เทพบู๊สายเปย์

บทที่ 1 งานเลี้ยงวันเกิด



บทที่ 1 งานเลี้ยงวันเกิด

บทที่ 1 งานเลี้ยงวันเกิด

ในงานเลี้ยงวันเกิดของคุณนายใหญ่หลิน จูหมิงนั่งอยู่ ตรงริมสุดของขอบโต๊ะ เหมือนกับมนุษย์ล่องหน ไม่มีใคร สนใจเขา แต่แบบนี้เขาก็รู้สึกว่าดีเหมือนกัน เพราะว่าถ้า เกิดตระกูลหลินพูดกับเขาล่ะก็ จะต้องไม่พูดเยาะเย้ยก็ ด่าทอแน่นอน

เพียงเพราะว่าเขาเป็นลูกเขยที่แต่งเข้ามาอยู่ในบ้าน ของฝ่ายหญิง ไม่มีทั้งชาติวงศ์ตระกูลและเงินทอง แถม ไร้ความสามารถด้วย ทำเป็นแค่ซักผ้าหุงเข้าทำงานบ้าน เท่านั้น เขากลายเป็นเรื่องตลกที่โด่งดังของตระกูลหลิน หรือแม้กระทั่งของเมืองไห่เทียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คุณสามี ชิมนี่ดูสิ รสชาติสดมากเลยนะ”หลินเสี่ยวเข่อ คีบปลิงทะเลให้เขาหนึ่งชิ้น

ตะเกียบเพิ่งจะคีบขึ้นมา ก็ถูกพ่อตาหลินเจี้ยนไหีตบลง ก่อน พร้อมกับพูดต่อว่าขึ้น“ปลิงแพงขนาดนี้ ให้มันกินก็ เปลืองตายเลยน่ะสิ มันไม่เหมาะที่จะกินหรอก”

“พ่อ อย่าพูดถึงเขาแบบนี้สิ”หลินเสี่ยวเข่อปกป้องเขา

ในตอนนี้หลินเจี้ยนไห่รู้สึกโมโห เขาเป็นผู้ลูกชายคนโตของตระกูลหลิน จริงๆแล้วเขาจะต้องได้เป็นทายาท ผู้สืบทอดตระกูลหลินโดยสมบูรณ์อย่างไร้ข้อกังขา แต่ เพราะว่าลูกเขยที่ไร้น้ำยาคนนี้ เขาจึงถูกคุณนายใหญ่ อืดทิ้งจากตำแหน่งท่านประธาน ในตอนนี้ก็ยังต้องมานั่ง ในที่นั่งที่ท้ายสุดอีก นั่งร่วมกับพวกระดับแม่บ้านและยาม ทําให้ไฟโกรธสุมอยู่เต็มอก

“ให้มันกินแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร? ถ้าไม่ใช่เพราะ ไอ้คนไร้ประโยชน์นี่ พวกเราจะต้องมานั่งตรงนี้เหรอ? ถ้า ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็ จะช้าจะเร็วยังไงก็ต้องถูกเฉด หัวออกไปจากตระกูลหลินเพราะเขาแน่ๆ ถึงตอนนั้นลูกก็ ต้องอดตายไม่มีอะไรจะกินแน่นอน”

“พ่อ พูดให้มันน้อยๆลงหน่อยจะได้ไหม?”หลินเสี่ยวเข่อ หันไปจ้องเขม็งเขา นี่มันเป็นสถานที่สาธารณะนะ

คำพูดนี้ทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆพากันหัวเราะ พ่อบ้านเฝิง ผิงและหัวหน้ายามจางฉวนพากันหัวเราะอย่างชอบอก ชอบใจ มองลูกเขยหลินเจี้ยนไห่ พวกเขาเหมือนจะรู้สึก อยู่เหนือกว่าไม่น้อย

“ท่านหลิน เสี่ยวเข่อพูดถูก อย่าโกรธเลย แถมลูกเขย ของคุณคนนี้ก็ไม่ได้ไร้น้ำยาอะไรขนาดนั้นนะครับ”พ่อ บ้านเฝิงผิงพูดปลอบขึ้นมาหนึ่งประโยค ก่อนจะหันไป ถามจูหมิง
“คนไร้…..ไม่ใช่สิ จูหมิงขอถามหน่อยสิ ว่าคุณหางานได้ แล้วยัง?”

“ยัง”จูหมิงตอบอย่างตรงไปตรงมา

“ไม่มีงานทํามันได้ที่ไหนล่ะ ให้เสี่ยวเยอทํางานเลี้ยง ครอบครัวอยู่คนเดียว ตลอดทั้งวันเหนื่อยขนาดนั้น เป็น ผู้ชายประสาอะไร? เอาแบบนี้สิ เดี๋ยวผมให้จางคาย ลูกเขยของผมแนะนำงานให้คุณเอาไหม? ตอนนี้เขาเป็น ผู้จัดการขายปลีกของตระกูลหลิน เรื่องจัดแจงงานให้คุณ สักงาน สบายมาก”เฝิงผิงยิ้มอย่างพออกพอใจ เห็นได้ชัด ว่าอยากจะอวดลูกเขยของตัวเอง

“ใช่ๆ ตอนนี้ผมเป็นผู้จัดการ ใหญ่ จากตำระดับตำแหน่ง ของผมแล้ว จัดหางานให้สักงานหนึ่งไม่ใช่ปัญหาจูหมิง คุณวุฒิการศึกษาอะไรเหรอครับ?”จางคายเข้าใจความ คิดของพ่อตาดี

จูหมิงส่ายหัว บ่งบอกว่าไม่มีวุฒิการศึกษา

จางหายกับเผิงผิงมองตากันหนึ่งที แล้วยิ้มออกมา”ไม่มี วุฒิการศึกษาไม่ได้นะ แม้ว่าเกณฑ์ของสายงานนี้จะต่ำก็ จริง แต่ก็ไม่รับพวกขยะไร้การศึกษาเหมือนกัน ขอโทษที”

พอคำพูดนี้ออกมา ทั้งตระกูลของหลินเจี้ยนไห่ก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที พ่อบ้านเฝิงผิงเป็นคนรับใช้ของตระกูล หลินของพวกเขา คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะไร้ซึ่งความเคารพ นอบน้อมขนาดนี้ แถมยังพูดจาที่ฟังไม่เข้าหูอีก

ขณะนี้เอง หัวหน้ายามจางฉวนก็พูดตัดบทสนทนาของ พวกเขา

“เสี่ยวเฝิงนายพูดอะไรเนี่ย? ตระกูลหลินมีพระคุณ มากมายกับพวกเรา กะอีแค่งานงานเดียวจะให้ไม่ได้เลย เหรอ ไอ้คนไ…หมิง ถ้างั้นคุณก็มาทำกับลูกเขยของ ผมแล้วกัน ตอนนี้เขาเป็นผู้รับเหมา หางานแบกปูนขนอิฐ ให้สักงานไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว ลองพิจารณาดูสักหน่อยสิ ครับ?”

“แบกปูนขนอิฐก็ได้เงินเดือนเดือนละห้าหกพัน ดีกว่า เกาะเมียกินเป็นไหนๆ พิจารณาดูหน่อยไหม?”

ทั้งโต๊ะระเบิดหัวเราะออกมายกใหญ่ ใบหน้าสวยๆของ หลินเสี่ยวเบ่อนิ่งเย็นชาลง

“อาเฝิง อาจางอย่าให้มากเกินไป อย่านึกว่าลูกเขยของ คุณเก่งสุดยอดขนาดนั้น ก็แค่คนทำงานรับจ้างคนหนึ่ง ถ้าอยากจะกินข้าวดีๆก็หุบปากซะ”

เฝิงผิงกับจางฉวนยิ้มอย่างอายๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ ใครๆก็มองสีหน้าเยาะเย้ยของทั้งสองคนออก คนในครอบครัวนี้ใกล้จะถูกไล่ออกไปอยู่แล้ว ยังจะมาทำท่าทำ ทางดัดจริตอีก

หลินเสี่ยวเข่อกำลังโมโหฉุนเฉียวอยู่ ขณะที่จูหมิงกลับ ยิ้มอยู่เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังคีบอาหารมากิน ทำให้แม่หลินหลิวหลานทนดูต่อไปไม่ได้

“จูหมิงเพราะแก ดูลูกเขยของบ้านอื่นสิ แล้วหันกลับมา มองสารรูปไร้น้ำยาของแก แกยังมีหน้ามากินอีกเหรอ หรือว่าแกไม่รู้สึกว่าน่ามันขายหน้าเลยเหรอไง? ถ้าเกิด รักเสี่ยวเข่อของพวกเราจริง ก็อย่ายื้อเวลาเธอไว้เลย รีบ หย่ากับเธอซะ ให้เธอได้แต่งงานกับตระกูลร่ำรวยดีกว่า มาทนทุกข์ยากลำบากกับแก

หลิวหลานพอพูดจบ ก็ถูกหลินเสี่ยวเข่อจ้องเขม็ง ทำได้ แค่เงียบปาก ไม่อย่างนั้นถ้าอิงจากนิสัยของเธอแล้วจะ ต้องพูดต่ออีกแน่นอน

“แม่ ไม่ต้องใจร้อนหรอก งานหาง่ายจะตาย”

“ใช่ๆ ง่าย จากความสามารถของคุณแล้วถ้าหางาน พี่เลี้ยงล่ะก็ได้แน่นอน พวกทำงานบ้านซักผ้าหุงข้าว เชี่ยวชาญดีเลยไม่ใช่เหรอ? ใช่แล้ว บ้านของเราดูเหมือน จะขาดคนกวาดพื้นอยู่นี่ หรือคุณจะมาลองดูไหม? ให้เงิน เดือนคุณสามพันต่อเดือน รวมข้าวหนึ่งมื้อด้วยนะ เอา ไหมล่ะ?”
พอเฝิงผิงพูดจบ ทั้งโต๊ะก็ระเบิดหัวเราะออกมา

สองสามีภรรยาหลินเจี้ยนไห่ก็โกรธจนหน้าแดง แต่ก็ แอบออกไปไม่ได้ กลัวถ้ากลับก่อนงานเลิก คุณนายใหญ่ จะโกรธเคืองเอาได้

หลินเสี่ยวเข่อสีหน้าโมโห”อาจางอาเฝิงพวกนายไม่ อยากกินข้าวดีๆกันแล้วใช่ไหม?”

เฝิงผิงหัวเราะออกมา คุณเสี่ยวเบ่อพวกเราช่วยคุณคิด อยู่นะ หาลูกเขยที่ไร้น้ำยาแบบนี้มา คุณเลิกเสแสร้งได้ แล้ว ควรจะหย่ากันได้แล้ว บางทีคุณอาจจะได้แต่งงาน กับตระกูลร่ำรวยจริงๆก็ได้นะครับ”

“ใช่ๆ สมัยก่อนตอนที่คุณท่านยังอยู่เลี้ยงดูคุณราวกับ เจ้าหญิง แถมยังบอกอีกว่าต้องหามังกรท่ามกลางฝูงมังกร เท่านั้นถึงจะเหมาะสมกับคุณ แล้วดูสามีของคุณตอนนี้ สิ ไอ้คนไร้ประโยชน์สภาพเหมือนหนอนแบบนี้ เห้อ น่า เสียดายความหวังดีของคุณท่าน!

มังกรท่ามกลางฝูงมังกร! กลับเป็นไอ้ไร้น้ำยานี่เนี่ย นะ? พอประโยคนี้ออกมา แม้แต่โต๊ะข้างๆก็หัวเราะออกมา หัวเราะอย่างชั่วร้าย เย้ยหยันสุดๆ

หลินเจี้ยนไห่ในตอนนี้นั่งไม่ติดแล้ว หันไปต่อว่าจูหมิง ทันที “เป็นเพราะว่าไอ้คนไร้ประโยชน์แบบแกแท้ๆ แกยังจะกินลงอีกเหรอ? ยังขายขี้หน้าไม่พออีกเหรอ?

กลับ!

พอเห็นพ่อแม่ออกจากงานเลี้ยงแล้ว หลินเสี่ยวเข่อก็ทำ อะไรไม่ถูก ทำได้แค่ลากจูหมิงตามออกไป

เพิ่งจะเดินออกมาจากบริเวณบ้านตระกูลหลิน หลิน เสี่ยวเบ่อก็พูดปลอบจูหมิงทันที อย่าโกรธเลยนะ คนพวก นี้ก็ปากคอแบบนี้แหละ ไม่ต้องเก็บไปคิดหรอกนะ”

จูหมิงรู้สึกอบอุ่นในใจ กุมมือเธอไว้แน่น”ขอโทษด้วยนะ เป็นเพราะผมมันไม่เอาไหน

พอพูดจบ ก็ถูกหลินเสี่ยวเข่อมาอุดปากไว้ เธอยิ้มแย้ม พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน”คุณห้ามพูดแบบนี้ อีกนะคะ เออ ใช่แล้ว หย่วนเซอหวู่กับซูหมี่มาหาฉันด้วย”

จูหมิงส่งเสียงตอบกลับไป แสดงถึงว่าจะไปกับเธอด้วย เขารู้ว่าทั้งสองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเธอ

หลินเสี่ยวเข่อรู้สึกเกรงใจไม่น้อย“เอ่อ เพื่อนฉันจะคุย แต่เรื่องของพวกผู้หญิงน่ะ คุณอยู่ด้วยเกรงว่าจะไม่ค่อย เหมาะเท่าไร ในนี้มีเงินอยู่สามร้อย คุณเอาไปเที่ยวเล่น ก่อนแล้วกันนะ”
จูหมิงเข้าใจความคิดของหลินเสี่ยวเข่อ เพื่อนสนิททั้ง สองคนนี้ปากคอสุดยอดมากๆ แถมยังดูถูกดูแคลนเขาอีก เธอกลัวว่าเขาจะรู้สึกอึดอัด จึงไม่อยากให้เขาไปด้วย

มองหลินเสี่ยวเขือเดินจากไปไกลแล้ว สายตาของจูห มิงก็ค่อยๆเหม่อ คิดในใจ: เสี่ยวเข่อคุณรู้ไหม เพื่อคุณ แล้ว ผมไม่สนใจคำเยาะเย้ยของใครทั้งนั้น ต่อให้เป็นไอ้ คนไร้ประโยชน์ตราบชั่วชีวิต ก็แล้วมันจะยังไงล่ะ?

ในขณะนี้เอง มือถือก็มีเสียงข้อความดังขึ้นมา

“คุณชาย ตระกูลเกิดวิกฤตแล้ว คุณท่านสั่งให้มาเชิญ คุณชายกลับมาจัดการสถานการณ์ทั้งหมดอย่างเด็ดขาด ครับ”

“คุณชาย คุณท่านพูดกำชับซ้ำๆว่า มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ทายาทผู้สืบทอกของตระกูล ต้องกลับมาให้ได้”

จูหมิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มเย้ยหยัน ในที่สุดผู้ช่วยนั่นก็หา เขาแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ