ตอนที่ 1 พบกับเขา
“อ๊า…” เสียงร้องกรีดแหลมแทรกผ่านความเงียบสงัดยาม คําคืนจากภายในมหาวิทยาลัยดรัล หลังจากร้องเสียงหลง เพ็ญนีติ์วิ่งหันหลังกลับอย่างผลุนผลัน น้ำตาเอ่อล้น ฉาก เหตุการณ์ที่เพิ่งได้เจอนั้นถึงกับฉีกกระฉากหัวใจของเธอ
จำรูญ
ญาณินท์
การกอดจูบที่งดงามและน่าลุ่มหลงนั่น
แต่ทว่า จํารูญเป็นแฟนหนุ่มของเธอ เป็นเรื่องที่คนใน มหาวิทยาลัยต่างก็รู้กันทั่ว
แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไป จำรูญและญาณินท์ต่าง กอดจูบนัวเนียกันไม่หยุด นึกไม่ถึงว่ายัง…ยังจูบกันอีกเรื่อยๆ
“เพ็ญนีติ์…” เมื่อได้ยินของเสียงเพ็ญ จำรูญก็ปล่อย ร่างญาณินท์ออกโดยไม่ตองคิด แล้วหันไปวิ่งตามเพ็ญนี้ติ์
เธอได้ยินเสียงก้าวเท้าของจำรูญ เสียงๆนั้น ราวกับไม้ กลองอันหนักอึ้งที่กำลังทุบเข้าที่หัวใจเธอ นั่นคือความเจ็บ ปวด
ไม่ได้ เธอไม่ต้องการให้เขาไล่ตามเธอ ตอนนี้เธอไม่อยาก ให้เขาแตะต้องแม้เพียงปลายนิ้ว
เขาหลอกลวงเธอ เขาเคยบอกกับเธอ ว่าเธอเป็นคนรัก เพียงหนึ่งเดียวของเขา แต่ทว่าจริงๆแล้วเขาแอบมีความ สัมพันธ์กับญาณินท์ลับหลังเธอในสถานที่ที่เธอมักจะไป เดทกับเขา
ภายในหัวใจ มอย่างขนขม เขาคิดว่าเธอไปสอนกวดวิชา แล้วแน่ๆ ใช่ เธอไปมาแล้วจริงๆ แต่เมื่อตอนที่เธอถึงบ้าน นักเรียนได้พบว่านักเรียนของเธอได้ไปดูภาพยนตร์กับพ่อ แม่ ตอนนั้นเธอเพิ่งจะรู้ว่าโทรศัพท์มือถือของเธอมีข้อความ ที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน ที่แท้นักเรียนคนนั้นได้แจ้งกับเธอตั้ง นานแล้ว แต่เป็นที่เธอนั้นรีบร้อนที่จะไปและไม่ก็ไม่ทันได้ดู โทรศัพท์มือถือ แต่ทว่าตอนนี้เธอไม่เสียใจสักนิดที่พบเจอ เหตุการณ์เช่นนั้น
เรื่องที่เธอไปสอนกวดวิชาก็บอกกับจำรูญไปแล้ว
เธอควรจะมีความสุข ถ้าหากไม่เจอกับฉากเมื่อสักครู่นี้ เธอ เพิ่งจะเข้าใจถ่องแท้ว่าใจคนนั้นเป็นเช่นไร
จำรูญกับญาณินท์
เพ็ญนีตี้น้ำตาไหลร่วงราวกับหยาดฝน ทางที่กำลังมอง นั้นพร่าเลือน การวิ่งอย่างรวดเร็วนำพามาซึ่งสายตาผู้คนใน มหาวิทยาลัยที่มองมาจากทั่วทุกทิศทาง
แต่ว่าต่อให้เป็นที่นี่ แล้วมันจะทำไมกันล่ะ?
เธอไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว
ตอนนี้เธอแค่อยากจะหนีไปให้ไกลจากจำรูญ ไม่เช่นนั้น เธอคงรู้สึกว่าอากาศรอบๆตัวเธอนั้นได้สกปรกโสมมไปแล้ว
ด้วยการพุ่งออกนอกประตูรั้วมหาวิทยาลัยราวกับบิน แม้ กระทั่งตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าความรวดเร็วนี้มาจากไหน คาด ไม่ถึงว่าขายาวๆของจำรูญนั้นยังไล่ตามเธอไม่ทัน
เมื่อยืนอยู่ริมถนนหน้าทางเข้ามหาวิทยาลัย ดวงตาของ เพ็ญนีตี้สังเกตไปที่ถนน เป็นที่น่าแปลกใจ ตอนนี้ยังไม่ค่ เท่าไหร่ ตามปกติของมหาวิทยาลัย ในช่วงเวลานี้ผู้คนควร จะออกมาทานอาหารมื้อเย็นกัน และตามเหตุผลดังกล่าว แท็กซี่ควรจะมีเยอะ แต่ทว่าตอนนี้อย่าถามถึงแท็กซี่ที่จอด รอเลย ที่ถนนนั้นแม้แต่รถสักคนก็ไม่มี
เสียงเรียกของจำรูญยิ่งเข้าใกล้มากขึ้นทุกที
เพ็ญนีติ๋มองไปที่ถนนอีกครั้งด้วยความลนลาน ในที่สุด เธอก็เห็นรถคันหนึ่ง แต่กลับไม่ใช่รถแท็กซี่
ไม่สนแล้ว! ไม่ว่าเป็นรถอะไรเธอก็จะขึ้น ขอเพียงแค่อาศัย รถคันนี้พาเธอไปให้ไกลจากจำรูญก็พอ เธอไม่อยากฟัง คำอธิบายใดๆของเขา เห็นกับตาตัวเองขนาดนี้ จะหลอก อย่างไรก็คงไม่ได้อีกแล้ว
เธอเคลื่อนตัวทันที ทํามือโบกรถให้หยุด และไปยืนอยู่
กลางถนนโดยไม่ทันคิด ตำแหน่งนั้นเหมาะพอดีสำหรับรถที่จะมาถึงในไม่ช้า
“เอี๊ยดดดดด” เสียงเบรกดังขึ้น เสียงเบรกรถคันนั้นคงสั่น สะเทือนเยื่อแก้วหูผู้คนได้ไม่น้อย หน้าต่างของตัวรถถูก เขย่าอยู่ชั่วครู่ เสียงเย็นเยียบเสียงหนึ่งพุ่งใส่เพ็ญนีติ์ราวกับ จะกินหัว “หลบไป จะหาเรื่องตายก็อย่ามาชนรถผม
เสียงที่น่าดึงดูดรื่นหู ตรงข้ามกับคำพูดอันแสนเย็นชาของ เขา แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาชื่นชมแล้ว เพ็ญนีตี้รีบพุ่งไปที่ นั่งด้านคนขับอย่างไม่ลังเล “เปิดประตู ฉันต้องการขึ้นรถ ท่าทางนั้นราวกับว่ารถคันนี้เป็นรถส่วนตัวของเธอ
ฝ่ายชายสายศีรษะด้วยความดูหมิ่น “บ้าไปแล้ว” กล่าวจบ เขาถอยรถไปด้านหลังโดยที่ไม่สนใจ เตรียมชิ่งหนีไปจาก เธอ
บนถนนนั้นยังไม่มีรถคันอื่นผ่านมา ราวกับว่ารถคันนี้มา เพื่อช่วยชีวิตเธอ
ที่ด้านหลังของเพ็ญนีตี้ เสียงของจำรูญนั้นดังมาถึง “เพ็ญนีติ์ อย่าไป ผมทีเรื่องที่ต้องคุยกับคุณ”
เมื่อได้ยินเสียงของจำรูญ เธอไม่รู้ว่าไปเอาความกล้ามา จากไหน มองไปยังรถที่กำลังเลี้ยวกลับ เธอพุ่งกระโดด คิด ไม่ถึงว่าเธอจะกระโดดถึงฝากระโปรงหน้ารถ มือคว้าจับไฟ เลี้ยวรถอย่างเหนียวแน่น เธอต้องไปจากที่นี่ให้ได้ ไม่ว่า อย่างไรจะไม่ให้จำรูญไล่ตามเธอทันได้เด็ดขาด
“Shit ! แม่งบ้าจริงๆด้วย ” ฝ่ายชายนั้นขมวดคิ้ว ใบหน้า รูปหล่อนั้นยิ่งแสดงความเหยียดหยามมากยิ่งขึ้น สายตา บังเอิญเห็นจำรูญที่กำลังไล่ตามมา จึงถามกับเธอไปว่า “เขาเป็นอะไรน่ะ?”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ