เธอทำให้ชีวิตฉันมีความหมาย

บทที่ 3 เหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ



บทที่ 3 เหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ

“สวัสดี เชิญนั่ง” เธอยื่นมือออกมาและจับมือทักทาย ตามมารยาท

ครั้งนี้ตู้หยุนฮุยตั้งใจเข้ามาทดสอบความสามารถของ เธอ พ่อของเขาจะเข้ามารับช่วงต่อบริษัทนี้ ตำแหน่งผู้ จัดการทั่วไปของฝ่ายขายต้องการผู้เชี่ยวชาญมาทํ ตำแหน่งนี้ และผลการสำรวจก็พบว่าเหอมั้นซึนน่าจะฝีมือ ดีที่สุด

คราวนี้บริษัทผู้ซื่อซื้อกิจการบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ ขนาดใหญ่นี้ต้องรู้จักองค์กรภายใน ทำแบบนี้ก็ถือว่าเป็น เรื่องปกติ

ตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของฝ่ายขายต้องเป็นเขอเอ่อ คนเดียวเท่านั้น ไม่งั้นเขาคงไม่มาสืบด้วยตัวเอง

จากการที่พูดคุยกับเขา ตู้หยุนฮุย ไม่ได้เห็นจุดเด่น อะไรของเขาเลย ในใจของเขายังมีความคิดที่ว่าผู้หญิง คนนี้ก็ได้ออเดอร์ลูกค้ามาเพราะความสวยแน่ๆ

แต่ว่าเขาก็ยังไม่อยากจะตัดสินเร็วเกินไป ต้องรอดู สถานการณ์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน ดังนั้นเขาเลยนั่งอยู่ เงียบๆ ตรงหน้าเธอ โดยไม่แสดงอาการอะไรใดๆ ไม่ตื่น เต้น และก็ไม่ได้รังเกียจ

สองสามปีผ่านมานี่เหอมั้นซินก็สัมภาษณ์พนักงานมาไม่ น้อย คนส่วนใหญ่ถ้ามาเจอกับสถานการณ์แบบนี้ ถึงจะ พยายามเก็บอาการยังไงก็จะดูออกว่าระวังตัว
แต่เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้ อย่ามองว่าเป็นแค่เด็กเพราะ เขามีความสุขุมมาก ดูไม่ออกถึงความไม่สบายใจของเขา เลยสักนิด

เขาต้องเป็นนักธุรกิจที่เก่งแน่ๆ เพราะระดับจิตใจของ เขามีความสามารถพอที่จะทำงานนั้นได้

เพราะว่ามันออกมาจากความรัก เธอจึงปฏิบัติต่อเขา อย่างอ่อนโยน

“คุณสามารถทำให้คนประทับใจได้ ฉันคิดว่าถ้าบริษัท ไหนรับสมัครคุณเข้าทำงานได้ บริษัทนั้นต้องโชคดีมาก แน่ๆ” เธอพูดอย่างจริงใจ

คำชมใครๆ ก็ชอบฟัง รวมทั้งด้หยุนฮุยด้วย แต่แค่เขา ยังไม่ได้ถูกเธอชมจนลอย ในใจของเขายังคงชัดเจนอยู่

คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเธอจะสัมภาษณ์งานแบบนี้ เขา เคยเป็นHRอยู่ที่แผนกอื่น ยังไม่เคยเห็นการสัมภาษณ์ ครั้งไหนที่ชมคนมาสมัครงานเลย

นี้เป็นเรื่องที่เหอมั้นซินไม่เหมือนกับคนอื่น เวลาเธอ สัมภาษณ์งานเธอจะยอก่อน แต่ไม่ได้ชื่นชม ที่เป็นแบบ นี้ก็เพราะว่าทุกคนหวังว่าจะได้รับความสำคัญ หลังจาก ที่ได้รับคำชมพวกเขาจะมีความมั่นใจขึ้น ก็จะทำให้ แสดงออกได้ดีกว่าเดิม ในขณะเดียวกัน แบบนี้ก็จะทำให้ คนสัมภาษณ์กับคนที่มาสัมภาษณ์มีความสัมพันธ์ที่สนิท กันมากขึ้น ก็จะทำให้บรรยากาศการสัมภาษณ์งานดีขึ้น

“ขอบคุณครับ ผมหวังว่าผมจะมีโอกาสทำงานให้กับบริษัทนี้” เขาตอบกลับความเมตตาของเธอ

“งั้นพวกเรามาพูดถึงปัญหานี้กันดีมั้ย คุณคิดว่าสิ่งที่ สำคัญที่สุดของการเป็นมนุษย์คืออะไร”

ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของเธอจะดูนุ่มนวล คำถามที่ถามก็เป็น คำถามทั่วไปเกี่ยวกับมนุษย์ แต่ว่าดู๋หยุนฮุยไม่เห็นด้วย กับวิธีของเธอ

เขาเป็นคนที่เลือดร้อนมาก คิดว่าบริษัทควรที่จะ ให้ความประทับใจแก่คนที่มาสัมภาษณ์ ทําหน้าที่คน สัมภาษณ์งาน ก็ควรที่จะมีความหยิ่งยโส ทำให้คนรู้สึก อยากเข้ามาทํางานแต่ก็ยากที่จะเข้ามา

“ศีลธรรม คนไม่มีศีลธรรมก็จะดำรงชีวิตไม่ได้” เขา ตอบอย่างง่ายๆ สั้นๆ เขามีความมั่นใจเต็มร้อย

เธอยิ้มและมองเขา และหลังจากนั้นก็พูดคุยกับเขาอีก

มากมาย

ตลอดการสัมภาษณ์ของเธอก็สึกว่าสบายๆ การแสดง ความคิดเห็นของเธอต่อเขาทุกอย่างดีมาก แต่ว่าเธอพบ ว่าเด็กคนนี้มีความหยิ่งผยอง ถึงแม้ว่าเขาไม่อยากแสดง มันออกมา แต่ว่าที่จริงแล้วเขาหยิ่งผยองมาก

แต่ว่าเธอไม่ถือสาอะไร ทุกคนมีข้อดีของตัวเอง ลูกค้า บางคนก็ต้องการรับมือกับคนแบบนี้

“เอาละ ถ้าหากไม่มีปัญหาอะไร วันนี้คุณก็เริ่มงานได้ เพราะว่าเมื่อกี้เขาแสดงความคิดเห็นว่าอยากทำงานเร็วๆเธอก็เลยทำตามความต้องการของเขา

ตลอดช่วงเช้า เขาดูเอกสารแนะนำบริษัทและหนังสือ แนะนำพนักงานอยู่ข้างๆ เธอ เธอแนะนำเขาเป็นบางที

ถึงเวลาของมื้อเที่ยงแล้ว เหอมั้นซินหยุดทํางานทุก อย่างที่อยู่ในมือเธอ และลุกขึ้นมาอยู่ข้างๆ ตู้หยุนฮุย

เธอแอบสำรวจเขาอยู่นาน เด็กคนนี้ไม่เลวจริงๆ ดู เอกสารอย่างจริงจัง วัยรุ่นสมัยนี้ที่ดีเลิศและตั้งใจมีน้อย

มากจริงๆ

“ดู๋หยุนฮุย พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ แล้วเดี๋ยวฉันจะ พานายไปเดินดูรอบๆ บริษัทด้วย”

เขาไม่ได้ปฏิเสธ เพราะเขาอยากจะทำความรู้จักกับผู้ จัดการเหอคนนี้อยู่แล้ว

“ที่นี่เป็นโรงอาหารของพนักงาน ฉันสามารถบอกเธอ ได้อย่างภาคภูมิใจว่าอาหารของเรามีชื่อเสียงมาก นายดู พนักงานพวกนั้นสิ หน้าตาดูมีสีสันมาก” พวกเขาเดินไปคู่ กัน เหอมั้นซิน แนะนำเขาอย่างเป็นกันเอง

เขาประทับใจเธอมากขึ้น ไม่ว่าจะโอกาสไหนเธอก็ แนะนำลูกน้องของเธออย่างทุ่มเท เป็นพนักงานที่หาได้ ยากจริงๆ

“คุณเวอร์มากเกินไปละ ผมดูหน้าคุณมันดูออกจะซีด” เขาอ้าปากพูด
“คุณว่าอะไรนะ” เธอหยุดและมองเขาอย่างประหลาด ใจ และยิ้มอย่างเขินอาย

“สีหน้าของฉันจะโทษโรงอาหารไม่ได้ ต้องโทษที่ตัวฉัน เหอะเทอะ ” บรรยากาศดูผ่อนคลายและมีความสุขมาก ขึ้น และหลังจากนั้นเธอก็พาเข้าไปตักข้าว พวกเขาเลือก นั่งที่ที่มีคนน้อย แบบนี้ก็คุยถนัดขึ้น

ตะเกียบของเหอมนซินตักอยู่แค่ผักผักกาดขาวกับ ผักต่างๆ เท่านั้น แต่ดู๋หยุนฮุยเป็นสัตว์กินเนื้อเขากินแค่ อาหารที่มีเนื้อสัตว์อยู่ด้วย

“ผู้จัดการเหอ คุณกำลังลดน้ำหนักอยู่หรอ” มีแค่เขาที่ กินเนื้อกินปลาอยู่คนเดียว เขาเริ่มรู้สึกเกรงใจราวกับว่า เขากำลังเอาเปรียบเธอ

“เหอะเหอะ ใช่แล้ว” เธอยิ้มและตอบกลับ

เขาพึ่งจะรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่มองไม่เบื่อเลย ตอนเธอยิ้มมันทำให้คนรู้สึกถึงสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ทําให้อยากอยู่ใกล้เธอโดยไม่รู้ตัว

“คุณก็ไม่ได้อ้วนซะหน่อย หุ่นแบบนี้สวยจะตาย” ก็ไม่รู้ เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงอยากชมเธอ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ