บทที่ 1 การชุดค้นพบอนาคต
เสียงนกและกลิ่นหอมของแมกไม้นานาพันธุ์ ทิวทัศน์สวยงาม ตระการตา โอบล้อมด้วยภูเขาและสายน้ำ บ้านเรือนชนบทเรียง รายต่อกันอยู่ในหมู่บ้านดงเจียวอันห่างไกล ตอนนี้เป็นเวลาเช้า ตรู่ตีห้า ฟ้าสว่างสลัวๆ บริเวณตีนเขาปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก บ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านมีกลุ่มควันลอยคละคลุ้งออกมา งดงาม ดุจดั่งแดนสวรรค์บนดิน
“พ่อ ผมลวกบะหมี่เสร็จแล้ว พ่อรีบมากินเถอะ”เซี่ยหยางเดิน ออกมาจากห้องครัว แล้วนั่งลงบนเก้าอี้บริเวณลานในบ้าน เขา เปลี่ยนมาสวมรองเท้าทหารจีน แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า ตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป ผมจะไปจัดการสวนไร่นั้นเอง พ่ออยู่บ้านรักษาตัวไป นะ”
เซี่ยซานที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเก่าโทรมนำผ้าขนหนูไปตากไว้บน ราวไม้ไผ่ แล้วหัวเราะพลางพูดขึ้นมาว่า “หยางจื่อเอ้ย ก็แค่สอบ เข้ามหาลัยไม่ผ่านเองไม่ใช่หรอ แค่อ่านหนังสือแล้วสอบใหม่ ก็ได้แล้วนี่ แกกลับมาเอาแต่เฝ้าตาแก่อย่างฉันแล้วดูแลไร่ผืนนี้ จะไปมีอนาคตอะไร? ”
สามารถดูแลพ่อได้นั่นก็คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว”เซี่ยหยางฉีกยิ้ม แล้วพูดขึ้นมาว่า “พ่อกินตอนที่ยังร้อนๆเถอะ ฉันจะไปที่ไร้แล้ว ตอนเที่ยงค่อยกลับมา
พูดจบ เซี่ยหยางก็หยิบเตรียมอาหาร ตรงเอวมีเคียวด้ามหนึ่ง พกไว้ สวมหมวกฟาง เอาจอบแบกขึ้นบ่าแล้วเริ่มออกเดินทาง ทันที
เซียซานมองดูแผ่นหลังของลูกชายที่เดินไปไกลแล้ว แล้วหัน กลับมามองดูโรคไขข้อที่ขาได้มาจากการทำงานตรากตรำมา นานหลายปี น้ำตาของเขาไหลรินลงมาทันที
“โอ้โห นี่เป็นเจ้าอัจฉริยะเขี่ยที่บอกว่าจะไปสอบเข้า มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาแบกจอบ แบกเสียมทำไร่แบบนี้ได้ล่ะ? ”
“ก็แค่ไอ้ขยะอัจฉริยะของหมู่บ้านเดียวตงเอง สุดท้ายก็สอบ
เข้าไม่ได้จนต้องกลับมาทำไร่ทำสวนไม่ใช่หรอ?
“พวกแกจะไปรู้อะไร เขาแค่มาเรียนรู้การใช้ชีวิตแค่นั้นเอง” ระหว่างทางที่เดินในถนนของหมู่บ้าน ได้ยินเสียงของคนใน ชุมชนหลายคนที่ตื่นแต่เช้าตั้งใจพูดเสียงดังขึ้นเพื่อพูดประชดเหน็บแนมตนเอง สาดเกลือลงบนแผล ของตนเอง เซี่ยหยางถือจอบที่อยู่ในมือแน่น พยายามอดกลั้น โทสะไว้ เดินตรงไปยังไร่ของบ้านตนเอง
“โฮ่งๆ! “หลังจากผ่านไปเจ็ดแปดนาที เซี่ยหยางพึ่งมาถึงไร่ ของตนเอง ก็ได้ยินเสียงของเจ้าฉายร้องเสียงดังขึ้น
“เจ้าฉาย อ่ะ” เซี่ยหยางหยิบถุงพลาสติกที่มีกระดูกหลายชิ้น กับข้าวเปล่าเทใส่ในชามข้าวของวูล์ฟดอก วูล์ฟดอกตัวนี้ซื้อมา ด้วยเงินห้าร้อยหยวนเพื่อใช้เฝ้าสวนผักผืนนี้
พอเห็นเจ้าฉายกินอาหารพลางส่ายหัวกระดิกหางไปมาอย่าง มีความสุข เซี่ยหยางก็จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบหนึ่งม้วน แล้วเริ่มทำงาน
ที่ดินผืนนี้ของตระกูลเซียมีความกว้างประมาณสองหมู่ (หมู่ คือหน่วยวัดพื้นที่ของจีน โดย1 หมู่= 1/15 เฮกตาร์ หรือ 1 หมู่= 0.416667 ไร่) ช่วงหลายปีมานี้ล้วนปลูกแต่มะเขือเทศ ค่าใช้ จ่ายของทั้งครอบครัวส่วนมากมาจากที่ดินผืนนี้ เดิมทีรายได้ไม่ เลวนัก แต่เพราะแม่ต้องมาเสียไปเพราะอาการป่วยหนัก และ หลังจากที่พ่อป่วยเป็นโรคไขข้ออักเสบจนทำให้แทบทั้งช่วงก่อน ล่างอยู่ในอาการอัมพาต เนื่องจากละเลยจัดการ จึงทำให้ได้ มะเขือเทศเหี่ยวเฉา รายได้ก็ได้ไม่เท่าเมื่อก่อน สถานการณ์ใน ครอบครัวจึงลำบากยากเข็ญขึ้น
นี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำไมเซี่ยหยางไม่เลือกที่จะสอบเข้าใหม่
เขาจัดการกิ่งก้านที่เหี่ยวแห้งทิ้งไปบางส่วนก่อน หลังจากนั้นก็ ทำการกำจัดวัชพืช พอทำงานพวกนี้เสร็จแล้ว เขาเดินเข้าไปใน กระท่อมหยิบถังน้ำออกมาเดินไปที่บริเวณริมแม่น้ำทำการหาบ น้ำขึ้นมาทำการรดน้ำ
ภายใต้โทสะแห่งความไม่พอใจ เซี่ยหยางทำงานอย่างหนัก และรวดเร็ว ที่ดินสองหมู่ใช้เวลาไม่ถึงเที่ยงก็สามารถทำเสร็จ ทั้งหมด เขานั่งก้นเบ้าข้างๆเจ้าฉาย จุดบุหรี่ขึ้นสูบ มองดู มะเขือเทศลูกน้อยใหญ่สีเขียวสลับสีแดงแตกต่างกันไป แล้ว เหม่อมองชมสวนมะเขือเทศสีแดงสดที่อยู่ในหมู่บ้านข้าง ๆ บริเวณฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ ทำให้ทันใดนั้นเขารู้สึกพ่ายแพ้
ไม่ได้ เราจะต้องปลูกบางอย่างเพิ่ม ขายให้ได้เงินเยอะหน่อย เพื่อพาพ่อไปหาหมอให้ได้!
พอคิดได้ดังนั้น เซี่ยหยางก็ทิ้งก้นบุหรี่ หยิบจอบเดินไปที่ที่ดิน ผืนเล็กอีกผืนหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลบ้านของตนเองที่ถูกทิ้งร้างมาเป็น ครึ่งปีแล้ว เขาเตรียมจะพรวนดินให้เสร็จ ตอนบ่ายจะไปซื้อเมล็ดผัก ในเมืองกลับมาปลูก
“ฟีบ! ”
“สืบ! “ทุกครั้งที่ขุดลงไป เซี่ยหยางรู้สึกได้ระบาย เสียงโลหะ กระทบอย่างหนักกับดินทำให้เขารู้สึกสบายใจมาก จึงทำให้ ออกแรงขุดมากยิ่งขึ้น
“แคร้ง! “มีเสียงโลหะกระทบกันอย่างดังจนแสบแก้วหู การ ขุดคราวนี้จอบไม่ได้ขุดจนสุด จอบกลับถูกเด้งออกมา ทำให้เสีย หยางรู้สึกปวดมาก
“ก้อนหิน? อะไรเนี่ย? “เซี่ยหยางมองดูจอบที่บินไปแวบหนึ่ง เขาโยนจอบทิ้งไป คุกเข่านั่งลงบนพื้นอย่างสงสัยแล้วยื่นมือออก ไปตะกุยดินออกสองสามครั้ง แล้วนำสิ่งของที่กระทบกับจอบมา วางบนมือ
ที่เป็นหยกสีเขียวสลับขาวก้อนหนึ่ง ใหญ่ประมาณหนึ่ง เซนติเมตร ขนาดครึ่งหนึ่งของซองบุหรี่ มันดูอ่อนโยนเมื่อ ลูบคลําอยู่ในมือ
วัสดุชิ้นนี้ แม้แต่จอบก็ไม่สามารถกระแทกแหลกได้ อีกทั้งยัง ไม่มีร่องรอยใดๆทั้งสิ้น! ดูๆไปแล้วเป็นอัญมณีชิ้นหนึ่งที่มีความ แข็งแรงกว่าเหล็ก
เซี่ยหยางรู้สึกตื่นเต้นมาก มองดูอย่างละเอียดอีกครั้ง เขาเห็นเพียงด้านบนของอัญมณีแกะสลักด้วยภาพวาด ทิวเขาและสายน้ำอยู่บนนั้น บนท้องฟ้ายังมีนกหลายตัว โผบิน ลายชัดเจนละเอียด แกะสลักได้เหมือนจริงมาก!
สถานที่งดงามขนาดนี้ สวยกว่าแดนสวรรค์เสียอีก! เซีย หยางมองดูมันอย่างเคลิบเคลิ้ม ถ้าหากเข้าไปอยู่ในนั้นได้คงจะ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอุราเลยล่ะ
“หืม? ทำไมรู้สึกมึนจัง? “เซี่ยหยางรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาอย่าง กะทันหัน เขาหลับตาลงส่ายหัวไปมาเพื่อบรรเทาอาการเวียนหัว แล้วค่อยลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่ อยากจะเชื่อ สีหน้าท่าทางเหมือนเห็นผีก็ไม่เชิง
แต่ไหนแต่ไรมาเยี่ยหยางเป็นคนที่พูดคำหยาบน้อยมาก แต่ สิ่งที่เขาเห็นในตอนนี้มันเกินจินตนาการ เขาป้าปากค้างใหญ่ มาก แล้วค่อยๆพ่นคำสบถออกมาว่า “เยสเข้
เห็นเพียงแค่เซี่ยหยางอยู่ในพื้นที่แปลกๆไม่คุ้นเคย ยืนอยู่บน ผืนหญ้าสีเขียวอมน้ำเงินผืนหนึ่ง บริเวณไม่ไกลนักมีแมกไม้นานา พันธุ์ที่เขาเรียกไม่ถูก อากาศของที่มีกลิ่นอายความหอมอัน เบาบาง ตรงหน้าไม่ไกลจากเขามีน้ำตกเล็กๆอยู่จุดหนึ่ง นก หลายตัวที่เขาไม่รู้จักชื่อของมันบินก่อนไปมาอยู่ด้านบน ทั้งหมดนี้ช่างสวยงามและกลมกลืนกัน ราวกับดินแดนแห่งสรวงสวรรค์
ภาพนี้ เหตุใดถึงได้เหมือนกับภาพแกะสลักที่อยู่บนหยกก้อน นั้นเลยล่ะ?
หรือตัวเองถูกดูดเข้ามาในหยกแล้ว? ซวยแล้วๆ เขาคงไม่ได้ตายไปแล้วหรอกนะ?
“ขอโทษนะครับ มีใครอยู่ไหมครับ? “เซี่ยหยางมองไปรอบๆ หลังจากที่ไม่พบสัตว์อันตรายใดๆ ถึงได้เริ่มตะโกนออกไปหนึ่ง
ประโยค ไม่มีใครตอบกลับเขา นอกจากนกหลายตัวที่ถูก ทำให้ตกใจจนร้องเสียงจิ๊บๆ แล้วบินหนีไป
“ฉันอยากออกไป! “เซี่ยหยางเริ่มร้องเสียงดัง ตาลาย พบว่า
ตัวเองกลับมาสู่ผืนไร่ที่บ้านของตัวเองแล้ว แต่กลับยังอยู่ในท่า
เดิม!!
“เยสเข้ มหัศจรรย์ชะมัดเลย! “เซี่ยหยางมองดูบริเวณรอบๆ ไม่พบใคร เขาบอกให้เจ้าฉายเฝ้าไร่เสร็จ จากนั้นตนก็รีบวิ่งกลับ ไปยังกระท่อมหลังน้อยแล้ว ล็อกกลอนประตูอย่างแน่นหนา จุด บุหรี่ขึ้นมาสูบด้วยความรู้สึกตื่นเต้น หลังจากนั้นก็เริ่มคิดขึ้นมา อีกครั้งว่า ฉันอยากเข้า
วินาทีต่อมา เซี่ยหยางกลับเข้าไปในโลกแผ่นหยกอีกครั้ง!
“อั้ยหยา เจ็บชะมัดเลย! “ในเวลานี้เองบุหรี่ได้ไหม้โดนนิ้ว ของเขา เซี่ยหยางร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บแสบ ตามมาด้วย ความรู้สึกอิ่มเอิบ แม้แต่สิ่งของโลกภายนอกยังสามารถนำเข้า มาได้งั้นเหรอ?
ทดลองอีกสองครั้ง ในที่สุดเซี่ยหยางก็มั่นใจแล้วว่า ขอเพียง แค่ตนเองอยากเข้ามา ก็จะสามารถเข้ามาได้ อีกทั้งยังสามารถ เอาสิ่งของเข้ามาได้ด้วย!
เซี่ยหยางนั่งอยู่บนหินก้อนหนึ่งข้างๆลำธารในโลกแผ่นหยก เห็นธารน้ำใสที่มองจนเห็นพื้นด้านล่าง เขาจึงสงบลงมา
แม่งเจ้าโว้ย สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้แล้วยังไงล่ะ? ตอนนี้ มีสมบัติล้ำค่านี้ ก็สามารถเอาชนะข้อบกพร่องจุดนี้ได้แล้ว
เขาอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก เดินไปข้ามแม่น้ำแล้วจัดการวักน้ำ ขึ้นมาล้างหน้า ทันใดนั้นเองก็พบว่าน้ำแร่ในนี้ช่างเย็นเหลือ เกิน อีกทั้งยังมีความหวานจางๆแบบธรรมชาติที่ไม่เคยพบเห็น มาก่อน!
“เชร้ด อร่อยชะมัดเลย! “หลังจากที่เซี่ยหยางพบกับความลับ นี้เข้า เขาก็ยื่นปากไปที่ริมธารแล้วจัดการดื่มน้ำแร่ไปอีกหนึ่งอีกใหญ่ จนกระทั่งเขาเกิดอาการสะอึก จนดื่มต่อไม่ไหวแล้ว ถึงได้นั่งลงพักตรงริมธารด้วยความอิ่ม เปรม
ให้เจ้าฉายลองดูหน่อยไหม?
พอคิดได้ดังนั้น เซี่ยหยางก็พาเจ้าฉายเข้ามายังโลกแผ่นหยก นี้ด้วย เจ้าฉายเป็นวูล์ฟด็อกตัวหนึ่ง ที่จมูกดีกว่าสุนัขพื้นเมือง ทั่วไปมาก พอเข้ามาถึงโลกด้านใน มันก็เงยหน้าขึ้นแล้วหรี่ตาล งมองดู มันสูดอากาศอย่างตะกละตะกลามเป็นเวลาสองนาที หลังจากนั้นจึงเริ่มกางเท้าออกและพุ่งเข้าหาผีเสื้อบนสนามหญ้า ราวกับเป็นเด็กน้อย
“สัตว์อย่างแกก็มีความรู้สึกด้วยงั้นเหรอ? “เซี่ยหยางตำหนิ พลางหัวเราะแล้วตามขึ้นไปอย่าวิ่งไปไกลนักนะ! ”
ผ่านไปครู่หนึ่ง โลกแผ่นหยกทั้งใบก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
อย่างสนุกสนานของทั้งคนและสัตว์
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง หลังจากที่เล่นกันจนเหนื่อยแล้ว เจ้าฉายก็ วิ่งไปดื่มน้ำที่ริมลำธาร มันเองก็ถูกรสชาติของลำธารดึงดูดเช่น กัน ดื่มจนเท้าสี่ข้างฟ้า แล้วถึงได้หันกลับมานอนข้างๆเซีย หยางอย่างขี้เกียจ
คนหนึ่งคนสุนัขหนึ่งตัวนอนลงที่ริมแม่น้ำและงีบหลับในยามบ่าย ทันใดนั้นเซี่ยหยางก็ตื่นขึ้นมา เมื่อเขา
เวลา ถึงได้รู้ว่านี่พึ่งบ่ายสองโมง เขากลับไปที่สวนผักของเขา
มองดูเวลาอีกครั้ง ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขาไม่พบว่ามี เหตุการณ์ตำนานเรื่อง ขึ้นไปยังขุนเขาเพียงแค่วันเดียว บนโลก จะมีการเปลี่ยนแปลงนับพันปี ถึงได้วางใจลง
พอกลับเข้ามาในโลกแผ่นหยก เซี่ยหยางก็พาเจ้าฉายเดินลึก เข้าไปในดงป่า เขาอยากรู้ว่าในนี้กว้างแค่ไหน
พอเดินไปได้ห้าหกนาที ผ่านดงป่าไป ผืนนาอันอุดมสมบูรณ์ อยู่ตรงหน้าของเขา ในผืนนาเต็มไปด้วยหญ้าเขียวขจี เซี่ยหยาง คาดคะเนว่า ขนาดน่าจะประมาณสองหมู่
“เจ้าฉาย ไปกันเถอะ เราไปดูที่อื่นๆกัน! “เซี่ยหยางพาเจ้า ฉายเดินไปยังป่าอีกด้านของทุ่งนา เดินลัดเลาะไปมาก๊วกกลับ มายังริมลำธารเล็กอีกครั้ง!
“เชร้ด ผีอรึไงวะ? “เซี่ยหยางตกใจอีกครั้ง เขาเดินตรงไป เรื่อยๆไม่ใช่เหรอ เหตุใดถึงได้กลับมายังที่เดิมอีก
เขามองดูตำแหน่งของพระอาทิตย์ที่อยู่ด้านบนหัว แล้วพาเจ้า ฉายเดินทะลุผ่านป่าไปอย่างเต็มไปด้วยความแปลกใจ สิ่งที่อยู่ในสายตาของเขาในตอนนี้นั่นก็คือ ผืนนาอันอุดมสมบูรณ์สองหมู่ ทุ่งนาอันอุดมสมบูรณ์ด้านตรงข้าม ป่าไม้เรียงรายกันเป็นแถว เขามองดูป่าที่อยู่ด้านหลังของเขา แล้วมองดูป่าที่อยู่ตรงข้ามอีกครั้ง โครงสร้างของต้นไม้ระหว่าง สองป่านี้ค่อนข้างที่จะเหมือนกัน เพียงแต่ จากที่ผ่านการ วิเคราะห์อย่างละเอียดแล้ว ยังคงพบว่ามีรายละเอียดบางจุดที่ไม่ เหมือนกันเล็กน้อย
เซี่ยหยางเดินไปยังข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เดินไปด้วย เหลียวหลังมองด้วย รอจนเขาเดินผ่านป่าไปแล้ว ถึงได้งงเป็นไก่ ตาแตกอีกครั้ง เพราะว่าเขากับเจ้าฉายกลับมายังริมธารน้อยอีก แล้ว!
ผ่านการทดลองมาหลายครั้ง ในที่สุดเซี่ยหยางก็ได้ข้อสรุป ออกมาว่า ด้านในนี้เป็นจักรวาลวนเวียนไปมาขนาดเล็ก หยก ส่วนใหญ่มาจากเงื้อมมือของเซียนผู้มีอิทธิฤทธิ์ แต่กลับตกลงมา อยู่บนโลกมนุษย์อย่างไม่ระวัง ไม่รู้ว่ามันถูกซ่อนอยู่ในดินมาเป็น เวลานานแค่ไหนแล้ว ในที่สุดก็ได้เห็นแสงเห็นตะวัน
ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นเซี่ยหยางรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา อย่างกะทันหัน เขารีบพาเจ้าฉายออกไปจากโลกแผ่นหยกอย่าง รีบร้อน หลังจากนั้นก็วิ่งไปยังห้องน้ำทันที การถ่ายหนักคราวนี้ติดต่อกันถึงยี่สิบนาที ถ่ายจนเขารู้สึกสบายตัวมาก สิ่งที่ไม่สามารถทนได้นั่นก็คือกลิ่น เหม็นเน่าที่เขาไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน
ออกมาจากห้องน้ำเดินไปยังผืนไร่ เซี่ยหยางตกใจพบว่าเจ้า ฉายเองก็ถ่ายอุจจาระกองหนึ่งบนพื้นมีลักษณะสีดำเหมือนของ ตัวเอง
เซี่ยหยางขยับร่างกายอันเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังของตัว เองอยู่ครู่หนึ่ง กลับมาครุ่นคิด หรือจะเป็นเพราะดื่มน้ำแร่นั่น เข้าไป?
ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ คาดว่าน้ำแร่เซียนนั่นต้องล้างสิ่งปฏิกูล ที่หลงเหลืออยู่ภายในร่างกายออกไป ไม่อย่างนั้นเหตุใดตนเอง ถึงได้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขนาดนี้?!
“เจ้าฉาย พรุ่งนี้ฉันค่อยพาแกเข้าไปนะ เซี่ยหยางครุ่นคิดเล็ก น้อย หลังจากที่ทิ้งพูดทิ้งไว้หนึ่งประโยค ก็รีบสาวเท้ากลับไป บ้านของตนอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้เขารู้สึกดีใจมากจริงๆ ระหว่างทางที่เดินท่าทางของเขา ยังเปลี่ยนไปจากเดิม บนใบหน้าของเซี่ยหยางเต็มไปด้วยรอย ยิ้ม หลังเหยียดตรง เห็นผู้คนก็พยักหน้าทักทาย ซึ่งมันทำให้ชาว บ้านบางคนถึงกับแอบคาดเดาในใจ
จบกัน เจ้าเด็กตระกูลเซียคนนี้ คงไม่ได้เป็นบ้าไปแล้ว เพราะ สอบไม่เข้าหรอกนะ?
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ