บทที่ 5 กลางคืนอย่าเศร้าไปเลย
เดิมความภายในใจของเหยียนเหยียนหงุดหงิดไม่ น้อย แล้วยิ่งโทรศัพท์มือถือของเธอยังมาเป็นแบบนี้อีก ทำให้เหยียนเหยียนถึงกับกัดฟันโมโห เธอรู้สึกแย่เหลือ เกินยิ่งมองไปทางไหนถนนก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ขา ข้างหนึ่งเตะออกไป “เฮงซวย !”
แต่ยังดีที่อพาร์ทเมนต์ของเธอห่างจากที่นี่ไม่ไกลมาก นัก ดังนั้นกมิดาก้าวเท้าแข็งๆของเธอกลับไปยังอพาร์ท เมนต์
ตอนนี้เธอยังถือว่าเป็นน้องใหม่ในสังกัดค่ายบีไวส์ สภาพที่พักของเธอจึงไม่สู้ดีนัก ลิฟต์ภายในตัวอาคารก็ เสียมาแล้วหลายเดือน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีคนมาซ่อม เธอกัดฟันขึ้นบันไดไปถึงชั้นสิบ
ในขณะที่กมิดาหายใจหอบเพื่อจะไปถึงชั้นสิบ อยู่ๆ โทรศัพท์ของเธอที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตก็สั่น ขึ้น
เอะ เบอร์แปลก
เธอขมวดคิ้ว นิ้วเรียวของเธอตัดสินใจปัดหน้าจอเพื่อ รับสาย ก่อนจะทักทาย “ฮัลโหล” ก็มีเสียงผู้ชายคนหนึ่ง แทรกดังขึ้นมาจากอีกด้านนึง น้ำเสียงโทนเย็นแต่กลับ ฟังแล้วดูเท่ห์ “พรุ่งนี้ 10 โมงที่ร้าน Diffuse Coffee มา แลกโทรศัพท์กัน”
“แลกบ้าอะไรของนาย เป็นบ้าหรือไง” เดิมกมิดาก็หัว เสียมากอยู่แล้ว ยิ่งเจอเรื่องประหลาดผ่านทางโทรศัพท์ ยิ่งกระตุ้นต่อมโมโหในใจเธอขึ้นไปอีก “ถ้าป่วยก็ไปกิน ยาซะ อย่ามาคร่ำครวญตอนดึกๆแบบนี้”
หลังจากด่าเสร็จ เธอจึงตัดสายนั้นทิ้ง
ในอพาร์ทเมนต์สุดหรูคอนโดซูเพอร์ไลน ปริพลได้แต่ ขมวดคิ้วและบีบโทรศัพท์แน่น
ผู้หญิงคนนั้นกำลังตะโกนใส่เขางั้นหรอ
เพื่อนรักของเขา “ขรรค์ชัย” ที่นั่งอยู่ข้างเขา กำลัง หยิบผลเชอร์รี่เข้าปากอย่างสบายอกสบายใจราวก็เด็ก น้อย เสียงตะโกนด่าของผู้หญิงในโทรศัพท์ก็ถูกเขา ได้ยินหมดแล้ว ทันใดนั้นก็เรียกความสนใจจากเขาขึ้น มา
“โอ้โห” ขรรค์ชัยร้องดังขึ้นมาและโน้มตัวเข้าหาปริ พลด้วยน้ำเสียงที่เบิกบาน “ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีผู้ หญิงกล้าตะคอกใส่พี่ชายสุดที่รักของฉัน ช่างกล้าหาญ จริงๆ”
ปริพลเหลือบมองริมฝีปากของขรรค์ชัยแล้วพูดด้วย น้ำเสียงเย็นชา “กินเสร็จแล้วก็หุบปากของนายซะ”
น้ำเสียงที่ดูมืดมนและเยือกเย็น ทำเอาขรรค์ชัยถึงสั่นเทา
“เฮ้ ฉันคิดว่านายทํามากเกินไปนะ” ขรรค์ชัยโวยวาย นั่งอยู่ข้างๆ “ฉันสามารถช่วยนายหาที่อยู่ของเธอได้นะ นายก็แค่ไปเอาโทรศัพท์จากเธอได้เลย ทำไมพรุ่งนี้ถึง ต้องนัดเธอออกมาแลกโทรศัพท์กันด้วยล่ะ”
“ไร้สาระ…” เขานิ่งไปสักพัก แล้วมองไปทางบริพล “หรือว่านายสนใจเธอ?”
“ไปให้พ้นน่า”
“โอเค โอเค ฉันไปแล้วก็ได้” เมื่อเห็นปริพลกำลัง ดมโห ขรรค์ชัยจึงรีบกระโดดข้ามโซฟาโดยไม่ลืมที่จะ คว้าถ้วยเชอร์รี่ติดมือไปด้วย
มือข้างหนึ่งกินเชอร์รี่ มืออีกข้างหนึ่งปัดหน้าจอ โทรศัพท์
ทันใดนั้นเอง เฉียวมู่ป่ายก็รีบยื่นโทรศัพท์มือถือให้ปริ พลดูอะไรบางอย่าง “ดูนี่สิ พี่ปริพลที่รักของพวกเราเป็น ข่าวแล้ว เป็นไปได้อย่างไง”
ปริพลคว้าโทรศัพท์มือถือของขรรค์ชัยมาดู พลาง ขมวดคิ้ว
ในข่าวพูดถึงว่าดาราหน้าใหม่กมิดาปริพลซื้ออะไร บางอย่างในร้านขายยาในกลางดึก ตัวอักษรพาดหัวข้อ ข่าวอย่างคลุมเครืออยู่ใต้รูปภาพขนาดใหญ่ ซึ่งเป็น ภาพในขณะที่กำลังจ่ายเงิน แล้วทั้งสองคนไม่ทันระวัง เกิดเดินชนกันโดยบังเอิญ
ภาพเหล่านั้นถูกนักข่าวจับภาพได้ ในภาพเหมือนกับ ว่าเธอกำลังอยู่ในอ้อมกอดของเขา
เขาค่อยๆ เลื่อนดูความคิดเห็นในโพสต์ข่าว บาง โพสต์ใช้คำพูดหยาบคายจนทำให้ปริพลหัวเสีย เขาหัน ไปถามขรรค์ชัย “ราเมศวร์เป็นยังไงบ้าง”
“ฉันเพิ่งจะคุยโทรศัพท์กับเขา เขายังโอเคดี” ขรรค์ ชัยนั่งไขว่ห้างบนโซฟา พอนึกถึงคำพูดของพวกพี่ๆ ก็ อดที่หัวเราะออกมาไม่ได้ “ฤทธิ์ยาคงแรงเกินไปสำหรับ คนที่ร่างกายอ่อนแอ”
ปริพลก้มหน้ามองมาที่ขรรค์ชัย
เมื่อขรรค์ชัยรับรู้อารมณ์ของเจ้าของใบหน้านั้น รอย ยิ้มก็พลันหุบลงและพูดกับปริพลอย่างจริงจังว่า “พี่ใหญ่ วางใจได้ ฉันส่งคนสามกลุ่มไปที่แต่ละท่าเรือและสนาม บินแล้ว พวกมันหนีไปไหนไม่รอดแน่
ชายหนุ่มไม่พูดอะไร ในมือกำโทรศัพท์แน่น ใบหน้า เต็มไปด้วยความมืดมน
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ