เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย

บทที่ 4 ร้านค้าสกุลจาง



บทที่ 4 ร้านค้าสกุลจาง

ตั้งแต่ชิงหลานกลับมาจากเมืองหลวง สาวน้อยก็กินได้มากขึ้น ร่างกายของเริ่มมีเนื้อมีหนังและเลือดฝาดบนใบหน้า จังฮูหยิน เห็นเช่นนั้นก็ยินดียิ่งนักจึงใช้ให้ เสียวสิ่งนำเงินไปซื้อเนื้อหมูมา ผัดให้บุตรสาวกิน

“ท่านแม่ เงินของท่านหมดไปกับการรักษาข้ามิใช่น้อยยัง เหลือเงินพอซื้อหมูมากขนาดนี้เลยหรือ?” เผยมซีแอบเห็นจัง หยินนับเงินอีแปะร้อยเป็นพวงในยามค่ำคืนก็พอจะรู้ว่าเงินที่แม่ ของชิงหลานเก็บเอาไว้คงจะมิได้มีมากนัก

“ยังพอจะซื้อให้เจ้ากินได้บ้าง อีกไม่กี่วันแม่ก็จะไปขอรับงาน จากเถ้าแก่เนี้ยจางเพิ่ม เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไปดอก

เผยมซีนึกเห็นใจจังฮูหยินที่ต้องสูญเสียบุตรสาวเพียงคน เดียวไป ทั้งสภาพการใช้ชีวิตก็ยากแค้นลำเค็ญจึงอยากจะหา หนทางช่วยเหลือนาง

“ยามท่านไปร้านเถ้าแก่จางให้ข้าไปด้วยได้หรือไม่?”

“เจ้าอยากไปทำไมกัน? เพิ่งหายป่วยมาหยกๆ พักให้เยอะๆ เถอะนะ”

“ท่านแม่ดูสิ ข้าอ้วนขึ้นตั้งเยอะ กินข้าวทีละสองถ้วยก็ไหวให้ ข้าไปด้วยนะ ข้าอยากเห็นตลาด”

จังฮูหยินดูสีหน้าบุตรสาวที่เริ่มมีเนื้อที่แก้ม ท่าทางดูแข็งแรงมากขึ้นกว่าแต่ก่อนราวกับคนละคนก็พยักหน้ารับ “อันที่จริง สีหน้าของเจ้าก็ดีขึ้นมากแล้ว ไปแค่นี้คงไม่เป็นไร

จวนตระกูลซึ่งอยู่ห่างจากตลาดระยะเดินพอได้เหงื่อ จังฮู

หยินเดินจูงมือบุตรสาวทั้งชี้ชวนให้ดูข้างทางด้วยความสุขใจ “หลานเอ๋อร์ ดูล่าคลองสายนี้สิ ตอนเจ้าเป็นเด็กในยามฝน ตกพวกเราเคยออกมารอจับปลาที่มันหาใหม่ได้ตั้งหลายตัว

“น่าสนุกจังเลยนะเจ้าคะ” เผยยิ้มกว้าง ความทรงจำของ ชิงหลานที่ได้รับรู้คือความสุขในวัยเด็กที่ได้ออกมาจับปลาตาม ท้องถนนกับมารดาและเสี่ยวลิ่ง เหล่าลู่เองก็ออกมาช่วยจับปลา ด้วย พวกเขาจับปลาได้มากจนกินไม่หมด เหล่าลู่จึงแนะนำให้ทำ ปลาตากแห้งเพื่อเก็บเอาไว้กินได้นาน

“สนุกสิ! เจ้าน่ะสนุกกว่าผู้ใด จับปลาจนเสื้อผ้าเปียกปอน เลอะโคลนตมไปหมด เหนื่อยจนแทบหมดแรงกลับมาก็นอนอยู่ เป็นวัน” จังฮูหยินรู้สึกว่าหลังจากฟื้นขึ้นมาครั้งนี้ บุตรสาว เปลี่ยนไปมากราวกับมิใช่คนเดิม นางเคยนอนร่วมห้องกับบุตร สาวแต่คราวนี้หลานเอ๋อร์กลับยืนยันว่านอนคนเดียวได้ บุตรสาว ที่เคยอ่อนแอและต้องการที่พึ่งทั้งทางกายและทางใจกลายเป็น สาวน้อยที่เข็มแข็งและร่าเริงอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว

ร้านเย็บปักสกุลจางอยู่คู่อำเภอเนินมายาวนาน ช่างของร้าน ล้วนได้รับการถ่ายทอดฝีมือจากรุ่นสู่รุ่น เครื่องเย็บปักถูกนำไป จําหน่ายในเมืองหลวงด้วย คหบดีผู้ร่ำรวยแห่งเมืองหมิงคือผู้เฒ่าจีนเคยเดินทางผ่านมายังเมืองนี้ ครั้นว่างานฝีมือสกุล จางดีเยี่ยมจึงติดต่อนำไปขายทำให้รายได้ของต้องรับคนงานเพิ่มอีกจํานวนมาก จังฮูหยินเอาเย็บของตนให้เถ้าแก่เนี้ยจางได้ดูครั้งแรกได้คำ ผสานของจังฮูหยินเป็นภูมิรู้ที่ถูกถ่ายทอดกันมาในสกุลจัง โดยเฉพาะยากจะผู้เลียนแบบได้ จะเวลาในการอยู่ ทั้งสามชีวิตให้รอดในแต่ละเดือน

ท่านแม่ของในร้านเหล่างดงามยิ่งนักเผยมูซีร่างของ เด็กสาวผอมบางยืนลูบปักงดงามด้วยสายตาหลงใหล หาก ยามนางยังเป็นเผยซีคงพอจะโอกาสรับผ้างดงามเช่นนี้ พับแต่ในยามเป็นซิงหลานเห็นแม้

คุณหนูสายตาแหลมคมนัก พวกเป็นฝีมือของช่าง เก่าแก่สกุลจาง พับนี้ไว้เพื่อเข้าวัง” เถ้าแก่เนี้ยจางว่าคือคนของสกุลชิงก็พูดคุยอย่างให้เกียรติเสมอมาแม้จะว่า นางเป็นเพียงอนุภรรยาถูกส่งออกมาอยู่นอกจวน

ถ้อยคํานินทาของเฝ้าจวนสกุลซึ่งเดิมก่อนจะย้ายออก การตบแต่งเข้าสู่สกุลชิงอย่างถูกต้อง หลานเองไม่รู้ เป็นบุตรีของเท้าจริงหรือไม่? แต่เท่าเถ้าแก่เนี้ยจางได้ พูดคุยรู้จักนิสัยใจคอของจังฮูหยินนางไม่เชื่อคำให้ร้ายเหล่านั้น อีกทั้งยังคอยแก้ต่างเพื่อให้คนในอำเภอมองจัง หยิน ในทางที่ดีขึ้น

เผยมู่ กวาดตามองไปรอบๆ ร้านก็พบว่าตามฝาผนังมี อักษรมงคลและภาพวาดแขวนขายอยู่จึงมองด้วยความชื่นชม ในชาติที่นางยังเป็นเผยท่านย่าเชิญอาจารย์ที่มีฝีมือด้านการ เขียนอักษรและวาดภาพมาสอนนางหลายคนทำให้นางเองก็พอ มีฝีมืออยู่บ้าง

“เถ้าแก่เนี้ยเจ้าคะ ท่านรับซื้อภาพวาดพวกนี้ด้วยหรือ?”

หญิงวัยกลางคนผิวพรรณผุดผ่องหันกลับมามองเด็กหญิงที่ ยืนมองภาพวาดด้วยความชื่นชม “คุณหนูชิง เจ้าชอบภาพพวกนี้ หรือ?”

“เจ้าค่ะ” แม้เผยมูซีจะดูออกว่าลายเส้นของจิตรกรที่วาด ภาพพวกนี้มิได้เก่งกาจนัก จะว่าไปก็แค่พอใช้ได้

“มีคนเอามาฝากขายนะ แต่หลังๆ มีคนเดินทางผ่านมาก็ซื้อ ไปบ่อย ข้าจึงได้รับซื้อเอาไว้เองแล้วเปิดขายทั้งผนังอย่างที่เห็น อยู่นี่ล่ะ”

อำเภอเฉินเป็นอำเภอเล็กก็จริงแต่เป็นอำเภอทางผ่านเข้าไป ในเมืองหลวงตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลวงแคว้นหนึ่ง ด้วยความที่เป็นเมืองทางผ่านทำให้การค้าขายของเมืองนี้ค่อน ข้างคึกคัก ในอำเภอมีโรงเตี๊ยมถึงสองแห่ง ร้านค้าที่ตั้งอยู่ ระหว่างทางผ่านล้วนขยายแผงกันยาวเหยียด แต่ละวันมีรถม้า หลายสิบคันมาจอดแวะพักซื้ออาหารและรับประทานอาหารอยู่ไม่ขาดสาย ร้านค้าสกุลจางนับได้ว่าเป็นร้านที่มีผู้นิยมแวะเป็น อันดับต้นๆ

“เถ้าแก่เนี้ย คราวนี้ข้ามัวแต่พาหลานเอ๋อร์ไปหาหมอใน เมืองหลวงจึงไม่ได้ปักงานอยู่หลายวันจึงมาขอรับงานเพิ่ม

ใบหน้าเปื้อนยิ้มของเจ้าของร้านมองดูดวงตาอิดโรยของจัง ฮูหยินแล้วก็พยักหน้า นางเองก็มีบุตรถึงสามคนย่อมเข้าใจใน ทุกข์ของสตรีที่พยายามหาเงินรักษาบุตร

…เห็นท่า…เงินเก็บของจังฮูหยินคงจะหมดไปกับการรักษา หลานเอ๋อร์แล้ว….

“ท่านทำไหวก็รับไปเถิด ช่วงนี้คนเดินทางผ่านเข้ามาเมือง หลวงนิยมซื้องานของท่านนัก ดูสิ! ที่แขวนโชว์ไว้คราวก่อนมีคน มาซื้อไปจนหมดแล้ว”

จังฮูหยินเงยหน้าขึ้นมองตำแหน่งที่วางเปล่าบนผนัง “ช่างดี

จริง! ข้ายังเกรงอยู่เลยว่าราคาสูงเช่นนั้นจะขายได้ยาก

“ผลงานของท่านยากจะหาคนเทียบได้ ร้านคหบดีจีน ใน เมืองหลวงก็แจ้งมาว่าต้องการอีกหลายชิ้น หากท่านทำเพิ่มได้ เร่งมือเถิด เรื่องเงินข้าพร้อมจะจ่ายให้

จังฮูหยินก้มหน้าน้อยๆ นางไม่กล้าเอ่ยว่าตนเองยามนี้เหลือ เงินแค่ร้อยอีแปะยังไม่รู้ว่าจะประทังชีวิตไปจนกระทั่งปักงานพวก นั้นเสร็จได้อย่างไร?

เถ้าแก่เนี้ยจางยิ้มน้อยๆ “ครั้งนี้ข้าจะให้เงินมัดจำงานท่านไปก่อนสักสองตำลึงก็แล้วกัน”

สีหน้าเนี้ยจางอีก น้ำตาของนางก้มก็เขียนจะหยาด หยด หากได้เถ้าแก่เนี้ยนี้ชีวิตของนางในช่วงหลายปีคงไม่อาจประคับประคองได้

เผยมซีได้ยินสิ่งสตรีทั้งสองสนทนากันแล้วก็สะท้อนใจ ยามอยู่วังสกุลเผยนางไม่ต้องคิดนอนกินอยู่สุขสบาย ยามนี้เงินเพียงตำลึงเดียวกลับรอ ความเมตตาจากเร่ร่อนไม่อาจหยิบเอาของมีบนศพหนูออกมาได้สัก

เสี่ยวลิ่งรีบมาช่วยถือห่อผ้าและที่ได้จากร้านสกุล จาง นางลุ้นแทบตายขอสังเกตนักเห็นหน้าและแววตาของจังฮูหยินก็รู้ได้ทันทีว่าอีก ฝ่ายต้องการสิ่งใด?

“ฮูหยิน เช่นนี้เรามีเงินซื้อข้าวสารและของแห้งกลับเรือน แล้วเจ้าคะ”

จังฮูหยินน้อย ขาดแคลนสิ่งให้ครบเถิด แต่เดือนข้าคงต้องเร่งมือปักงานให้เสร็จโดยเร็ว

“ฮูหยินสบายใจเถิด ข้าช่วยท่านอย่างสุดแน่”
อำเภอเฉินถูกกล่าวไว้ในเรื่อง “ซื้อซื้อฮองเฮาพันโฉม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ