อเวจีร้อนพิศวาส

ตอน 4



ตอน 4

“ขอให้จริงอย่างที่ว่า” หน้ากากหนาๆ ภายใต้หน้าสวย สวม ไว้หนาเสียจริง ผู้หญิงหย่าว่า…ชายหนุ่มต่อว่าหญิงสาวในใจ ขบกรามแน่นนูนเป็นสัน

“ไม่จริงแล้วฉันจะมาทำไมล่ะคะ”

เธอเชิดหน้าบอก พลางพยายามโหนตัวก้าวขึ้นรถยกสูง พาน ให้รอยฝากระโปรงฉีกยาว ชายเสียงเหี้ยมเย็นชาหาได้สนใจกับ ความลำบากของเธอแต่อย่างใด คนบ้านป่าเมืองเถื่อนหยาบ คายแม้แต่กับกับผู้หญิง ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษซะเลย

“มาเพื่อดูใจมากกว่า” เสียงนั้นเย็นชาน่ากลัว

“พิธีอาการหนักขนาดนั้นเชียวหรือไง”

“หนักมาก หนัก ใกล้ตาย” เขาเน้นคำว่าใกล้ตาย

ด้วยความไม่รู้จักธีรพงศ์ ทำให้อริสารู้สึกนึกเห็นใจคนป่วย จับจิต เขาป่วยหนักขนาดใกล้ตายเชียวหรือ แล้วคนดูแลอย่าง ผู้ชายตัวโตๆ คนนี้มัวใจเย็น ใยไม่พาเขาไปหาหมอ ให้หมกตัว อยู่ในไร่รกร้างอย่างนี้เพื่ออะไร หรือว่าธีรพงศ์ไม่ยอมไปรักษาตัว ที่โรงพยาบาลต้องการให้อินทุอรมาดูแลใกล้ชิดมากกว่า

“ถึงแล้วรีบๆ ลงมาซะ อย่ามัวแต่โอ้เอ้” เสียงเย็นชาดังลอด จากริมฝีปากอิ่มคู่นั้น เสียดแทงความรู้สึกอริสา เขาแค่นเสียง เย็นยะเยือก เรียกให้หญิงสาวรีบลงจากรถ ท่าทอรสาราวกับจะเมารถ

รถยนต์สูงวิ่งอย่างทุลักทุเล ตับไตไส้พุงอริสาราวกับจะพัน รวมกันให้ยุ่งเหยิงในท้อง อาการโงนเงินตั้งศูนย์ถ่วงไม่ตรง รู้สึกอยากจะอาเจียน มึนงงในหัว อึดอัดเสียจนนึกอยากจะหย่อน อาหารมื้อที่ทานตอนรถทัวร์หยุดให้พักออกมาซะให้หมดไส้ อากาศเวิ้งว้างในหัว ลมออกหูจนรู้สึกหูอื้อชั่วขณะ หนำซ้ำพ่อ คาวบอยหนุ่มหน้าตึงยังพูดจากกวนประสาทตลอดทาง

ผู้ชายเย็นชา หน้าบึ้งตึงคนนี้คือใครกันนะ หรือเพราะอาการ ป่วยของเจ้านาย ทำให้เขาเครียดจัด การดูแลคนป่วยไม่ใช่เรื่อง ง่าย ชวนให้หงุดหงิดจะตาย น่ารำคาญมากกว่าชวนให้อภิรมย์ ทว่าเธอผิดอะไรเขาไม่ควรนำอารมณ์พวกนั้นมาแสดงฟาดเหวี่ยง ใส่เธอ

“ทะ….ที่นี่เนี่ยนะ” แววตาหวาดหวั่น มองรอบกาย สิ่งแวดล้อม รอบกายระบายไปด้วยความรกร้างว่างเปล่าไร้สิ่งมีชีวิตอาศัย ที่ นี่ไม่ต่างอะไรกับแดนนรก ร่างบางกระโดดลงจากรถคันสูง มอง รอบกายให้รู้สึกหวาดผวา ที่นี่จริงๆ หรือที่ธีรพงศ์อาศัยอยู่ทั้งที่ ยังป่วยหนัก หรือว่าเพราะน้องสาวเธอ เขาจึงได้กลับตกอับ อาศัยกระท่อมสับปะสังเคหลังนี้พักกาย ไม่สมกับที่เป็นถึง เจ้าของไร่มันฝรั่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเอาเสียเลย ภาพตรง หน้าเป็นแค่ภาพลวงตา อริสาควานหาคำตอบในหัวซึ่งไม่มีเลย

มือบางยกขึ้นลูบหน้าขยี้ตา หวังไล่อาการเมารถ หนทางที่ผ่าน มาช่างชวนให้ร่างกายเสียสมดุล สายตาคู่หวานพร่าเลือน มอง ภาพกระท่อมหลังน้อยซ้อนทับ มืดสลับกับสว่าง มีนโหวงเหวงตอนนี้อริสารู้สึกราวกับเหมือนตัวเองเพิ่งก้าวลงจากรถไฟเหาะตี ลังกา ในสวนสนุก ดินแดนที่เด็กๆ ชื่นชอบไม่ปาน

“ใช่ ที่นี่คือที่อยู่ของเธอ” เสียงนั้นยังคงเยือกเย็น

“ที่อยู่ของฉัน แล้วพี่ธีล่ะ อยู่ที่ไหน

“ไอ้ธน่ะเหรอ” สรรพนามเรียกขานธีรพงศ์เปลี่ยนไปทันที อ สาหันมาทางคนพูดด้วยไม่เข้าใจ เมื่อเขายังเรียกคุณ ธีรพงศ์ แต่ตอนนี้…

“ใช่พิธี คุณบ้าหรือไงฮะ เรียกเจ้าของตัวเองจิกหัวแบบนั้น ฉัน เจอพี่ธี ฉันฟ้องว่าลูกน้องปีนเกลียว

“ฮ่าๆๆๆ เชิญขี่ม้าสามศอก วาไปบอกมันเลย” คนหน้าหล่อ ผิวเข้มไม่กลัวค่าจากริมฝีปากบาง ใครจะกลัวธีรพงศ์ก็แค่แอบ อ้างเป็นเจ้าของไร่ ฐานะที่แท้จริงหรืออดีตหัวหน้าคนงานใจแตก เพราะนางแบบสาวร่านสวาทคนนี้เท่านั้น

“คุณมันแค่คนดูแล คอยดูเถอะฉันจะบอกให้พิธีไล่คุณออก

“ตาสว่างได้แล้วนั่งจิ้งจอก ฉันคิดว่าเธอจะฉลาดกว่านี้ ที่ไหน ได้โดนไอ้ธีมันหลอก”

“หมายความว่ายังไง” คราวนี้แววตาคู่หวานถึงกับเบิกกว้าง ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด หรือเรียกว่าพล่ามมากกว่า

“เธอโดนไอ้ธีมันหลอก แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นเธอหลอกไอ้มัน ด้วย สมกันอย่างกับผีเน่าโลง หลอกกันไปหลอกกันมา ความ รักของเธอกับมันอยู่บนความหลอกลวง แต่เธอเก่งกว่าผู้ชายอย่างไอ้มันหลายเท่า ใช้มารยาสาไถหลอกให้มันปรนเปรอ ด้วยเงิน แถมเลิกกันไปแล้วยังหลอกให้ส่งเงินให้ใช้อีก

เธอนี่มันสุดยอดเหนือ โสเภณีทั้งหลายในสามโลกจริงจริง ฉัน ละนับถือ สุดๆ สุดท้ายเธอก็หน้าเนื้อใจเสือกว่ามัน ทิ้งมันไปหา ผัวใหม่ หล่อกว่า ดีกว่า ที่สำคัญรวยกว่า ใช่ไอ้มันหมดตัว แล้วนี่” วายุกล่าวหาหญิงสาวโดยยังไม่ทันได้สอบสวน เขาโกรธ แค้นแทนธีรพงศ์ก็จริง หากแต่ต้องการสั่งสอนผู้หญิงหน้าด้าน หน้าทนคนนี้ให้รู้จักคำว่าเงินมันหายากเสียบ้าง

“หลอก หมายความว่าพี่ไม่ได้เป็นเจ้าของไร่คมพิทักษ์อย่าง นั้นหรือ แล้วใครคือเจ้าของไร่ตัวจริง” แววตาเคยหวานเปลี่ยน เป็นหม่น ระคน ใบหน้าเปื้อนไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

“รู้ไว้ใส่กะโหลกกลวงๆ ของเธอไว้ซะ ฉันนี่แหละ คือเจ้าของไร่ คมพิทักษ์ตัวจริงเสียงจริง” เจ้าของไร่ตัวจริงประกาศก้องสาด น้ำลายใส่หน้าหญิงสาว อริสาเอนกายหนีใบหน้าคมเข้มจาบจ้วง จากนั้นเขาขยับไปกอดอก ใช้สะโพกยืนพิงข้างรถเช่นเดิม เชอะ อี ตัวชั้นสูงชัดๆ เขาดูถูกเธอทางสายตาอย่างเห็นได้ชัด

ริมฝีปากอิ่มยกขยับบอกความจริงกับหญิงสาว พร้อมๆ กับมือ หนายกขึ้นถอดแว่นสีดำออกจากดวงหน้าคมเข้ม อริสาเปิดตาม องภาพจริง หากว่าสมส่วนหล่อเหลาดุจภาพวาดของจิตรกรเอก เลื่องชื่อ ด้วยแววตาตื่นตะลึง ราวกับต้องมนตราคาถาของจอม เวทย์

ร่างบางหนาวเหน็บสลับกับร้อนผะผ่าว ราวกับเดินอยู่บนก้อนน้ำแข็งแล้วกระโดดลงไปบนกองไฟ ซึ่งกำลังลุกโชติช่วง แววตา คมคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยมนตร์เสน่ห์ มีความขลังแฝงอยู่ในนั้น แค่ เพียงได้สบประสานดวงตาคู่คมสีสนิม หากว่ามีบางสิ่งเปื้อนอยู่ บนใบหน้าคมหล่อดุจเทพแห่งไนล์นั้น ซุกซ่อนไว้ซึ่งความเยือก เย็นดั่งภูเขาน้ำแข็งบนยอดเอเวอร์เรส ผสานความเหี้ยมโหด ก ร้าว

“จะต้องให้ฉันกลายเป็นตัวเธออีกคนหรือไง พับความคิดนั้น ไปได้เลย เสน่ห์ของเธอหว่านได้กับผู้ชายโง่ๆ เท่านั้นแหละ กับ ฉันหากไม่ขาดสติ คงไม่คิดจะพิศวาสเธอใส่หัวเธอเอาไว้อินท อร” ค่ากล่าวจากริมฝีปากอิ่ม ช่างเชือดเฉือนให้เจ็บแสบหนาว ทรวง สายตาคู่คมจับจ้องอยู่ที่เรือนร่างสมส่วน หากไม่คิดถึง ความสกปรกที่เธอผ่านผู้ชายมาทั้งโลก เขาคงจะลงฟัดเธอให้ หายกำหนัดเหมือนอย่างผู้ชายหน้าโง่คนอื่นบ้าง

“คุณคือเจ้าของไร่ โกหก เท่าที่ฉันรู้” จากปากน้องสาวคือธีร พงศ์คือเจ้าของไร่ และรีสอร์ทหลายต่อหลายแห่ง ฟาร์มโค ฟาร์มม้า นับไม่ถ้วน ชายผู้หล่อเหลาตรงหน้านี้ บ้านลายพล่าม เรื่องบ้าๆ อะไรต่อมิอะไรไม่เข้าท่า

“ฉันนายวายุ คมพิทักษ์ เจ้าของไร่อันกว้างใหญ่แห่งนี้ ฉันจะ โกหกเธอหาพระแสงอะไรมิทราบ ”

“วายุ คมพิทักษ์” ไม่เคยได้ยินชื่อ น้องสาวไม่เห็นจะกล่าวถึง ผู้ชายคนนี้ เกิดอะไรขึ้น เธอกำลังเผชิญกับสิ่งมีชีวิตประเภทไหน หรือว่าเขาเป็นพวกผู้ร้ายลักพาตัว น้องสาวไม่น่าหลอกเธอมาให้ เจอเรื่องอย่างนี้ ไม่มีทางเธอไม่มีวันเชื่อ หรือว่านี่จะเป็นชะตากรรม

ตลอดเวลาเธอต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยว นับจากวินาทีที่ มารดาเสียชีวิต ครั้นเวลานี้ต้องต่อสู้กับความ ป่าเถื่อนบนดวง หน้าหล่อ ต่อให้ต้องเผชิญกับสิ่งใดแต่ในเมื่อมาแล้วคงต้องต่อสู้ กับสิ่งนั้นสินะ อริสาไม่เคยย่อท้อกับอะไรง่ายๆ คอยดูกันไปก็ แล้วกัน

“ใช่….รู้ไว้ซะฉันคือเจ้าของตัวจริง”

“ฉันต้องการพบพิธี เค้าอยู่ไหน” อริสาไม่สนคนน่าหล่อได้ จิตสํานึก พูดจาขวานผ่าซากอย่างเขา รีดเสียงหนักแน่น ขอพบ คนที่เธอต้องการเดินทางมาพบตัวจริง หวังว่าจะได้รับความ กระจ่างมากกว่านี้

“ไอ้ มันไม่ได้อยู่ที่นี่ ถ้ามันยังหน้าด้านอยู่ ฉันนี่ล่ะจะกระทืบ มันตายจมดิน โทษของมันมากเสียจนสาธยายไม่จบภายในวัน เดียว” ทั้งที่พูดแววตาคมนั้นกราดเกรี้ยวส่องประกายความโกรธ

“บอกมาพิธีอยู่ไหน” เจ้าของร่างบาง ยังยืนยันจะพบกับธีร พงศ์ให้จงได้ ในเมื่อไม่พบธีรพงศ์เธอก็ไม่จำเป็นที่ต้องอยู่ที่นี่

“อยากรู้นักเหรอ ฉันจะบอกให้เอาบุญ ตัวเก่าของเธอมันถูกขัง ไว้ที่ห้องลงทัณฑ์ เธอจะไม่มีวันได้เจอมันจนกว่าเธอจะใช้หนี้ทุก บาททุกสตางค์จนครบไม่ขาดไม่เกิน วายเน้นย้ำทุกถ้อยคำหนัก แน่น ใบหน้า แววตาไม่เจือคำว่าล้อเล่น เขาจริงจังกับเรื่องนี้ วายุ ซ่อนยิ้มเย็นชา
“หนี้ หนี้อะไร ฉันไปยืมเงินใครไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คนอย่างฉัน ไม่เคยเป็นหนี้” ผู้ชายบ้านพร่ำพูดเรื่องอะไรไร้สาระ อริสาไม่เห็น เข้าใจอะไรสักอย่าง ตั้งแต่เรื่องของธีรพงศ์ แล้วยังหนี้บ้าบอ อะไรอีก

“เธอไม่ได้กู้ด้วยตัวเองก็จริง แต่ไอ้ธีอดีตผัวเธอมันกู้เงินจาก ฉัน กู้ไปทำอะไรเหรอ กู้ไปปรนเปรอบำเรออย่างไรล่ะ แม่ตัวสูบ เงิน เธอเห็นมันเป็นเอทีเอ็มด่วนพิเศษ โทรบได้ปั๊บ คนโง่หน้า มีดยังสิ้นคิด ด้วยการฆ่าตัวตายทั้งเป็น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ