บทที่ 4 ความลับแห่งสมบัติลับ
ภายในอุโบสถศาลเจ้ามีแสงไฟสลัวๆ ไฟตะเกียงที่สั่นไหวติดๆ ขัดๆ คล้ายดั่งอายุขัยของหลี่เทียนหยวนที่ยืนอยู่หน้ารูปปั้น ปรมาจารย์บรรพบุรุษในห้องอุโบสถ เห็นได้ชัดว่าชายชราที่ยืน อยู่หน้ารูปปั้นปรมาจารย์บรรพบุรุษกำลังแก่ลงอย่างรวดเร็ว
ร่างกายที่เดิมที่ยังดูกำยำแข็งแรงค่อยๆผอมสูบคดงอลง ดวง หน้าที่เดิมทีแดง มีน้ำมีนวลก็เริ่มเต็มไปด้วยกะฝ้าของคนแก่ ในแววตาคู่นั้นก็เริ่มปรากฏความขุ่นมัวขึ้น มีเพียงแสงสุกใสใน แววตาที่ปรากฏขึ้นเป็นระยะ ที่ยังพอยืนยันได้ว่าสติสัมปชัญญะ ของชายชรายังคงกระฉับกระเฉงอยู่
“อาจารย์…”หลินไปที่คุกเข่าอยู่บนพื้นร้องไห้จนพูดอะไรไม่ ออกแล้ว ก้มค่านับลงกับพื้น น้ำตาที่ไหลรินออกมาจากดวงตา เปียกชุ่มไปทั่วพื้น
“ศิษย์รักอย่าโศกเศร้าไปเลย คนอายุมากอย่างนี้ าง ตั้งแต โบราณกาลก็มีน้อยนิดนัก ฉันมีชีวิตอยู่มานานเป็นร้อยกว่าปี แล้ว มีอายุเท่านี้เพียงพอแล้ว”หลี่เทียนหยวนลูบศีรษะหลินไป เบาๆ เอ่ยยิ้มๆ
“เงยหน้าขึ้น ดูนี่ นี่ก็คือสมบัติลับแห่งสำนักเทียนเซียงของ เรา”หลี่เทียนหยวนในประคองร่างเดินไปด้านหน้ารูปปั้น ปรมาจารย์บรรพบุรุษ หลังจากที่ก้มค่ากับสามหนแล้ว ก็น่าตำรา โบราณเล่มนั้นที่อยู่ในมือปรมาจารย์บรรพบุรุษลงมา
ดูแล้วตำราโบราณเล่มนี้ไม่ได้แตกต่างอะไรจากหนังสือ โบราณที่เหล่านักสะสมๆกันเลย ได้ทิ้งร่องรอยแห่งกาลเวลาที่ ล่วงเลยไปไว้ในนั้น ทําให้ดูเก่าแก่เกินบรรยาย แต่หากสังเกตดู ดีๆก็จะพบว่า ตำราโบราณเล่มนี้ไม่ได้ทำจากกระดาษ หากแต่ท่า จาก โลหะชนิดหนึ่งที่คล้ายแผ่นกระดาษ ไม่ใช่ทองไม่ใช่ฝน แม้ จะเก่าผุพัง แต่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเก่าแก่และเรียบ ง่าย
“พวกเจ้าทั้งสองจงกัดนิ้วมือให้เลือดไหลออกมา ให้เลือดสด ไหลลงบนตำราโบราณเล่มนี้” หลี่เทียนหยวนเอ่ยด้วยเสียงหนัก อึ้ง “ซานเฟิง เจ้าเป็นศิษย์พี่ เจ้ามาก่อน
จางซานเชิงชูมือขึ้น เลือดสดบนปลายนิ้วหยดลงบนหน้าปก ตำราโบราณ ผ่านไปสักครู่ใหญ่ๆ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆเกิดขึ้น ลม หายใจในอุโบสถยังคงอยู่
หลีเทียนหยวนหน้าถอดสีไปเล็กน้อย ทันใดนั้นราวกับแก่ตัว ลงอีกเป็นเท่าตัว
“หลินไป ถึงตาเจ้าแล้ว
หลินไปไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อย กัดนิ้วจนเลือดไหล เลือดแดงสด หยดหนึ่งหยดลงไปบนตาราโบราณ
ตาราโบราณที่เดิมทีเก่าคร่ำครึมืดมนไร้แสง แต่เมื่อเลือดสด ของหลินไป๋หยดลงไป กลับปรากฏอักษรโบราณนับไม่ถ้วนขึ้น บนหน้าปกตารา ราวกับมีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น อักษรแต่ละตัว เด้งไปมาอยู่บนตำราโบราณ
ๆภายในอุโบสถก็มีประกายแสงสว่างจ้าขึ้น ทันใดนั้นตัว อักษรบนตำราโบราณก็ได้หมุนมารวมตัวกัน รวมตัวกลายเป็น ภาพเรื่องเหอถูโบราณ เด้งออกมาจากตำราโบราณ และประทับ ตราลงบนหน้าผากหลินไป พร้อมกับตำราโบราณที่หายวาบไป ทันที
เดิมทีเสียงฟ้าร้องนอกศาลเจ้ารุนแรงและร้องมาก แสง ฟ้าแลบได้ทําลายความมืดมิดของท้องฟ้า แสงไฟดุจดุจมังกร มารวมตัวอยู่บนหลังคาศาลเจ้า ราวกับพร้อมจะร่วงหล่นลงมา ตลอดเวลา แต่ทว่าหลังจากที่ลำแสงจากภาพเรื่องเพื่อส่อง กระทบเข้าไปบนหน้าผากของหลินไปแล้ว เสียงฟ้าร้องด้านนอก ศาลเจ้าก็ค่อยๆไกลออกไป รวมทั้งท้องฟ้าที่มืดครึ้มก่อนหน้านี้ก็ ค่อยๆมีแสงสว่างส่องเข้ามา สภาพอากาศเริ่มมีทีท่าที่จะแจ่มใส ขึ้นมา
“ดี ดี ดี”หลังจากทีหลี่เทียนหยวนพูดคำว่าดีไปสามหน มอง หน้าหลินไปและจางซานเฟิงที่เต็มไปด้วยความมึนงง ก่อนจะ แหงนหน้าขึ้นหัวเราะลั่น
“นึกไม่ถึงว่าในชาตินี้ คนอย่างฉันจะได้รับสุดยอดลูกศิษย์เช่น นี้มาคนหนึ่ง ขณะที่สมบัติลับเลือกเจ้าของ สามารถทำให้ฟ้าดิน แปรปรวนได้ถึงเพียงนี้ ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าอาจารย์เลย สํานักเทียนเซียงของฉันมีคนสืบทอดแล้ว ฉันก็มีหน้าไปพบเหล่า บรรพบุรุษของสำนักใต้พิภพแล้ว”
“หลินไป๋ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเองคือปรมาจารย์รุ่นใหม่ ของสํานักเทียนเซียง”หลี่เทียนหยวนมองหน้าหลินไปพร้อมเอ่ยอย่างอ่อนโยน ในแววตาเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นและความ ภาคภูมิใจ ราวกับพ่อคนหนึ่งเห็นลูกชายประสบความสำเร็จ อบรมเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กจนถึงวันนี้ เป็นทั้งอาจารย์เป็นทั้งพ่อ
“ซานเฟิง เอ็งออกไปก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับศิษย์น้องของ เอ็ง”หลี่เทียนหยวนเหลือบมองจางซานเฟิงที่ร้องไห้จนพูดอะไร ไม่ออกบนพื้น ก่อนจะยื่นมือไปตบบ่าเขาสองสามที พร้อมเอ่ย เสียงเรียบ
หลังจากที่จางซานเฟิงออกไปจากอุโบสถแล้ว หลี่เทียนหยวน มองหลินไปที่อยู่บนพื้นด้วยความเมตตา “ศิษย์รัก มีอะไรที่อยาก จะถามข้าก็รีบถามเถอะ เวลาของข้าใกล้จะหมดแล้ว”
“อาจารย์ ท่านต้องอายุยืนยาวแน่ๆ คำโบราณได้กล่าวไว้แล้ว ว่าคนชั่วจะอายุยืน ท่านได้ทำเรื่องชั่วช้ามาไม่น้อย ไก่ในบ้านผู้ ใหญ่หลี่ก็เป็นท่านที่ให้ผมไปขโมย เรื่องปืนกำแพงแอบดู แม่หม้ายอาบน้ำก็เป็นท่านที่ให้ผมไปทำ จิตใจของท่านชั่วร้าย อำมหิตจะตาย ต้องไปตายง่ายๆแบบนี้แน่” หลินไปมองหลี่เทียน หยวนที่อยู่ตรงหน้าด้วยน้ำตาท่วมหน้า พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น
หลี่เทียนหยวนเตะจนหลินไปกระเด็นออกไป ชี้หน้าหลินไป ตะโกนด่าลั่น “ไอ้เด็กบ้า ฉันอายุได้หนึ่งร้อยสามปีแล้ว ก่อนจะ จากไปแกยังจะสาปแช่งให้ฉันอายุยืนอีก และอีกอย่างจะเป็น หรือจะตายก็ขึ้นอยู่กับดวงชะตา ทั้งแกและฉันต่างก็เป็นผู้ สืบทอดศาสตร์การดูดวง ยังไม่เข้าใจในสัจธรรมข้อนี้อีกหรือ เวลาครึ่งวันนี้ฉันก็ได้มาจากการใช้ดวงดาวทั้งเจ็ดของจูเกือบ้าน ยาวแก้ไขดวงชะตามา และอีกอย่าง ฉันก็จวนจะตายอยู่แล้ว แกยังจะใส่ร้ายป้ายสีผู้เฒ่าอย่างฉันอีก หากไม่ใช่เพราะเห็นว่าที่แก พูดอย่างนี้ก็เพราะอยากให้ฉันมีชีวิตต่ออีกสองสามวันแล้วล่ะก็ ฉันฟาดไม้เรียวใส่แกไปตั้งนานแล้ว ”
หลี่เทียนหยวนดึงหลินไปให้ลุกขึ้นมาด้วยความเมตตา ลูบผม ยาวสลวยบนศีรษะหลินไปเบาๆที่หนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วเอ่ย ขึ้นอยู่ดีไม่ว่าดี ไว้ผมหางม้านี้ทำไม พรุ่งนี้รีบไปตัดทิ้งสัก
“มีอะไรจะถามก็รีบถามเถอะ สวรรค์ไม่อยากให้ฉันอยู่ต่อ แล้ว” หลี่เทียนหยวนนั่งอยู่ข้างรูปปั้นบรรพบุรุษด้วยร่างกายสั่น เทา พร้อมเอ่ยยิ้มๆ
หลินไปปาดน้ำตาออก มองไปยังหลีเทียนหยวนที่อยู่ตรงหน้า
เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ”อาจารย์ หากอาจารย์อามาจริงๆ
สมบัติลับนี้จะทำอย่างไร แล้วต่อไปสำนักเทียนเซียงของเราจะ
ทำอย่างไรต่อ จะอยู่ในเขาเหมาซานต่อไปหรือออกไปฝึกฝนข้าง
นอก ลูกศิษย์คนนี้ของท่านไม่อยากเป็นนักพรตแบบท่านตลอด
ชีวิตหรอกนะ ต่อให้ต้องเป็นอย่างน้อยก็ต้องเป็นนักพรตที่มี
เพื่อน”
“สํานักเทียนเซียงไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรมากมายขนาดนั้น แก คือปรมาจารย์คนต่อไป จะทำอย่างไรกับสำนักเทียนเซียงก็เป็น สิทธิ์ของแก แกไม่ต้องคิดมาก ต่อให้แต่งเมียเป็นร้อย มีศิษย์ลูก ศิษย์หลานให้ฉันเป็นโขยง ก็ไม่มีใครทำอะไรเองหรอก ฉันอยู่ใน แดนยมบาล ก็จะดีใจกับแกด้วย สำหรับเฉินหลิงอาจารย์อา ของแก ฉันเคยตรวจดูดวงชะตาให้แกแล้ว เขาเป็นคนบุญน้อย ตั้งแต่เกิด ไม่ต้องกลัว
“สมบัติลับเป็นของวิเศษ การใช้จะเปลี่ยนแปลงไปตามผู้ใช้ สําหรับความวิเศษของมัน เอ็งก็ต้องค่อยๆสัมผัสมันด้วยตัวเอง หลังจากที่หลี่เทียนหยวนได้ถอนหายใจยาวไปเชือกหนึ่ง ก็มอง หลินไปที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางซับซ้อน เอ่ยขึ้นเสียงเบา “ตั้งแต่ เกิดมา แกก็มีความสามารถทำนายแม่นยำติดตัวมาแต่เกิด ต้อง ใช้อย่างระมัดระวัง ห้ามหลงเข้าไปในทางอธรรมเด็ดขาด”
“ทำนายแม่นยำ”หลินไปไม่เข้าใจ เอ่ยถามหลีเทียนหยวนที่ อยู่ตรงหน้าด้วยความตะลึง
“แกไม่เคยสังเกตหรือ ว่าบางครั้งขอเพียงเป็นสิ่งที่แกพูดออก มา หากมันไม่โหดร้ายเกินไป มันก็จะเป็นจริงเสมอ”หลี่เทียน หยวนต่อว่าอย่างยิ้มๆ “แกช่างเป็นเด็กที่อยู่ในบุญแต่ไม่รู้คุณ จริงๆ ความสามารถพิเศษที่หมอดูมากมายต่างเฝ้าฝันกลับถูก คนอย่างเอ็งครอบครองไป แต่แกกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
พอหลินไปพินิจพิจารณาดีๆ เหมือนว่าจะเป็นเช่นนี้จริงๆด้วย ก่อนหน้านี้ตนไปเที่ยวเล่นข้างนอก มีวันหนึ่งหลงทางในเขต ชุมชน กำลังคิดในใจว่าอยากจะพบตำรวจ ทันใดนั้นก็เห็นแสง ไฟรถลาดตระเวนของตำรวจมาแต่ไกลพอดี
“ความสามารถพิเศษนี้ของแก ต้องเท้าความไปถึงตอนแก อายุได้สี่ขวบ เนื่องจากขโมยไก่มาตุ๋นซุปแล้วฉันไม่ให้แกกินน่อง ไก่ แกก็เลยสาปแช่งให้ฉันตก โถส้วม ฉันก็เพิ่งค้นพบมันตอนที่ ตกส้วมจริงๆ ในคืนนั้นนั่นแหละ ตลอดหลายปีมานี้ที่ฉันไม่ได้ บอกแก ก็เพราะกลัวว่าแกจะใช้มันไปทำเรื่องไม่ดี
“หลินไป แกเป็นคนเฉลียวฉลาดมาแต่เกิด แต่มีนิสัยเที่ยว เอ้อระเหยลอยชายเกินไป สิ่งที่อาจารย์พูดต่อไปนี้แกก็จดจำไว้ ให้ขึ้นใจนะ การสืบทอดศาสตร์การดูดวงของเรา หากจะพูดตาม ตรง ก็คือการเปิดเผยความลับแห่งสวรรค์ แต่ความลับนี้จะเปิด เผยมากเกินไปไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นจะถูกโจมตีกลับจากฟ้า
“โจมตีกลับจากฟ้าดิน”หลินไปสีหน้ามึนงงไปหมด เอ่ยถาม อย่างตกตะลึง
“ทุกสิ่งมีเหตุผลในการพัวพัน ความพิกลพิการไม่สมประกอบ ยังถือเป็นเรื่องเล็กน้อย หากพัวพันไปถึงความลับแห่งสวรรค์คน ที่จะเดือดร้อนไม่ได้มีเพียงแกคนเดียว แม้แต่ญาติพี่น้องก็จะ เดือดร้อนตัว”
หลี่เทียนหยวนสีหน้าจริงจังขึ้นมา จ้องหน้าหลินไปก่อนจะเอ่ย ต่ออย่างตรงไปตรงมา หมอดูอย่างเรา ส่วนมากก็จะผิดอย่าง หนึ่งในสิ่งที่ไม่ดีห้าอย่าง พ่อม่าย แม่หม้าย กําพร้า ผู้อายุสูงกับ และพิการ สิ่งที่ขาดสามอย่าง เงิน ชีวิตกับอำนาจ) ฉันได้ตรวจ ดูดวงชะตาของแกแล้ว แกอาจจะค้นพบวิธีการในการแก้ไข ปัญหานี้ก็ได้ หากมีโอกาส สามารถช่วยเหล่าหมอดูทั้งหลายแก้ ปัญหานี้ แต่แกต้องจดจำไว้ให้ขึ้นใจนะว่าอย่าเอาชีวิตตัวเอง เข้าไปเสี่ยง
ลมหายใจของหลี่เทียนหยวนค่อยๆรวยรินลง เขาเห็นหลินไป มาตั้งแต่อ้อนแต่อ่อนจนเติบใหญ่ในวันนี้ ความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน นั้นได้เลยความสัมพันธ์ของอาจารย์และศิษย์แล้ว เขาเห็นหลินไปเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่งของตนจริงๆ เหลือเวลาไม่มากแล้ว อายุขัยกำลังจะสิ้น คนที่เขาเป็นห่วงที่สุดก็คือหลินไป
ขณะนี้ น้ำเสียงของหลินไปสะอื้นเกินจะบรรยายแล้ว มองดูหล เทียนหยวนซึ่งอยู่ตรงหน้าที่ลมหายใจค่อยๆรวยรินลง เขา สวมกอดร่างของผู้เฒ่าเอาไว้ร้องเรียกเสียงสะอื้น”อาจารย์………
น่าเสียดาย น่าเสียดายเหลือเกิน ที่ชาตินี้ฉันไม่มีโอกาสได้ เห็นภาพแกแต่งงานมีลูกมีครอบครัว”หลี่เทียนหยวนแหงนหน้า ขึ้นหัวเราะลั่น ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาไม่น้อย แต่หลินไปเข้าใจดี นี่ เป็นเพียงการระลึกวันวานเท่านั้น
“ธรรมะแปรผัน มีเพียงฉันที่สามารถคาดคะเนได้ และเป็น บุคคลผู้อัจฉริยะในนั้น ชีวิตนี้ของฉันไม่มีอะไรค้างคาใจแล้ว”
เกิดลมพายุพัดกระหน่ำขึ้นนอกหน้าต่าง ก้อนเมฆครึ้มบน ท้องฟ้าก็รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน เกิดความเยือกเย็นขึ้นกลางฟ้า ดิน เสียงฟ้าผ่ากึกก้องไปทั่วฟ้า ราวกับกำลังร่วมคร่ำครวญ ไว้อาลัยแด่ชายชราที่จากไป
“ตาเฒ่า จะทิ้งกันไปง่ายๆแบบนี้เหรอ แล้วไหนสมบัติลับของ สํานักเรียนเชียงล่ะ รีบเอาออกมาให้ฉันเร็วเข้า
คราบน้ำตาบนใบหน้าของหลินไปยังไม่ทันแห้ง ก็ได้ยินเอะอะ โวยวายของชายวัยกลางคนคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านนอก เขาวาง ร่างไร้วิญญาณของหลี่เทียนหยวนลงอย่างระมัดระวัง และเช็ด คราบน้ำตาบนใบหน้าทิ้ง ก่อนจะหมุนตัวและพุ่งตรงออกไปด้าน นอก
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ