินออกไป ด้วยความมั่นใจที่เต็มล้น
ในขณะนั้นเสียงคนเคาะประตูก็ดังขึ้น เหอพั๊นซิน ยัง คงก้มหน้าก้มตาจัดเอกสารของลูกค้าและพูดขึ้นว่า “เชิญ”
พอประตูเปิดออก เธอก็เงยหน้าขึ้นตามมารยาท มี ผู้ชายคนนึงหน้าตาแจ่มใสปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ
เด็กผู้ชายคนนั้นน่าจะอายุราวๆ 25ปี ใส่ชุดสูทเสื้อ เชิ้ตสีขาว
“สวัสดีค่ะ คุณคือ” เหอมั้นซินมองดูเขาและถามถึงที่ มาของเขา
“สวัสดีครับ ผมมาสมัครงานครับ ผมชื่อดู๋หยุนฮุย ยินดีที่ได้เจอครับ” เขาเดินขึ้นมาข้างหน้าสองสามก้าว และยื่นมือออกมาอย่างเป็นมิตร
ไม่คิดเลยว่าคนที่มีฉายาคมเหมือนมีดจะสวยขนาด นี้ ผิวขาวผ่อง ดวงตาที่สวยคม ไม่แปลกใจที่ความ สามารถในการทำธุรกิจของเธอนั้นดี คงไม่เกี่ยวกับที่ เธอหน้าตาดีใช่มั้ย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ