ตอนที่ 6 ถ้ามีความต้องการมากเกินไปก็ไม่ควรไป ทำงาน
ลี่โม่อวี่ได้ยินสิ่งที่น้องชายคุยโทรศัพท์ทั้งหมดแล้ว เห้อห้าวพอเห็นพี่ชายกำลังหันหัวมามองตัวเองอยู่ ก็รีบ วางสายอย่างรวดเร็ว แล้วก็เปิดเครื่องดักฟังที่ติดตั้งไว้ นานแล้วขึ้น
เห้อห้าวตั้งแต่ที่ทราบว่าพี่แต่งงานแล้ว ก็รีบไปสืบ เรื่องราวต่างๆ ทำให้ทราบถึงเรื่องแตกหักกันภายใน ตระกูลฉิน
บทสนทนากันที่เกิดขึ้นในอพาร์ทเม้นท์ก็ดังออกมา เข้าหูของชายหนุ่มทั้งสอง
เห้อห้าวที่ฟังอยู่ก็พยายามจะห้ามไม่ให้ตัวเองหัวเราะ ออกมา แม้ว่าเขาจะพยายามแล้ว แต่ก็ยังหัวเราะจน ไหล่สั่นไม่หยุด
บาร์โฮส?
เห้อห้าวพลางหัวกลั้นขำ พลางคิดภาพของพี่ใหญ่ที่ ยิ้มอย่างน่ากลัวแล้วโบกมือรับแขกขึ้นในหัว ช่างน่าขัน ซะจริง
แต่พูดจริงๆแล้ว พี่สะใภ้คนนี้น่าสนใจจริงๆ พี่เป็นถึง คนมีอิทธิพลระระดับต้นๆของเมืองกั๋งซื่อ เขาเดินไป ที่ไหน ไม่มีใครกล้าหือกับเขา
ทําไมหล่อนถึงคิดว่าคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้จะเป็นแค่ บาร์โฮสได้ล่ะเนี่ย?
เพราะว่าเขาดูเป็นคนเลวเกินไป หรือว่าฝีไม้ลายมือ บนเตียงของเขาดุร้ายกันแน่?
บาร์โฮส
ในหัวของลี่โม่อวี่ได้ยินคำนี้ดังขึ้นซ้ำไปซ้ำมา เห้อห้าว ที่ขำจนสั่น ก็ยิ้มๆแล้วเดินออกไปจากออฟฟิศ
จริงๆแล้วเขาอยากรู้เหมือนกันว่า ผู้หญิงที่ดูอ่อนแอ คนนี้ทำไมถึงยังทนคำเย้ยหยันและเสียดสีของน้องสาว ตัวเองได้อยู่ จะเอาสามีที่เป็น “บาร์โฮส” ของตนไปงาน หรือว่าจะพาคนอื่นไปแทน
แววตาของลี่โม่อวี่ก็ดูเฉียบคมขึ้นมาทันที แผลเป็น ที่หน้าผากราวกับว่ามีชีวิตขึ้น แต่ว่ามุมปากกลับยกขึ้น อย่างชั่วร้าย
หลังจากที่ลี่โม่อวี่เปิดประตูออก เขาก็มีความรู้สึก เหมือนกลับมาบ้าน
มีเสียงทำกับข้าวจากในห้องครัว ในห้องเต็มไปด้วย กลิ่นหอมคละคลุ้งของอาหาร
พอก้มลงมอง ตรงทางเข้าก็มีรองเท้าส้นสูงสีขาววาง อยู่คู่หนึ่ง ข้างๆก็มีรองเท้าแตะของผู้ชายวางอยู่อีกคู่
รองเท้าแตะผู้ชาย
ลี่โม่อวี่ยืนเหม่อ ในใจรู้สึกอบอุ่น เขายกคิ้วขึ้น ยิ้ม ด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นออกมาจากใจ
ฉินอีหลินที่ใส่ผ้ากันเปื้อนน่ารักๆลาย ทรงผม ที่ปกติปล่อยยาวก็ใช้ยางมัดผมสีดำมัดไว้ ในมือยก อาหารที่คลุ้งไปด้วยไอร้อน
หล่อนหันสายตามาเห็นลี่โม่อวี่ที่กำลังเปลี่ยนรองเท้า แตะอยู่ โดยเฉพาะเห็นเขากำลังเปลี่ยนรองเท้าที่ตัวเอง ซื้อมาคู่นั้น สีหน้าของฉินอีหลินเริ่มจะไม่เป็นตัวของตัว เอง ในใจเริ่มรู้สึกไม่ปกติ
“นายมาได้ยังไง?”
ฉินอีหลินก้มหัวลงมองนาฬิกาข้อมือ แล้วหันหัวกลับ มามองลี่โม่อวี่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
“ใกล้จะสองทุ่มแล้ว คืนนี้นายไม่ต้องไปทำงานเหรอ?”
พอลี่โม่อวี่เห็นฉินอีหลินที่กำลังใส่ผ้ากันเปื้อน ใจ เหมือนถูกชนแรงๆเข้าอย่างจัง
เขาอธิบายไม่ได้ว่านี่คือความรู้สึกอะไร หล่อนดูน่าจะ อบอุ่นพอสมควรแถมยังรู้สึกผูกพัน เขาชอบความรู้สึก แบบนี้ บรรยากาศแบบนี้และก็กลิ่นหอมของอาหารที่ คลุ้งคลุ้งแบบนี้
ทั้งหมดนี้ทำให้เขารู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง เหมือนกับ ความฝัน ฝันที่ทำให้เขารู้สึกผูกพันอย่างบอกไม่ถูก
แต่ว่าคำพูดล่าสุดของฉินอีหลินทำให้ลี่โม่อวี่กลับสู่ ความจริงและตระหนัก “สถานะ” ของเขาในตอนนี้
“คุณก็เคยพูดไว้นี่ว่า ถ้ามีความต้องการมากเกินไปก็ ไม่ควรไปทํางาน ดังนั้นผมก็เลยกลับมานี่ไง”
ลี่โม่อวี่ยิ้มมุมปากอย่างขี้เล่น คำพูดที่พูดก็ดูกำกวม ในขณะเดียวก็กวาดสายตาไปมองจุดสำคัญบนเรือน ร่างของหญิงสาวที่อยู่ด้านหน้าอย่างไม่เกรงใจ
“นาย นายโดดงานนี่”
สายตาของลี่โม่อวี่ทำให้ฉินอีหลินเผลอคิดถึงความบ้า คลั่งในช่วงกลางวัน รอยขย้ำบนคอเหมือนจะร้อนผ่าว ขึ้นมาอีกครั้ง
หล่อนพยายามที่จะปกปิดสีหน้าที่อึดอัดของตัวเอง แต่ว่าภายในสายตาที่ร้อนรุ่มของลี่โม่อวี่ หล่อนรู้สึกว่า ขาที่กลับมาเดินปกติได้แล้วดูเหมือนจะเริ่มกลับไปอ่อน แรงอีกครั้ง
หล่อนพยายามที่จะไม่ให้ตัวเองดูอ่อนแอ ฉินอีหลิน กัดฟันพร้อมเอาอาหารมาวางไว้บนโต๊ะ ในขณะที่กำลัง จะนั่งลงไป หล่อนก็พยายามจะเอาโต๊ะมาเป็นสิ่งกำบัง ตัวเอง เพื่อที่จะป้องกันกับสายตาที่ร้อนรุ่มของลี่โม่อวี่
“ทําไมนายไม่กลับบ้าน แล้วมาทำอะไรที่บ้านของ ฉัน?”
ลี่โม่อวี่ได้ยินแล้วก็คิ้วกระตุก จ้องมองกึ่งๆยิ้มไปที่ใบ หน้าแดงๆของฉินอีหลิน แล้วหยิบกุญแจออกมาเล่นที่ มือแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
พอเห็นท่าทางของผู้ชายคนนี้แล้ว ฉินอีหลินก็นึกขึ้น มาได้ว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของหล่อน
เพื่อที่จะปกปิดความเขินอาย ฉินอีหลินรีบดึงเก้าอี้ ออกแล้วนั่งลงไป สายตาแอบเหลือบไปมองสี่โม่อวี่ สัก พักก็นึกถึงสัญญาที่วางอยู่ในห้องนอนขึ้นมา แล้วพูดขึ้น
“เอ้อ….เมื่อตอนกลางวัน ฉันปริ้นใบสัญญาออกมา แล้ว เดี๋ยวนายดูสักหน่อยแล้วกัน ถ้าไม่มีคำถามอะไร แล้วก็ รบกวนนายเซ็นชื่อด้วย”
ฉินอีหลินกลืนน้ำลายหนึ่งอึกแล้วพูดต่อ: “ฉันหวังว่า จะไม่เกิดเรื่องเหมือนสองวันก่อนขึ้นอีก”
ฉินอีหลินพบว่าสีหน้าของลี่โม่อวี่เย็นชา ความกด อากาศในห้องดูเหมือนจะลดต่ำลง
เพื่อที่ไม่ให้บรรยากาศในห้องดูแย่ลง ฉินอีหลินเอา อาหารที่เพิ่งทำเสร็จเลื่อนไปไว้อยู่ด้านหน้าของลี่โม่อ
พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคล้าเคลีย: “ถ้าอย่างนั้นกินด้วย กันไหมล่ะ?”
ลี่โม่อวี่ มองอาหารที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าจะเป็นอาหารที่ เรียบง่าย ไม่ดูดีเท่าอาหารในโรงแรม แต่ก็ทำให้ความ อยากอาหารของเขาเพิ่มขึ้นมามาก จากนั้นก็เริ่มกิน อย่างไม่เกรงใจใคร
เขาเมื่อก่อนกินแต่อาหารภัตตาคารไม่ก็โรงแรม นาน แล้วที่ไม่ได้กินอาหารที่บ้านแบบนี้ ถึงขนาดที่เขาลืมไป แล้วว่าอาหารแบบนี้รสชาติเป็นอย่างไร
ฉินอีหลินมองชายที่อยู่ด้านหน้ากินอาหารจนเกลี้ยง จาน หล่อนแทบจะร้องไห้ออกมา
หล่อนเพิ่งจะคีบอาหารได้ชิ้นเดียว ที่เหลือก็ถูกลี่โม่ อวี่ “กวาดเรียบ” จนเกลี้ยง แอบบ่นๆว่าทำไมเขากินไม่ เหลือให้ตนบ้างเลยสักนิด
แต่ว่าพอเห็นคนกินอาหารที่ตนทำจนหมดเกลี้ยง ขนาดนี้ ในใจของหล่อนก็รู้สึกอิ่มเอมไม่น้อยอยู่เหมือน กัน
ฉินอีหลินมองค้อนไปที่สี่โม่อวี่พร้อมกับในหัวก็คิดแย้ง ไปแย้งมาแบบนี้อยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นก็เก็บจานบน โต๊ะ ลุกขึ้นเอาจานไปล้างที่ห้องครัว
ลี่โม่อวี่ที่กินอิ่มแล้วก็นั่งพักลงบนโซฟา มองดูฉินอี หลินที่กำลังยุ่งอยู่ในครัว
เขาเพิ่งพบว่า เสียงจานชามกระทบกันมันเพราะ ขนาดนี้ ในบ้านมีคนทำอาหารให้มันเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ
มันทำให้เขาอดคิดไปถึงก่อนหน้านี้ตอนที่เปิดประตู เข้ามาแล้วได้กลิ่นของอาหารลอยคละคลุ้ง แล้วที่หน้า ประตูก็มีรองเท้าแตะวางไว้ ไหนจะฉินอีหลินที่ใส่ผ้ากัน เปื้อนที่กําลังทําอาหารอยู่
มันทำให้เขารู้สึกว่าเขาเหมือนกับสามีที่เพิ่งจะเลิกงาน แล้วกลับมาบ้าน
ผู้หญิงที่อยู่ในครัวก็คือภรรยาที่กำลังเตรียมอาหาร ให้กับสามี พวกเขาเป็นคนในครอบครัว ถึงแม้ว่าจะมี ปากเสียงเป็นครั้งคราว ทะเลาะกันบ้าง แต่ก็จะไม่มีทาง จากไปไหนเช่นกัน
บรรยากาศแบบนี้เป็นสิ่งที่ลี่โม่อวี่โหยหามาโดย ตลอด แต่ว่าหลายปีมานี้ วันๆเขากินอยู่แต่ในปาร์ตี้และ ห้องจัดเลี้ยง มีทั้งไวน์แดง เสต็ก อาหารแพงๆมากมาย แม้ว่าจะมีคนสวยๆงามๆนับไม่ถ้วนคอยปรนนิบัติ
แต่กลับไม่มีใครที่ยอมมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตกับเขา จริงๆจังๆสักคน ชีวิตที่ผ่านไปวันๆแบบนี้ทำให้เขารู้สึก เหนื่อยและอับจนหนทางอยู่เหมือนกัน
จนถึงวันนี้ฉินอีหลินก็เข้ามา ทำให้เขาได้เห็น ได้เห็น สิ่งที่เขาโหยหามาโดยตลอด
จู่ๆก็คิดขึ้นได้ว่าถ้าใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอด ก็ไม่เลวดี เหมือนกัน
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ