ตอนที่ 2
2
เขาจะเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของตนเองให้ดี
โชคชะตาอยู่ที่ตัวเรากำหนด หาใช่คนอื่นไม่ หากยอม แพ้ก็เหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว ชีวิตจะอยู่ยืนยาวนานแค่ ไหน สู้และเปลี่ยนแปลง ก็จะรู้ด้วยตัวเอง!
“คุณชายนอนหลับไปสามวันเต็ม ๆ บ่าว…บ่าว…” เสี่ยว ผ่านพูดไม่ออก เขาไปตามท่านหมอให้มาดูคุณชาย แต่ กลับถูกบ่าวรับใช้ของฮูหยินและคุณหนูขัดขวาง เขา ทำได้เพียงแค่เช็ดเลือด หาผ้ามาพันไว้และคอยเช็ดตัว ให้คุณชายที่นอนไม่ไหวติง มีเพียงแค่ลมหายใจแผ่วเบา เท่านั้นที่บอกว่ายังคงมีชีวิตอยู่
“เสี่ยวฝาน”
“ขอรับคุณชาย”
“ข้ายังต้องออกจากที่นี่ไปที่นั่นอยู่หรือไม่”
“ไป…ไปขอรับ”
“ยังเหลือเวลาทีข้าจะอยู่ที่นี่อีกนานเท่าใด เขาเอยถาม อย่างไม่รู้สึกเสียใจหรือน้อยใจแต่อย่างใด การไปที่นั่นใน ครั้งนี้ จะเท่ากับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเขาเ
“แต่ช่างเถอะ จะมีเวลาเหลือเท่าไหร่ อย่างไรก็ เปลี่ยนแปลงสิ่งใดมิได้ เจ้าช่วยเตรียมน้ำให้ข้าสักหน่อย เถิด ข้าอยากชาระล้างร่างกายเสียหน่อย
“แต่…”
“มิเป็นไร ข้ามีสิ่งที่ต้องทำก่อนที่จะต้องไปจากที่นี่ ถ้า หากชักช้าไปคงไม่ทันการณ์” เขาบอกกับเสี่ยวผ่านที่ออก อาการไม่ค่อยอยากจะทำตามสักเท่าใด
“เชื่อคำพูดของข้าเถอะเสี่ยวฝาน หลังจากนี้ไป ข้าจะ ทำตัวใหม่ เพื่อทำให้ข้าและเจ้ามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ข้าจะไม่ทำตัวอ่อนแอให้เป็นปัญหาอีกแล้ว ข้าให้สัญญา เขายิ้มให้กับบ่าวรับใช้ที่ติดตามดูแลกันมาตั้งแต่ยังเป็น เด็กน้อย แม้มีโอกาสได้ไปยังยังที่ซึ่งดีกว่านี้ หากเสี่ยว ผ่านก็ยังเลือกที่จะอยู่ดูแลเขา คนที่กตัญญูรู้คุณและเป็น คนดีเช่นนี้ เขาจะปล่อยให้ลำบากได้เช่นไร
“ขอรับคุณชาย”
เมื่อเสี่ยวฝานกระวีกระวาดไปทำตามคำขอของข้าแล้วข้าก็พยุงตัวเองที่ค่อนข้างจะไร้เรี่ยวแรงขึ้นจากเตียงนอน เก่าที่ผุพังจนแทบจะใช้นอนไม่ได้แล้วไปเตรียมตัวชำระ ล้างร่างกายเพื่อจะไปคุยธุระอันสำคัญยิ่งกับผู้เป็นนาย หญิง…ฮูหยินสี่อิงเหม่ย
“ขอฮูหยินโปรดอภัยที่ข้าน้อยมารบกวนท่านยามกำลัง พักผ่อนขอรับ”
สี่หนิงเหอประสานมือพร้อมโค้งคำนับให้แก่หญิงวัย กลางคนที่ปรายสายตาเกรี้ยวกราดมองมา
“ในเมื่อรู้ว่ามารบกวนก็รีบไสหัวกลับไปเสียสิ มาทาง ไหนก็กลับไปทางนั้นเลย”
คนกล่าวเป็นหญิงร่างบอบบาง ใบหน้าคิ้วคางช่างรับกัน อย่างเหมาะเจาะกับเรียวปากอิ่ม รูปกายภายนอกของนาง ช่างงดงามประหนึ่งนางฟ้า หากวาจากลับ…สี่หนิงเหอแอบ ถอนหายใจ
“ข้าน้อยขออภัยคุณหนูใหญ่ด้วยขอรับ แต่การณ์นี้ถ้า หากมิได้มาบอกกล่าวให้กับฮูหยินได้จัดการแก้ไขอย่าง เร็วไว คงมิทันท่วงทีขอรับ”
ฮูหยิงสี่อิงเหม่ยวางถ้วยชาในมือลงอย่างแรง “เจ้าจะมา กล่าวโทษข้า เรื่องที่เจ้าบาดเจ็บแล้วข้ามิให้คนไปตาม หมอมารักษา”
“เปล่า…เปล่าขอรับฮูหยิน ข้าน้อยมาด้วยเรื่องอื่นขอรับ จะไม่รีบได้อย่างไรกันเล่า ก็ข้ามาหาความสบายให้กับตัว เฮงและหาทางออกให้กับตัวเองยามเมื่อต้องจากเรือนนี้ ไปอย่างไรกันเล่า
“ถ้าไม่ใช่มาต่อว่าข้ากับท่านแม่ แล้วเจ้ามาด้วยเรื่องอัน
“น่าจะยังเหลือเวลาอีกหลายวันที่ข้าจะต้องจากเรือน หลังนี้ไป แต่เพราะข้าได้รับบาดเจ็บ มันทำให้ข้าได้คิด ขอรับ…ตัวข้าเองก็เติบโตมาในเรือนแห่งนี้ แม้ไม่ใช่บุตร ในอุทร หากท่านฮูหยินก็ดูแลข้าเป็นอย่างดี” กับผีนะ สิ รังแกเสียจนข้าเกือบจะกลับบ้านเก่าเสียตั้งหลายครั้ง หลายครา ถ้าไม่ใช่ว่าข้าเป็นคนดวงแข็ง คงไม่อยู่มา จนถึงตอนนี้หรอก
“เจ้าจะว่ากล่าวอันใดก็รีบพูดมา”
“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ใช่บุตรที่สามารถเชิดชูได้ หากแต่ก็ ถือว่าเป็นบุตรของนายท่านเหวินหม่า”
“เจ้าต้องการพูดอะไรกันแน่
คุณหนูใหญ่ ท่านช่างเป็นคนที่ใจร้อนเสียจริง
“แม้ข้าจะต้องไปเป็นเพียงแค่อนุภรรยาแก่ท่านผู้นั้นแม่ง! นี่มันบ้าเกินไปแล้ว ข้าก็เป็นบุรุษ ทำไมต้องไป อนุภรรยาให้กับบุรุษเช่นกันด้วย “แต่ตัวข้าควรจะต้องมี ความรู้ติดตัวไปบ้างหรือไม่ขอรับ” ตัวข้าแค่พออ่านออก เขียนได้ แต่ก็ไม่ได้คล่องมากมายนัก ก่อนไปก็ควรจะ ต้องศึกษาเพิ่มเติมเอาไว้
“แต่เจ้าก็อ่านออกเขียนได้
“ใช่ขอรับคุณหนูใหญ่ แต่ท่านคิดว่าการที่ข้าอ่านและ เขียนได้เฉพาะชื่อของตนเองจะไม่เป็นปัญหาหรือขอรับ” ข้าถามให้คุณหนูใหญ่และท่านฮูหยินได้คิด
“เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปหรือเปล่า แค่ฝึกอ่านเขียน แค่วันสองวันคงไม่ทำให้เจ้าฉลาดขึ้นหรอกนะ”
ข้าได้แต่ยิ้ม…คนไม่รู้ ย่อมไม่ผิด แต่คนที่ไม่คิดจะใฝ่รู้ ต่างหากเล่า ที่ผิด สำหรับตัวข้านั้น ถ้าหากแสดงออกว่า อ่านออกเขียนได้มากเกินกว่าที่ได้เรียนรู้ คนฉลาดเช่นฮู หยินสี่อิงเหม่ยหรือจะไม่สงสัย เขาถึงได้พูดกันว่า ทำอัน ใดควรจะเหลือทางไว้อีกสาย ถ้าหากมันพลาดพลั้ง จะได้ มีทางออกให้กับเรื่องที่ทํา แต่นั่นก็จะต้องหมายถึง เรื่องที่ ไม่ร้ายแรงจนไม่อาจจะให้อภัยได้
“ขอบคุณที่คุณหนูใหญ่เป็นห่วงข้าขอรับและข้าเข้าใจ ในความกังวลของคุณหนูใหญ่ แม้เวลาที่ได้ร่ำเรียนจะไม่ กี่วัน สิ่งที่ได้จะมากหรือน้อยก็คงจะต้องขึ้นอยู่กับความสามารถที่วข้ามีแล้ว แต่ข้าจะทำให้ดีที่สุด จะไม่ ให้คุณหนูใหญ่ผิดหวังและขายหน้าเป็นเด็ดขาดขอรับ
เมื่อเห็นว่าสี่ซูเจียวไม่อาจจะโต้ตอบกลับมาได้และ หยินก็เพียงแค่มองมาอย่างไม่สนใจหากแต่ก็รับฟัง มันก็ ทำให้ข้ากล้าที่จะเอ่ยในเรื่องต่อไป
“ตัวข้าเพิ่งฟื้นจากไข้ ควรจะต้องได้รับอาหารที่ดีและมี ประโยชน์กับร่างกายบ้าง”
“เจ้าจะหาว่าท่านแม่ดูแลเจ้าไม่ดี ไม่ได้รับความยุติธรรม เช่นนั้นหรือ”
“ปะ….เปล่าขอรับคุณหนูใหญ่ เห็นทีว่าท่านคงจะตีความ ในคำพูดของข้าน้อยผิดไปเสียแล้วขอรับ…คุณหนูใหญ่ดู ข้าสิขอรับ” เขายื่นมือที่เล็กราวกับเด็กไปให้คุณหนูใหญ่ ดู
“ที่นี่ทุกคนล้วนแล้วแต่มีงานต้องทำ ไม่มีใครสนใจใคร แต่หากไปที่นั่น…คนที่นั่นเห็นข้าเป็นแบบนี้ก็คงจะตกใจ เป็นยิ่งนัก อาจคิดไปได้ว่าเราเล่นตลกหลอกลวง จะกล่าว อ้างว่าไม่สบาย เพิ่งฟื้นจากป่วยไข้ก็ฟังดูจะไร้เหตุผล ไม่ น่าเชื่อถืออยู่ดี ถ้าหากทางนั้นคิดว่าทางเราส่งใครก็ไม่รู้ ไม่ได้เป็นอะไรกับท่านฮูหยินและนายท่านเหวินหมาไป…หรือไม่ขอรับ” เขารู้ว่าฮูหยินเป็นคนฉลาด ย่อมฟังความต้องการของเขาออก แต่แล้วอย่างไรเล่า เขาพูดความจริง นา
“อีกเรื่องที่ข้าน้อยเห็นทีจะต้องขอความกรุณาจากฮู หยิน….อาภรณ์ที่สวมใส่และของใช้สอย”
“ที่พูดมาทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า…
“ซูเจียว”
แต่ท่านแม่…ท่านดูที่มันพูดออกมาสิ แค่อ้าปากก็รู้แล้ว ว่ามักใหญ่ใฝ่สูงแค่ไหน มันกำลังจะทำตัวเทียบเทียมข้า และเจ้ารองอยู่นะท่านแม่”
สี่ซูเจียวออกอาการฮึดงัดไม่พอใจอย่างยิ่ง พลางชัก แม่น้ำทั้งห้าเพื่อให้ผู้เป็นมารดาเชื่อและหาทางลงโทษ เขา ทว่าคราวนี้คำพูดของข้าล้วนแล้วแต่ถูกกลั่นกรองมา อย่างดีแล้วและมีน้ำหนัก ทำให้เชื่อได้ว่าหวังดีต่อตระกูล สี่จริง ๆ เมื่อเห็นว่าผู้เป็นมารดาไม่คิดจะใส่ใจคำที่นางพูด นางจึงหันมาถลึงตาใส่ข้า ในสมองอันด้อยปัญญาของ นางคงกำลังคิดว่าจะเล่นงานข้าอย่างไรดี แต่ฮี! คราวนี้ เห็นทีข้าคงจะไม่ยอมให้นางสมหวังเสียแล้วล่ะ
“คุณหนูอย่าตีความหมายที่ข้าพูดไปผิดเลยนะขอรับยังไง นี่ก็เป็นบ้านของข้า ข้า…ข้าย่อมไม่ต้องการให้ใคร ได้รับความเดือดร้อน” เขาพูดเสียงเบาและเศร้า แต่ใน ใจนั้นกลับคิดไปคนละทาง ใครจะเป็นเช่นไรก็ช่าง ข้าไม่ สนใจเลยสักนิด แต่เพราะข้าต้องการให้คนที่นี่หายไปให้ หมด
“เจ้า!”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ