หมอยาร้อยพิษ

บทที่ 3 โรงหมั่นเย่ว



บทที่ 3 โรงหมั่นเย่ว

บทที่ 3 โรงหมั่นเย่ว

ชีวิตที่นางอยู่ในตำหนัก อย่างน้อยก็ดีว่าบ่าวเล็กน้อย นางมีเรือนเล็กของตนเอง ปกติแล้วหยุนเชียนซีไม่ได้มี งานอดิเรกอะไร นางแค่ปลูกดอกไม้ปลูกต้นหญ้า และใช้ ชีวิตที่น่าเศร้ากับสาวใช้ของตนฉาเอ๋อในจวนเฉิงเซี่ยงนี้ จนกระทั่งเมื่อวานองค์รัชทายาทเข้ามาในลานบ้านหวั่น เสี้ยโดยบังเอิญ พยุงนางที่ล้ม ก็แค่นั้น จึงทำให้หลินเซ อร์เฟยอิจฉาและแค้น ทำให้ตนเองเกิดภัยอันตราย

หญิงสาวเช่นนี้ไม่สมควรได้รับความเห็นใจเลยแม้แต่ น้อย การตายของนางโทษใครได้? โทษพ่อแม่ที่เสียไป เร็วหรือ? โทษน้าที่ไม่รักนางหรือ? หรือว่าโทษพี่ชายที่ไป เป็นทหารหรือ?

ทั้งหมดนี้โทษได้เพียงตนเองที่อ่อนแอ!

หยุนเชียนซีลืมตา ในแววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หยุนเชียนซีในอดีตได้ตายไปแล้ว

ผู้ที่รังแกนาง นางจะทำคืนร้อยเท่าพันเท่า ผู้ที่เหยียด หยามนาง นางไม่มีทางให้อภัย!

King ในอดีตก็ตายไปแล้วเช่นกัน ในเมื่อฟ้าให้โอกาสนางเกิดใหม่อีกครั้ง งั้นหลังจากนี้นางก็คือลูกสาวของแม่ ทัพเจิ้นหย่วน

แผลทั้งร่างกายของหยุนเชียนซี ทําให้นางต้องพักฟื้น หนึ่งเดือนเต็มๆ จึงค่อยๆ ดีขึ้น

มองดูแผลบนร่างกายที่น่าเกลียด หยุนเชียนซีรู้สึกแย่ มาก แต่ว่าอยู่ในลานบ้านหวั่นเสี้ย ยังไม่สามารถหายา สมุนไพร รักษาแผลเป็นได้ ส่วนมากนี้มีเพียงหญ้าที่ปลูก เล่น

ยาสมุนไพรที่หยุนเชียนซีนำมาต้มยานั้น ไปขูดมา จากใต้กําแพง เป็นต้น แยที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ มี คุณสมบัติแก้ปวดและห้ามเลือด

หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ พอตกค่ำคืนคนเงียบงัน หยุนเชียน ซีก็มักจะแอบเดินเล่นในจวนเฉิงเซี่ยง นางเกือบจะเคยไป มาทั่วจวนเฉิงเซี่ยงแล้ว แต่ยาที่สามารถขูดเจอนั้นไม่มาก

แต่ว่าในลานบ้านหวั่นเสี้ยนี้ กลับเลี้ยงดอกดาทูร่า

ดอกไม้ที่มีพิษร้ายแรงโดยธรรมชาตินี้ หลังจากที่ผ่าน การปรุงยา ก็ใช้ถนัดมือเลยล่ะ

สองสามวันนี้ หยุนเชียนซีให้ฉาเอ๋อไปสืบเรื่องขององค์รัชทายาทโดยตลอด นางจะเล่นละครหนึ่งฉาก………..

องค์รัชทายาท โทป่าเล่หรือ?

ตามที่เลื่องลือเขาเป็นคนใจดำที่ใบหน้าหล่อเหลา มี ใบหน้าที่ทุกคนอิจฉา นิสัยชอบอยู่คนเดียว โอหังใฝ่สูง และยังเป็นคู่หมั้นของหลินเซอร์เฟย ผู้ชายเช่นนี้ นาง อยากพบเจอสักหน่อย!

ในความทรงจำของหยุนเชียนซีนั้น พบกันเพียงแค่ครั้งที่ แล้ว เพราะเช่นนั้นจึงจำไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่

หยุนเชียนซีกำลังดูแลดอกดาทูร่า ฉาเอ๋อจึงวิ่งเข้ามา ด้วยความกระวนกระวาย “คุณหนูเจ้าคะ ข้าน้อยสืบเรื่อง ขององค์รัชทายาทได้แล้วเจ้าค่ะ!”

“ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด?” หยุนเชียนซีไม่ได้หยุดรดน้ำ แต่ ถามด้วยสีหน้าที่เฉยเมย

“ข้าน้อยได้ข่าวว่า องค์รัชทายาทสามวันนี้ไปที่โรงหมั่น เย่วกับอ๋องฉี” ในตอนที่ฉาเอ๋อพูดประโยคนี้ มีความเขิน เล็กน้อย จึงขยับเข้าไปใกล้หยุนเชียนซีแล้วพูดจาเบาๆ

“โรงหมั่นเย่วนี้ เป็นโรงโลมหรือ?” หยุนเชียนซีมองสีหน้า ของฉาเอ๋อ ยักคิ้วเล็กน้อย แล้วถามด้วยความเล่นตลก

“เจ้าค่ะ” ฉาเอ่ออายุเพียงสิบสามสิบสี่ ยังเป็นเด็กสาวอยู่ จึงรู้สึกว่าโรงโลมนั้นเป็นสถานที่ที่สกปรกมาก ถึงจะพูด ถึง ก็ทำให้นางรู้สึกเขินไม่น้อย

*องค์รัชทายาทนี้ เสน่ห์นัก” หยุนเชียนซีรด อย่างช้าๆ ยิ้มแล้วพูด เป็นโรงโลมก็ดี จะได้แอบเข้าไปได้ง่าย

วันนี้นางอยากจะดูสักหน่อย องค์รัชทายาทที่ทำร้ายนาง เกือบตายนั้น เป็นคนอย่างไร!

“คุณหนูเจ้าคะ ท่านจะทําการใดหรือ? ” ฉาเอ๋อถามด้วย ความไม่เข้าใจ คุณหนูไม่ได้บอกเหตุผลกับนาง ให้เพียง นางไปสืบว่าองค์รัชทายาทไปที่ใดบ้าง ช่างแปลกนัก หรือ ว่าสิ่งที่คุณหนูลูกพี่ลูกน้องพูดนั้น จะเป็นความจริงหรือ? ฉาเอ่อคิดเช่นนี้ จึงลืมตาโต อ้าปากค้าง แล้วถามด้วย ความแปลกใจ “คุณหนูเจ้าคะ ท่านคงไม่….. คุณหนูลูกพี่ ลูกน้องนั้นเป็นคู่หมั้นขององค์รัชทายาทนะเจ้าคะ!”

“เจ้าคิดมากไปแล้ว เจ้าไปยุ่งเรื่องของเจ้าเถอะ” หยุน เชียนซีเก็บเหยือกน้ำที่กำลังรดน้ำอยู่ เดินไปอีกทางอย่าง เชื่องช้า มุมปากมีรอยยิ้มจางๆ

ถึงเด็กนี่จะจงรักภักดี แต่เรื่องบางเรื่อง ไม่ให้นางรู้จะดีกว่า หนึ่งคือพูดแล้วฉาเอ๋ออาจจะไม่เข้าใจ สองคือนาง เกลียดที่จะต้องอธิบายอะไรเช่นนี้จริงๆ

ฉาเอ๋อขยี้ศีรษะไปมา มองดูคุณหนูที่เปลี่ยนไปอย่าง ชัดเจน จึงสงสัยไม่น้อย

ตั้งแต่ที่คุณหนูพื้น ก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย แต่ว่าเมื่อเทียบกับอดีต ชีวิตตอนนี้ดีกว่า เหมือนมีความ มั่นใจมากขึ้นเลยนะ

นางมองไปทางหยุนเชียนซีด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่ว่า จะไม่อยากจากมากแค่ไหน ก็ต้องเดินจากไปอย่างเงียบๆ นางอยู่ที่จวนเฉิงเซี่ยงนี้ ไม่ได้อยู่ฟรี ทุกเย็นต้องไปเข้า เวรที่ตำหนักฮูหยิน เพราะว่าฮูหยินบอกว่าในจวนเฉิงเซี่ยง ไม่เลี้ยงคนไร้ประโยชน์ เพราะเช่นนั้นหากนางงอยากอยู่ ที่นี่ต่อ ก็ต้องไปทำงาน

หยุนเชียนซีมองดูฉาเอ่อที่เดินออกไป รอยยิ้มที่มุมปาก ก็เข้มมากขึ้น แววตาของนางมีรัศมี มีแสงที่เย็นชาราวกับ ว่าเป็นผู้ล่า

ตกดึก

หยุนเชียนซีเปลี่ยนเสื้อผ้าผู้ชายที่นางเอากำไรของตน ไปจำนำแล้วไปซื้อมา หลังจากที่เปลี่ยนเป็นผู้ชายแล้ว ก็ ปีนกำแพงหลังจวนแล้วออกไปด้วยความคล่องแคล่ว
โรงหมั่นเย่วนั้นเป็นสถานที่ที่องค์รัชทายาทชอบไป จึง ไปสืบได้ไม่ยาก

เพราะเช่นนั้น หยุนเชียนซีจึงหาตำแหน่งของโรงหมั่น เย่วได้อย่างง่ายดาย โรงหมั่นเย่วนี้ สร้างขึ้นเพื่อพวก ขุนนางผู้ดีโดยเฉพาะ หรูหรามาก

โรงหมั่นเย่วในวันนี้ ดูจากด้านนอกก็สนุกสนานมาก พอ ไปสืบจึงรู้ว่าสามวันนี้เป็นครั้งแรกที่มีการแสดงจากนาง โลมที่งดงามที่สุด วันนี้เป็นวันสุดท้าย เป็นวันที่นางโลม คนสุดท้ายขึ้นเวทีแล้วประมูลขายคืนแรกของนาง

เพราะเช่นนั้นจึงสนุกสนานมาก

หยุนเชียนซียิ้มที่มุมปาก องค์รัชทายาทและอ๋องฉี คงไม่ ได้มาเพราะคืนแรกนี้ใช่ไหม?

ถ้าเช่นนั้นขอโทษด้วยนะ วันนี้นางมา ต้องไม่ให้องค์ รัชทายาทสมหวังแน่นอน!

หยุนเชียนซีเดินเข้าไปในโรงหมั่นเย่วด้วยความเชิดหน้า ชูตา หญิงสาวและแม่เล้าที่ประตูเห็นนางปากแดงฟันขาว เช่นนั้น แถมยังดูเป็นผู้ดี จึงไม่กล้าขวางทาง

หลังจากที่เดินเข้าโรงแล้ว หยุนเชียนซีจึงถอนหายใจ ตนเองทะลุมิติมาแล้วจริงๆ
ความรุ่งเรืองของที่นี่ ช่างต่างกับลานบ้านหวั่นเสี้ยนัก ชายหนุ่มและหญิงสาวที่นี่ ต่างก็ยิ้มแย้มหลากหลาย ที่ เหมือนผับในโลกปัจจุบันมาก แต่กลับไม่ใช่

หยุนเชียนซีเอ๊ยหยุนเชียนซี สถานที่เจ้าอยู่ตอนนี้ เป็น ที่เจ้าเกิดใหม่ เป็นราชวงศ์ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ เป็น สถานที่ที่เจ้าจะต้องมีชีวิตต่อไปในอนาคต

หยุนเซียนซีใส่เสื้อชายหนุ่มสีขาว ดูแล้วหล่อเหลา เสื้อผ้าหรูหรา ไม่ธรรมดา พอเดินเข้าไปในโรงหมั่นเย่ว ก็ มีหญิงสาวพุ่งเข้ามาหาในทันที

“นี่ คุณชายท่านนี้ ดูแล้วแปลกหน้านะเจ้าคะ? มาที่โรง หมั่นเย่วครั้งแรกหรือ? มามา ให้แม่เล้าหาหญิงสาวที่ งดงามให้ท่านนะเจ้าคะ” หญิงสาวที่เข้ามานั้นอายุราว สามสิบกว่า แต่งตัวสวยงาม มือถือใบพัด มีบุคลิกของแม่ เล้าอย่างเต็มตัว

หยุนเซียนซีสีหน้าดูสูงส่ง ค่อยๆ ดึงแขนของตนเองออก จากแขนของแม่เล้า แล้วมองไปทางชั้นสอง “เปิดห้องให้ ข้าสิ ไม่ต้องพูดมาก!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ