Chapter 5
Chapter 5
“จอดตรงนี้แหละครับ”
เดย์เปล่งเสียงภาษาญี่ปุ่นตามที่ได้ร่ำเรียนมาอย่างดี จากค่ายเพลง พลางตีเบาะของคนขับแท็กซี่เบาๆเป็นการ ส่งสัญญาณ รถจึงหยุดจอดกะทันหันตามคำสั่ง ภาพผ่าน กระจกปรากฏร้านเสื้อผ้าหลายคูหา ฉันกอดอกหันมอง เขา ขมวดคิ้วเป็นเชิงถาม
“พาเดย์ไปซื้อเสื้อผ้าหน่อยสิครับ จะอยู่กับดาริณอีกตั้ง หนึ่งอาทิตย์ มาตามหัวใจก็มาแต่ตัว ไม่มีเสื้อผ้า ไม่มีอะไร ยอมทำเพื่อรักขนาดนี้จะไม่พาผมไปซื้อเสื้อผ้าสักหน่อย เลยเหรอครับคนสวย
เขาทําหน้าเว้าวอนราวกับลูกสุนัขเศร้าสร้อยหลงทาง
“อืม” ฉันพยักหน้าเบาๆก่อนจะหันไปทางอื่น
เขายื่นเงินให้คนขับและพาฉันลงจากรถแท็กซี่ คว้า มือของฉันมากุมกระชับไว้แน่นพร้อมดึงมันมาประทับ รอยจูบไว้บนหลังมืออีกครั้งคล้ายแสดงตนเป็นเจ้าเข้า เจ้าของ แม้จะรู้สึกเคอะเขินมากแค่ไหนก็ยังคงทำหน้านิ่ง พยายามแกะมือออกแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล ฉันจะไปสู้แรง ผู้ชายได้อย่างไร
“เฮ้อ! เจ้ามือจ๋า แม่ของหนูยังไม่หายงอนป้าเลยทำยังไง
เขาลูบมือฉันแล้วประทับจูบลงบนหลังมืออีกครั้ง พลาง จ้องมองฉันตาละห้อย
“ไม่หายโกรธก็ไม่เป็นไรหรอกเนอะ เดี๋ยวคืนนี้ก็… หาย เองนั่นแหละ”
ร่างก๋ายำเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะยิ้มที่มุมปาก เล็กน้อยอย่างมีเลศนัย
ตึกตัก! ตึกตัก!
ฉันเผลอจ้องเข้าไปนัยน์ตาเฉี่ยวคู่นั้นอย่างเคลิบเคลิ้ม รู้ตัวแล้วว่ากำลังทำพลาดอย่างมหันต์ รีบสะบัดความรู้สึก หลงใหลในตัวเขาออกจากหัว
“ใครจะให้ ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว”
“ผมขอโทษ ผมรู้สึกหงุดหงิดที่คุณจะไปเจอเพื่อนผู้ชาย ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจของคุณหรอก นะครับ ให้อภัยผมเถอะนะ” เขาก้มหน้าถอนหายใจอย่าง รู้สึกอ่อนล้า
เห็นเขาทำหน้าหงอยแบบนั้นฉันก็อดสงสารไม่ได้ ใน ที่สุดฉันจึงยอมอ่อนข้อให้ ลากเขาเข้าร้านเพื่อพาไป เลือกซื้อเสื้อผ้าตามที่เขาต้องการ เสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่ซื้อ จะเป็นเสื้อผ้าใส่สบายตัว อาทิ เสื้อยืดคอวีสีขาวกับกาง เกงยีนส์ที่เข้าชุดกัน ทว่ามันกลับดูมีราคาแพงขึ้นมาทันที เมื่อถูกสวมใส่อยู่บนตัวของเดย์
‘เราไม่สามารถเลิกหลงใหลเขาได้สักทีสินะ’
ฉันชำเลืองมองเขาเป็นระยะๆ ระหว่างทางที่เราเดินเท้า กลับโรงแรม คิดตั้งคำถามคาใจมากมาย ฉันกับเขามา ไกลถึงขั้นนี้ได้อย่างไร เหตุใดเขาถึงได้มาตามหาฉัน ตอนอยู่บนเครื่องบิน เขาเหตุใดเขาถึงรู้ว่าฉันอยู่ที่อาร์ต แกลเลอรี ทำไมถึงเป็นฉันล่ะ ตลอดเวลาเกือบห้าปีที่ ผ่านมา เขาไม่เคยมีวี่แววหรือท่าทีที่จะสนใจในตัวฉัน เหตุใดทุกอย่างมันถึงเกิดขึ้นพร้อมกันไปเสียหมด แล้วที่ เขามาอ้อนมาทําเหมือนว่าต้องการฉันมากมาย เขาทำไป เพื่ออะไร? หรือเพราะเห็นว่าฉันใจง่ายอย่างนั้นเองหรือ ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งรู้สึกสับสนจนรู้สึกเหนื่อยใจ พาลจะหมด แรงกายเอาเสียดื้อๆ
“ฉันถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”
ฉันตัดสินใจเลือกคำถามคาใจ เอ่ยถามไปสักคำถาม
“หือ?”
“คุณไปทำอะไรที่อาร์ตแกลเลอรีเหรอคะ”
เขาหันมามองฉันก่อนจะหลบสายตา ถอนหายใจราวกับ เขากำลังพยายามตั้งสติ
“เอ่อ………ไป…”
“อะไรนะคะ?”
“ไปชมภาพถ่ายไงครับ”
ฉันก้มลงมองพื้น พยักหน้าอย่างเข้าใจ นั่นสินะ เขาคง ไปเที่ยวของเขา ส่วนเราน่ะหรือ…คงคิดไปเอง
“ดาริณ…”
เขาหยุดฝีเท้า ปล่อยมือจากฉัน ก้มหน้าลงมองพื้นทำ สีหน้าเคร่งขรึม ชำเลืองมองตาฉันครู่หนึ่งแล้วจึงก้าวเดิน ต่อไป
“ทำไมคุณถึงชอบส่งเพลงให้ผมฟังเหรอ”
“มันเพราะดีค่ะเลยอยากแบ่งปัน”
“แต่มันมีแต่เพลงรัก ทำไมถึงต้องเป็นเพลงรักล่ะ”
“มัน….เพราะดีค่ะ”
ฉันชำเลืองมองเขาที่กำลังกัดริมฝีปากของตัวเอง พร้อม วางสายตาจ้องมองพื้น หันหน้าหนีไปทางอื่นในทันทีที่ สบตาฉัน
“ไม่มีความหมายแอบแฝงใช่ไหม”
เขาหยุดฝีเท้าอีกครั้ง หันกลับมาจ้องมองฉันลึกเข้าไป นัยน์ตาสุกสกาว หากลองสังเกตดู จะเห็นดวงตาสีน้ำตาล อ่อนนั้นมีน้ำตาเอ่อล้นอยู่
ร้องไห้เหรอ?
ไม่เอาน่า…..อย่ามาทำเหมือนว่ามีใจเลย ฉันไม่เชื่อหรอก
“ถ้าบอกว่าไม่มี…ก็คงโกหกค่ะ”
“คุณชอบผมเหรอ”
เขาคว้ามือของฉันไปกุมเอาไว้อีกครั้ง
“ชอบสิคะ คุณน่าจะรู้อยู่แล้วนี่คะเดย์”
ฉันวางสายตาไปทางอื่น พยายามสะกดกลั้นน้ำตาของ ตัวเองเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา เหตุใดคำถามเพียงไม่กี่ ประโยคถึงได้มีอิทธิพลต่อจิตใจมากมายจนรู้สึกหน่วงจิต ได้ถึงเพียงนี้
“ชอบจริงๆน่ะเหรอครับ”
“ค่ะ”
“ดีใจจัง”
เขาอมยิ้ม ดูอารมณ์ดีขึ้นมาผิดถนัด ปล่อยความรู้สึก ของฉันให้ค้างเติ่งอยู่บนเส้นด้าย มีฉันเพียงฝ่ายเดียวที่ เดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ในฐานะแฟนคลับเราก็จะนึกอยู่เสมอค่ะว่ามันเป็นไป ไม่ได้….เพราะเขาคงมีใครในใจอยู่แล้ว แค่เขาจะบอกเรา เมื่อไหร่เท่านั้นเองค่ะ”
เขาอมยิ้มราวกับกำลังเขิน พลันคว้ามือของฉันไปหอม แล้วหอมอีก
“คุณคิดถูกแล้วล่ะดาริณ….
“นั่นสึนะคะ ฉันคงคิดถูกแล้ว”
คำพูดของเขาไม่ได้ช่วยทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาเลยแม้แต่ น้อย
เรียนมาก็มากแต่กลับไม่สามารถมีสติสัมปชัญะที่จะเดา เส้นทางรักนี้ได้เลย
มันเป็นความรู้สึกที่แย่ที่สุด…..
บัดนี้ท้องฟ้าได้เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มเกือบมืดสนิท เราทั้งสองเดินมาถึงโรงแรมพอดี บรรยากาศภายในยาม ค่ำคืนช่างเงียบสงัด โถงทางเดินโล่งไร้ผู้คนสัญจร เหลือ เพียงพนักงานชายหนุ่มร่างผอมบางยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ เพื่อรอให้บริการ ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องมองจึงรีบ หลบสายตาและพยายามจูงมือดาริณเพื่อเดินหนี แต่ก็ดู เหมือนจะสายไปเสียแล้ว
“เฮ้! ยู! ซิงเกอร์! ชามมิง พริซอนอ?” ชายหนุ่มรูปร่าง กำยำเปล่งเสียงภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่นเพื่อเรียกผม พลันรีบเดินออกมาจากเคาน์เตอร์ตัวเองแล้วจ้องเขม็ง
“Pardon?” -อะไรนะครับ
ผมตอบกลับไปด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษแบบบริทิช
อย่างกระอักกระอ่วน รีบผละมือออกจากดาริณทันที
“ว้าว! ร็อก แบน ไอโน! ไอโนยู! ไอไลค์ยัวมิวซิก!” เขาไม่ ได้แค่พูดเฉยๆ แต่รอบนี้เขาจับไหล่ผมเขย่าด้วย ผมนึก ยิ้มจนปากของผมโค้งได้รูปสี่เหลี่ยม รีบหันกลับมาขยิบ ตาให้เธอเป็นการส่งสัญญาณให้เดินจากไป โชคดีที่เธอ พยักหน้าเข้าใจผม
“วาตาชิโนะ โก ยู คอนเสิร์ต ร็อกเฟส ยูโนว?…. เวรี่ ฟัน!
แย่แล้ว ทั้งรู้จักทั้งไปคอนเสิร์ตของเรามาซะด้วย ซวย แล้วเดย์เอ๋ย เขาคงจะเห็นผมเดินจับมือดาริณแล้วแน่ๆ ถ้าเป็นข่าวขึ้นมาพี่จิมมี่ต้องฆ่าผมตายแน่
“Thank you. I’m glad you liked our show” -ขอบคุณ ครับ ดีใจนะครับที่คุณชอบโชว์ของพวกเรานะครับ
ยิ้มเข้าไว้เดย์ ยิ้มชนะทุกอย่าง
“ไอวอนไซน์… ไซน์ แอนด์ เอ่อ… โฟโต้….พลีส?” เขาทำ ไม้ทำมือผสมกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษเพื่อทำให้ผมเข้าใจ
“อ่อ เซ็นกับถ่ายรูปใช่ไหมครับ”
“เอ้า พูดภาษาญี่ปุ่นได้ก็ไม่บอกผม คุณเดย์ คุณเป็นไอ ดอลผมเลยนะครับ น้ำตาจะไหลเลยครับ ได้เจอเทพเจ้า แห่งวงการดนตรีสักที”
เขาคว้ามือของผมไปหอม อี๋ย! บางทีผมก็ขนลุกนะแบบ นี้ ถ้าเป็นผู้หญิงอกอวบสะโพกแน่นมาหอมผมนี่จะไม่ว่า สักคําเลย เฮ้อ! นึกแล้วก็…
“ไหนคุณจะให้ผมเซ็นตรงไหนดีครับ”
“ตรงเสื้อเลยครับ ตรงใจผมนี่เลย”
ผมจัดการเซ็นลายเซ็นให้ตรงกลางหน้าอกด้านซ้ายของ เขา ก่อนที่เขาจะถือโทรศัพท์ชูขึ้นเพื่อถ่ายรูปกับผม จาก นั้นผมจึงรีบโบกมือลาวิ่งขึ้นบันไดเพราะกลัวเขาจะชวน คุยต่อความยาวสาวความยืดหากผมยังยืนรอลิฟต์อยู่ตรง นั้น ทว่าหูไม่รักดีของผมดันไปได้ยินบทสนทนาหนึ่ง เข้า “ฉันเจอวงชาร์มมิ่ง พริซอนเนอร์วะ เจอเดย์ไง นัก
ร้องนำอะ แอบพาผู้หญิงมาด้วย……”
ผมถึงกับหยุดชะงักยืนตะลึงงันอยู่เพียงลำพังตรงบันได
นั้น
‘แย่แล้ว’
ค็อก ก็อก!
เสียงฝีเท้าของสาวสะโพกอวบมาจากในห้อง ก่อนที่ ประตูจะเปิดออก เผยให้เห็นดาริณเกล้าผมสูงโชว์แผงคอ สีแทน พึ่งสังเกตจริงจังว่าชุดเดรสแขนยาวลายดอกไม้ สีน้ำเงินที่เธอใส่มาในวันนี้มันช่างทำให้เธอดูเซ็กซี่มาก เพียงใด อาการร้อนรุ่มคล้ายมีไข้กลับมาอีกครั้ง อยากจะ เอาหน้าลงมุดไถหอมฟัดรักษาอาการป่วยเสียเหลือเกิน
“เดย์คะ ไม่เข้าห้องเหรอ”
เธอดีดนิ้วตรงหว่างคิ้วพลันทำให้ผมตื่นจากห้วงภวังค์ จึงก้าวขาเข้าห้องโดยดีราวกับต้องมนต์สะกดไว้
“ครับ…ดาริณ”
ขานเรียกชื่อเธอเสียงอ่อยพร้อมล็อคกลอนประตูให้ปิด สนิทมิดชิด ไม่น่าเชื่อเลยว่าเพียงแค่ได้สบตามองเธอ แบบนี้ ก็สามารถทำให้ชายอกสามศอกรู้สึกอ่อนระทวย ขึ้นมาเสียดื้อๆ หลังพิงชนฝาราวกับหมดกำลังวังชา แถม สาวเจ้ายังเข้ามาประชิดตัวพร้อมไล้มือรอบอกกำยำ แล้ว ไต่ขึ้นมาโอบรอบคอ โอ๊ย! เดี๋ยวก็จับกินแทนข้าวเย็นเสีย เลย
“ดาริณ”
ผมใช้มือลูบส่วนเว้าโค้งของเรือนร่างสมส่วน ร่างกาย สองเราจึงแนบชิดกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เราทานข้าวเย็นก่อนดีไหมคะ”
เธอกระซิบข้างหู ลมหายใจอุ่นร้อนรดต้นคอ ทำเอาผม ขนลุกชูชันอ่อนระทวย มือเล็กลูบไล้โอบคอแล้วบีบนวด เบาๆ อดใจไม่ไหวจึงเผลอกัดปากหลับตาพริ้ม สัมผัส อ่อนโยนจากดาริณทำเอาผมแทบละลายลงไปกองอยู่บน พื้น
“ขอกินที่รักแทนข้าวได้ไหมครับ” แค่สบตาก็ระทวยไป หมดแล้วพี่สาว
“งั้น….อาบน้ำกันดีไหมคะ”
“ÊN….
เธอปล่อยชุดเดรสลายดอกไม้ให้หล่นไปกองอยู่บน พื้น ปล่อยผมลอนสลวยพริ้วที่เกล้าไว้ให้สยายระเนิน อกอย่างเย้ายวน ผมจึงรีบถอดเสื้อผ้าเดินตามเธอเข้าไป ในห้องน้ำ ไม่รีรอให้เชื้อเชิญ สาวสวยเปิดฝักบัวชำระ ร่างกาย เห็นทีได้จังหวะเลยรีบสวมกอดเธอจากด้านหลัง ฝังเขี้ยวลงบนแผงคอแรงอย่างอดใจไม่ไหว
“ที่รัก….
ร่างกายเบียดชิดภายใต้สายน้ำกระเซ็นจากฝักบัว ปัด ผมลอนไพล่หลังแล้วจึงฝังเขี้ยวลงทุกอณูผิว ให้ความ รู้สึกร้อนรุ่มแผ่ซ่านทำให้ร่างสมส่วนกลับมาร้อนระอุดั่ง ไฟอีกครั้ง
“LAL….”
ภาพของใบหน้าสวยคมหลับตาพริ้มรับสัมผัส มือใหญ่ ทับมือเล็กติดผนังห้อง บทเพลงรักอ่อนหวานกำลังดัง กึกก้อง กลิ่นอายรักคละคลุ้งตลบอบอวลไปทั่ว
“อย่าเป็นของใครนอกจากผมคนเดียวนะ ดาริณ”
สายตาจับจ้องเรือนร่างของดาริณด้วยความปรารถนา แรงกล้า
“ดาริณ …”
นัยน์ตาสีดำหันกลับมาจับจ้องผมท่ามกลางสายน้ำสาด กระเซ็น ประสานรักกลืนกิน เราสองเสพย์สรรบทเพลงรัก แสนเร่าร้อนที่แม้แต่น้ำเย็นก็มิอาจดับไฟรักนี้เอาไว้ได้ จึง ปล่อยใจเลยตามเลย ให้แววตาสุกสกาวได้เชยชมบทรัก พิศวาสผ่านสายน้ำไหลธารเชี่ยวกราด ประสานรักของ เราทั้งคู่ให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวจนถึงฝั่งฝัน
“มีความสุขไหมครับ”
ผมประทับจูบลงบนหน้าผากของเธอ พร้อมจ้องลึก เข้าไปนัยน์ตาแสดงออกให้ชัดแจ้งว่ารู้สึกรักใคร่เพียงใด
“ความสุขของเราคงไม่เหมือนกันค่ะ”
เอาอีกแล้ว….เย็นชาใส่กันอีกแล้ว
ไหนปากบอกว่าชอบผม?
ได้ยินอย่างนี้แล้วมันน่าน้อยใจนัก
เธอคงลืมรักเก่าไม่ได้
อยู่กับผมเธอคงไม่มีความสุขสินะ…..
‘ความสุขของเขาคือความสุขทางกาย แต่สำหรับฉัน ความสุขนั้นคือการได้รับความรัก สิ่งที่ฉันไม่เคยได้รับ จากชายใดอย่างแท้จริง’
ฉันชำเลืองมองร่างกำยำที่กำลังชำระร่างกายอยู่เคียงข้าง บัดนี้เขาทำให้ฉันรู้สึกราวกับเป็นธาตุอากาศ ไร้ ซึ่งตัวตนแม้จะยืนแอบอิงเคียงข้าง อาบน้ำเสร็จแล้วจึง เปลี่ยนเป็นชุดนอน สวมใส่เสื้อกล้ามสีเทาหม่นกับกางเกง ขาขั้นสีดำ ส่วนคนร่างสูงกำยำใส่เสื้อยืดตัวโคร่งสีเทากับ กางเกงขาโปร่งสามส่วนสีน้ำตาลเข้ม พลันขึ้นเตียงนอน ดูโทรทัศน์ด้วยสีหน้านิ่งเฉย แม้จะคอยชำเลืองมองเขา เป็นระยะๆ เขาก็ยังไม่สนใจหรือปริปากพูดสักคำจนฉัน เริ่มรู้สึกหมั่นไส้ ยักไหล่เดินไปที่โต๊ะอาหารริมหน้าต่าง จัดเตรียมอาหารสำเร็จรูปที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อด้าน หน้าโรงแรมก่อนที่เราจะขึ้นห้อง กระแทกกระทั้นจานชาม ให้เกิดเสียงดัง ไม่อยากสนใจก็อย่าสนใจ คืนนี้ต่างคน ต่างนอน ฉันไม่แคร์
“เดย์คะ มาทานข้าวกันเถอะค่ะ”
ยิ้มหวานให้อีกสักนิดเพื่อสถานการณ์จะดีขึ้นมาบ้าง ทว่าเขากลับเมินเฉยและจ้องมองโทรทัศน์อยู่อย่างนั้น เปลี่ยนช่องแล้วช่องเล่าโดยไม่หันมาสนใจเสียงเรียกของ ฉันเลยสักนิด ดีจริงๆ
“เดย์มาทานข้าวเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะคะ”
คําออดอ้อนทําให้เขาชำเลืองมองมาทางฉันแวบหนึ่ง แล้วจึงลุกขึ้นเดินส่งฝีเท้าตึงตังมานั่งตรงหน้า ตักข้าวคำ ใหญ่ใส่ปากราวกับไปโกรธใครมาเป็นสิบชาติ เห็นแบบนี้ แล้วฉันก็อดขำไม่ได้จริงๆ
“ไม่ตลกนะ ฆ่าอะไรนักหนา” เขาวางช้อนข้าวเสียงดัง พลางท่าตาขึงขังใส่ฉันอย่างเอาเรื่อง
“ไม่เอาสิคะ ไม่เหวี่ยงสิ ตลกจะตาย เดย์น่ารัก งอ นบ่อยๆนะ ฉันชอบค่ะ”
ฉันยังขำไม่หยุด พลางเอื้อมมือไปหยิกแก้มเนียนของ เขาเบาๆ
“ไม่เห็นจะตลกเลย”
“ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ทำไมเดย์ถึงทำเหมือนโกรธ”
ฉันแสดงสีหน้าอย่างเป็นกังวลเพื่อให้เขาได้รับรู้บ้างว่า ฉันนั้นรู้สึกหน่วงใจมากแค่ไหน
“คุณทำเหมือนว่าอยู่กับผมแล้วไม่มีความสุข…แต่ช่าง เถอะ เอาเป็นว่าผมขอโทษก็แล้วกันนะครับ”
คนหน้ามุ่ยก้มหน้างุดตักข้าวคำใหญ่ใส่ปากโดยไม่เงย หน้าขึ้นมามองฉันเลย
“ไม่ได้พูดสักหน่อยว่าไม่มีความสุข แค่บอกเดย์ว่า ความ สุขของเราไม่เหมือนกันเฉยๆนะคะ”
“แต่…ความสุขของคุณคงไม่ใช่ผม
“แล้วความสุขของคุณคือการได้ปลดปล่อยอารมณ์กับ ฉันหรือไงคะ ไม่ใช่เหรอคะ…”
ก่อชนวนแล้วจึงหลบสายตาไปทางอื่น พยายามอดกลั้น น้ำตาไว้ให้ถึงที่สุด ได้เพียงแต่หวังให้เขาลองหันมามอง ในมุมของฉันดูเสียบ้าง ความรักไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หากไม่ คิดจะรักกันก็ไม่ควรล้อเล่นกับหัวใจของใครแบบนี้
เขาจ้องตาฉันนิ่งงัน คว้ามือของฉันไปกุมไว้แล้วจึง
ประทับจูบ
“ผมขอโทษที่ทำให้รู้สึกแย่….ได้โปรดอย่ารู้สึกแย่เลย นะ”
ความรู้สึกหนักใจถาโถมทำให้ฉันคุมอารมณ์ไม่ได้อีกต่อ ไป พลันดึงมือออกมากุมหน้าร่ำไห้ ก่อนจะได้รับสัมผัส โอบกอดจนได้กลิ่นครีมโกนหนวดอ่อนๆทำให้ฉันหัวใจ เต้นแรง มันคงดีกว่านี้ หากเราสองรู้สึกรักกันอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงแค่คู่นอนที่รักกันแค่ยามเหงาแบบที่เป็น อยู่ในตอนนี้คุณมีค่าสําหรับผมนะ”
ขอบคุณนะที่ทำให้เชื่อว่าเป็นคนดีที่ให้คุณค่าสำหรับทุก เรื่องในชีวิตของเขา แม้กระทั่งเรื่องอย่างว่า
จู่ๆ เสียงสั่นสะเทือนจากโทรศัพท์คู่ใจของฉันที่วางอยู่ ข้างโทรทัศน์จอแบนนั้นดังขึ้น ดึงความสนใจของเราทั้งคู่ ไปได้ในที่สุด เขาจึงเขยิบเก้าอี้เพื่อให้ทางฉันไปคว้ามัน
“ใครเหรอ”
“เพื่อนค่ะ”
“คนที่นัดคุณไปโทดงโบริวันนี้เหรอ”
“ค่ะ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ