อย่าหยิ่งนักเลยคุณชาย

บทที่ 14 ความโหดของเจมส์



บทที่ 14 ความโหดของเจมส์

“นี่เป็นท่าทีในการทำงานของเธอหรอ? เรื่อง ของวันนี้ทำไมต้องไปทำพรุ่งนี้ งั้นเงินเดือนของวันนี้ บริษัทให้เธอพรุ่งนี้ได้ไหม?”

“ไม่ใช่อย่างงั้นค่ะผู้จัดการพิกุล…ฉันไม่ใช่จะ ไม่ทำ แค่คืนนี้ฉันไปกินข้าวกับคนที่บ้าน ไม่งั้นคนที่ บ้านต้องไม่เชื่อใจฉันอีก”

เอมเฟ่รีบทำมือปฏิเสธแล้วอธิบายขึ้น ใครจะไป นึกถึงว่าคำๆนี้ของเธอ ทำให้ทุกอย่างร้ายแรงกว่า เดิม

“คนที่บ้าน? ในเอกสารเธอเขียนไว้อย่าง ชัดเจนว่าเธอเป็นเด็กกำพร้า จะไปมีคนที่บ้านได้ยัง ไง เอมเฟ่หนอเอมเฟ่ เธอนี่มันสรรหาคำพูดโกหกเก่ง จริงๆเลยนะ เธอบอกว่าเธอจะทำงานให้เสร็จ? แต่ดู การไม่ตั้งใจทำงานของเธอ เธอไม่มีทั้งเบื้องหลังที่ คอยสนับสนุน ไม่ว่าพ่อแท้ๆคอยช่วย งั้นก็หาผู้ชาย แต่งงานซะเลยสิ อย่างน้อยครั้งหน้าที่โกหก จะได้มี คนคอยช่วยเหลือ!”

กำพร้า…..เอมเฟรู้สึกตัวเองด้อยค่าจริงๆ แต่ เป็นความเจ็บปวดที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตของเธอ ตอนนั้นเธอมักจะหามุมมืดๆที่ไม่มีใครเห็น แอบเช็ด น้ำตาของตัวเอง ดังนั้นเธอเลยสาบานกับตัวเองว่าอนาคตเธอต้องมีครอบครัวของตัวเอง และมีญาติ ของเธอเอง

แค่นึกไม่ถึงวันนี้ เธอก็ยังมีสถานะเป็นเด็ก กําพร้า แม้แต่สิทธิ์ของการกลับบ้านไปกินข้าวกับ คนที่บ้านก็ไม่มี เพราะว่าเธอไม่มีครอบครัว นี่ก็คือ คําโกหกของเธอ

มือของเธอจึงสั่นงันงกขึ้นมา เธอไม่ได้อธิบาย ให้ชัดเจนจริงๆ อย่าพูดถึงเลยว่าจะหย่ากับเจมส์ ต่อ ให้ยังไม่หย่า เจมส์ก็ไม่เคยเปิดเผมว่าเธอเป็นภรรยา ของเขา

เหมือนคำพูดของผู้จัดการพิกุลที่ข่มเหง ทำให้ เธอไม่สามารถโต้แย้งใดๆ

“ไม่มีอะไรพูดแล้วใช่ไหม? ถ้าไม่มีอะไรก็ ดูเอกสารเธอไปโดยดี พรุ่งนี้เช้าฉันต้องได้เห็น รายงานของเธออยู่บนโต๊ะของฉัน ถ้าหาก….เธอ ไม่เสร็จจริงๆ งั้นก็ฟังคำตักเตือนของฉัน หาผู้ชาย แต่งงานซะ ถือโอกาสตอนที่เธอยังสาว ยังมีคน อยากเอา อย่าให้รอถึงแก่ก็จะได้อยู่ตัวคนเดียวแบบ

ผู้จัดการพิกุลพึ่งจะพูดจบ จู่ๆก็มีเสียงอันเย็นชาดังจากข้างหลังของเธอ

“ดูๆแล้วผมว่าบริษัทของคุณควรจะเพิ่มเงิน เดือนเป็นสองเท่าให้กับผู้จัดการพิกุลถึงจะถูก ไหนๆก็จะทำโอทีแล้ว ก็ยังจะมาชี้พนักงานคนอื่น ให้ทำโน่นทำนี่ แต่ว่า ในสายตาของคุณผู้จัดการ พิกุล เธอควรจะหาผู้ชายมาเป็นสามีอย่างเรื่อยเปื่อย ขนาดนั้นเชียว?”

ได้ยินเสียงนี้ เอมเฟ่ก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างน่า ตกใจ เขามาได้ยังไง? ไม่ได้บอกว่าให้เธอนั่งรถ กลับไปกินข้าวเองหรอ?

อีกอย่างเมื่อกี้ยังจะตำหนิผู้จัดากรขึ้นมาอย่าง ทรงอำนาจและโหดเหี้ยมจนต้องให้เธอหันหลังไป มอง จากนั้นเขาก็ยิ้มขึ้นแบบนี้

“เอ๊ะ นี่ไม่ใช่ประธานเจมส์หรอคะ? ทำไมท่าน มีเวลามาที่นี่ได้? มาหาท่านประธานของเราหรือ เปล่า? วันนี้เขาออกไปตั้งแต่บ่ายแล้ว ไม่ได้อยู่ที่ บริษัท ไม่งั้น……….นไปนั่งที่ออฟฟิศของฉันหน่อย ไหม ฉันจะชงกาแฟให้ท่านดื่ม?”

พอเธอพูดไปก็บิดเอวของตัวเองไปมาด้วย เหมือนงูเลื่อยไปเลื่อยมา สีหน้าที่ดูเบิกบานกำลังเดินไปหาเจมส์

นี่ก็โทษเธอเริดไม่ได้ เพราะใครๆก็รู้ว่าเจมส์ เป็นหนุ่มนักธุรกิจที่โสดสนิทและฮอตที่สุด อีกอย่าง ยังไม่เคยมีข่าวเสียๆหายๆ สีหน้าอันหล่อเหลาของ เขา ทำให้ผู้หญิงอยากจะเข้าใกล้เขามาก

แต่ใครจะไปนึกถึงว่าเจมส์กลับทำมือปฏิเสธ แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบแต่ฟังเหมือนจะเซ็กซี่ มากๆ “คุณยังไม่ได้ตอบผมเลย ต้องให้เธอผู้ชายที่ เมื่อยชั่วแบบไหน ถึงจะเหมาะกับเธอ”

“หา?”

ผู้จัดการพิกุลเหมือนจะอึ้งในคำถามของเจมส์ จากนั้นก็เผยยิ้มขึ้น “สำหรับเธอที่เป็นเด็กกำพร้าที่ ไม่มีตระกูลที่ร่ำรวย การศึกษาก็ไม่สูงมาก หาผู้ชาย ธรรมดาๆก็พอ หรือว่าผู้ชายดีๆจะตกหลุมรักเธอ ด้วยหรอ?”

เจมส์พยักหน้าขึ้น จากนั้นก็มองไปยังเอมเฟ่

เอมเฟ่ที่ทำตัวเกร็งไปหมด สีหน้าที่ไม่เปลี่ยน ยืนอยู่แบบนั้น เหมือนคนที่พวกเขาพูดถึงไม่ใช่เธอ เธอก็รู้ดีว่าเจมส์ถามผู้จัดการพิกุลแบบนี้ก็แค่อยากจะโจมตีและ และเหยียบเธอในจมดิน

เธอไม่กลัวว่าตัวเองจะเสียอะไรอีกแล้ว และไม่ เคยรู้สึกมีหวังต่อใครและสิ่งใดทั้งนั้น ดังนั้นเธอจึง ยืดตัวตรงอย่างหน้านิ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นสูงๆ จากนั้น ก็มองเจมส์อย่างไม่เกรงกลัวใดๆ

“ที่แรกผมที่เองที่เป็นผู้ชายธรรมดาๆคนนั้น ดูๆ แล้วคุณผู้จัดการพิกุลมีตาทิพจริงๆ”

เจมส์ทำเสียงเรียบเหมือนดั่งผืนน้ำ แต่คำพูด กลับทำให้ฟังดูน่าตกใจ เขาสาวเท้าขึ้นอย่างหนัก แน่นแล้วเดินไปหาเอมเฟ่ แล้วมองเอมเฟ่ที่กำลัง หยุดชะงักอยู่ด้วยสายตาที่ยากที่อธิบายว่าคิดอะไร อยู่

จะไม่ให้เอมเฟ่รู้สึกแปลกใจได้ยังไง พวก เขาแอบแต่งงานกันอย่างเงียบๆมาสองปี ไม่เคย ประกาศเรื่องพวกนี้ต่อสาธารณะ แต่วันนี้เขากลับ พูดอะไรที่น่าตกใจแบบนี้ จะไม่ทำให้ตกตลึงได้ยัง ไง?

และผู้จัดการพิกุลที่ยืนอยู่ข้างหลังก็มองทุก อย่างที่เกิดขึ้นอยู่ข้างหลัง
แต่เอมเฟยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา เจมส์ กลับเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็จับจ้องผู้หญิงที่ กำลังมองตาค้าง สีหน้าเด็กไปด้วยความหวาดกลัว และตกใจ

“ภรรยาของผม ผมยังไม่เคยคิดจะด่าเธอ แม้แต่นิดเดียว กลับถูกคนอย่างคุณที่ใช้อำนาจเข่ม เหงเธอ ผมว่าบริษัทนี้ก็คงไม่จะไม่อยากคงอยู่อีกต่อ ไป”

น้ำเสียงที่นิ่งเฉยแบบนี้ กลับทำให้ผู้จัดการ พิกุลฟังแล้วก็ล้มลงบนพื้น

ความโหดเหี้ยมในโลกธุรกิจของเจมส์นั้นมีชื่อ ดังมากๆ วันนี้แม้แต่บริษัทเขายังไม่คิดจะปล่อย นับ ภาษาอะไรกับผู้จัดการพิกุลตัวน้อยๆ?

ดูๆแล้ว ชาตินี้เธอคงไม่ได้ฝันไกลอะไรอีกล่ะ แม้แต่จะเอาชีวิตรอดยังยากเลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ